Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 368

ตอนที่ 368 หาข้อผิดพลาดมักจะหาได้ง่าย

หวังทงสำแดงบารมีไปครั้งหนึ่ง ตอกหน้าใส่ครั้งหนึ่ง ล้วนทำให้ทุกคนเสียหน้า มีเรื่องกันถึงขั้นนี้ จะมาตรวจสอบถึงที่ก็มาเถอะ

ทุกคนต่างตั้งใจว่าจะหาเรื่องให้ได้ค่อยเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หน่วยงานทางการ ทุกคนทำงานให้ราชสำนัก มีเงินเข้าออกเช่นนี้ จะมีปัญหาบกพร่องก็เป็นเรื่องธรรมดา หากไม่มีเลย กลับไม่ถูกต้องนัก

วันที่ 23 เดือนสาม ทุกคนประสานกำลังไปเยือนถึงที่ ก่อนหน้านั้นได้ส่งเอกสารไปแจ้งตามธรรมเนียมแล้ว แจ้งว่าจะไปปฏิบัติหน้าที่ ขอให้อำนวยความสะดวก ครั้งนี้นายกองพันหวังแห่งสำนักองค์เสื้อแพรไม่ได้ชักสีหน้าใส่ กล่าวเพียงว่าเชิญให้มาวันไหน

พอมาถึงหน้าประตูที่ทำการสำนักองครักษ์เสื้อแพร บอกกล่าววัตถุประสงค์ที่มา ทหารเฝ้าประตูก็เชิญทุกคนเข้าไปด้วยท่าทางปกติ พอเข้าไปด้านใน ทุกคนก็รู้สึกเหนือความคาดหมาย

ที่เรียกว่าขุนนางไม่ซ่อมแซมปรับปรุงที่ทำการ ทุกที่ทำการก็ล้วนเก่าแก่ผุพัง แต่สำนักองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินกลับสะอาดสอ้านและเป็นระเบียบมาก มีคนสวมชุดยาวแบบบัณฑิตเดินไปเดินมา ก้าวเท้าเร็วไม่หยุด สภาพดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย

ความยุ่งเหยิงที่เป็นระเบียบดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเป็นองค์กรและประสิทธิภาพ ทุกคนคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นสภาพเช่นนี้ในหน่วยงานราชการอย่างเช่นที่ทำการกองพันองครักษ์เสื้อแพรพันแห่งนี้ ทุกคนล้วนประหลาดใจ

พอมาถึงข้างห้องโถงใหญ่ หวังทงสวมชุดนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรอรับอยู่หน้าประตู พอเห็นทุกคนมาถึง ก็เพียงแค่ประสานมือกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ลำบากใต้เท้าทุกท่านเดินทางมาไกล เชิญทางนี้?!”

เมื่อเห็นท่าทางดูไม่เย็นชาและไม่กระตือรือร้นของหวังทง คณะตรวจสอบก็คิดจะกล่าววาจากระทบสักสองสามประโยค แต่พอเห็นพลทหารองครักษ์เสื้อแพรท่าทางเคร่งขรึมยืนเรียงเป็นแถวสองข้างทาง อาวุธครบมือ ก็ได้แค่กลืนวาจาลงท้องไป

บางคนถึงกับคิดว่าหวังทงปล่อยให้ทุกคนเข้ามา คงไม่ใช้เป็นเพราะรอให้เป็นพื้นที่ของเขา เขาจะได้ลงมือทำอะไรได้สะดวกกระมัง!

หลายคนเริ่มรู้สึกหวาดกลัว มีเพียงหูจื้อจงที่มีสีหน้านิ่งเรียบ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ทุกคนทำอันใดไม่ได้ ได้แต่เดินตามไป

สถานที่ที่หวังทงเตรียมไว้สำหรับพวกเขาไม่ได้อยู่ในห้องโถงใหญ่ และก็ไม่ใช่ที่ทำการ แต่เป็นเรือนด้านข้างปีกขวา ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบใช้เรือนปีกข้าง ช่างคิดออกมาได้

กัวผิงกว่างแห่งกรมทหารแอบขมวดคิ้ว กะเอาว่าพอเข้าไปด้านในก็จะตบโต๊ะแล้วก็สะบัดหน้าจากไป อยู่ที่นี่ไม่เพียงแต่อันตราย ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย ตกเป็นเบี้ยล่างเช่นนี้ ยังจะตรวจสอบอันใดต่อได้

ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ทหารองครักษ์เสื้อแพรที่รออยู่หน้าประตูผลักประตูเปิดออก ขณะยังไม่ก้าวขึ้นขั้นบันไดไปก็มองเห็นด้านใน ใต้เท้าทุกคนได้แต่ตกตะลึงยืนค้างอยู่กับที่

ด้านในมีกองหนังสือหลายเล่มเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะแต่ละตัวมีสมุดบัญชีวางซ้อนหลายชั้น เตรียมเครื่องเขียนไว้พร้อม ยังมีคนแต่งกายเช่นเจ้าหน้าที่บัญชีทิ้งมือข้างกายยืนรออยู่

“ใต้เท้าทุกท่าน ข้าทำการค้าที่เทียนจิน ฝึกกองกำลัง สมุดบัญชีทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว เชิญทุกท่านตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ด้านข้างที่รออยู่นี่เป็นคนทำงานพวกนี้ หากมีปัญหาขาดตกพร่อง ก็สอบถามได้เลย หากอยากไปตรวจสถานที่จริง ก็ให้บอกพวกเขา ข้าจะรีบจัดการให้ ไม่ให้เสียเวลาทุกท่าน”

หวังทงผายมือแนะนำ พอเห็นคณะตรวจสอบจากแต่ละหน่วยงาน ยังมีเจ้าหน้าที่ที่พวกเขาพามาด้วย ทุกคนสีหน้าตกตะลึงอย่างเก็บไม่อยู่ ทุกคนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ทุกคนสับสนจริง ๆ พฤติกรรมของหวังทงไหนเลยเรียกว่าถูกตรวจสอบ เห็นการเตรียมพร้อมละเอียดชัดเจนเช่นนี้ ไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าอยากให้ทุกคนตรวจพบความผิดปกติ

ทุกคนปั้นหน้านิ่งเดินเข้าไปด้านใน ในห้องแม้ว่ากองเต็มไปด้วยสมุดบัญชี แต่ในห้องก็จัดได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ลมไหลเวียนเข้าออกดี ทุกคนรู้สึกสบายยิ่งนัก

เจ้าหน้าที่ด้านหลังแอบพึมพัมว่า ‘นี่มักกระจ่างชัดกว่าหน่วยงานเราอีก’ จนถูกหัวหน้าด้านหน้าตวัดสายตากำราบจึงได้ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้ากล่าวอันใดอีก

ทุกคนสีหน้านิ่งเฉย แต่ในใจเริ่มเดือด ท่าทางเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไม่กลัวเกรงการตรวจสอบ เกรงก็แต่ว่ามีการเตรียมปิดบังไว้ล่วงหน้าแล้ว

คิดถึงเรื่องที่ถูกกำชับมอบหมายมาจากเมืองหลวงก่อนมาเทียนจินแล้ว จะให้วางมือเช่นนี้ย่อมไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าหูจื้อจงเข้าไปในห้องแล้วก็มองซ้ายมองขวา ก่อนจะเผยรอยยิ้มกล่าวว่า

“ในนี้อบอ้าว ข้าขอแอบขี้เกียจไปเที่ยวชมแถวแม่น้ำแถวทะเลดีกว่า นายกองพันหวัง ส่งคนสองคนติดตามข้าก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”

เขาเป็นหัวหน้ากองแห่งสำนักส่วนพระองค์ สถานะไม่ธรรมดา จะแอบขี้เกียจ คนอื่นก็ไม่กล้าว่าอันใด หวังทงก็ไม่ค้าน พอได้ยิน ก็เรียกพลทหารสองนายมา เตรียมจัดให้พวกเขาออกเดินทางไป

************

พอหูจื้อจงออกไป อีกสี่คนกลับตั้งสติสงบลงได้ จะหาข้อผิดพลาดนั้นไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับจะใช้กฎระเบียบใดจัดการเท่านั้น

ทั้งสี่คนนั่งลงด้านหนึ่ง มีคนยกน้ำชาและของว่างเข้ามาให้ เจ้าหน้าที่พามาด้วยแต่ละคนก็เริ่มทำการตรวจสอบ

ไม่ต้องพูดถึงว่าแม้แต่ลูกคิด สำนักองครักษ์เสื้อแพรก็เตรียมไว้พร้อม หวังทงนั่งอยู่อีกด้านมองไปยังหนึ่งคนในนั้นแล้วรู้สึกคุ้นตา นึกไปมาก็จำได้ นายกองพันเก่อลี่ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ออกหน้าในเหตุการณ์วุ่นวายที่หอฉินก่วนในปีนั้นแล้วถูกตนจัดการกำราบไปไม่ใช่หรือ ที่แท้ก็แค้นเก่า ดังนั้นจึงได้เสนอตัวมาตรวจสอบ

หวังทงมองไปพลางเผยรอยยิ้มเยาะไปพลาง เก่อลี่เดิมยังจ้องหวังทงด้วยความแค้น พออีกฝ่ายยิ้มเยาะมองมา ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวจนมือไม้สั่น ถ้วยชาเกือบร่วง รีบเมินหน้าหนี

“บัญชีนี่จดได้ชัดเจนจริง ๆ ……”

“ลายพู่กันมีความต่อเนื่อง แต่ละรายการล้วนตรวจสอบได้ ข้าทำงานกรมอากรมา 30 ปี ได้เห็นบัญชีจดได้ชัดเจนเช่นนี้ รู้สึกโล่งใจ……”

“รายการนี้ ทางนั้นมี……”

“……มี วันนั้นมีเงินเข้า……”

เสียงลูกคิดและเสียงถกกันเบาๆ ในห้องดังขึ้น แต่เสียงถกกันล้วนกล่าวว่าบัญชีจดได้ชัดเจน ชิวเหยียนไห่จากกรมอากรแม้ว่าเติบโตมาจากบัณฑิตระดับจิ้นซื่อ แต่อยู่กรมอากรมานาน ล้วนรู้เรื่องบัญชีดี ได้ยินเสียงถกเช่นนี้ก็ยิ่งหงุดหงิดใจ อดไม่ได้ตะโกนดังว่า

“ดูกันให้ละเอียด อย่าปล่อยให้หลุดรอดแม้แต่นิดเดียว เกิดเหตุผิดพลาดใด ระวังข้าจะลอกหนังพวกเจ้าทิ้ง!”

ในห้องเงียบไปสักพัก ไม่มีเสียงคนถกกันอีก หวังทงจิบชาไปพลางแค่นเสียงหัวเราะไป เสียงแค่นหัวเราะย่อมได้ยินชัด ทุกคนได้แต่ทำเป็นไม่ได้ยิน

“ใต้เท้าทุกท่าน บัญชีด่านภาษีที่คลองส่งน้ำเล่มนี้มีจุดหนึ่งไม่ตรง ปีก่อนวันที่ 30 เดือนสิบขาด 12 ตำลึง”

หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทางลังเล ด่านคลองส่งน้ำ ทุกวันไม่รู้มีเงินเข้ามากมายเท่าไร จริงๆ เงิน 12 ตำลึงไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง

หากเจ้าหน้าที่ของแต่หน่วยงานตรวจสอบกลับลุกขึ้นยืนล้อมวงเข้ามาราวกับเห็นของมีค่า เจ้าพนักงานบัญชีที่หวังทงเรียกมารอก็ล้อมวงเข้าไปด้วยเช่นกัน รายการไม่สมดุลก็คือปัญหาของสมุดบัญชี นี่เป็นพื้นฐานความรู้ของการบัญชี กัวผิงกว่างคว้าสมุดบัญชีมาอ่านไปมาหลายรอบ ก็แค่นยิ้มกล่าวเสียงดังขึ้นว่า

“รายการไม่สมดุล ย่อมมีข้อบกพร่อง ในนี้ยังไม่รู้เกี่ยวโยงถึงเรื่องใดอีก ต้องตรวจสอบให้ละเอียด”

เจ้าพนักงานบัญชีของหวังทงกวาดตาอ่านสมุดบัญชี ก็พลิกสมุดในมือตน กล่าวเสียงดังกังวานว่า

“วันนั้นตอนเก็บภาษีเข้าคลังนับก็พบว่ามีเงินไส้เหล็กอยู่แปดตำลึง มีก้อนเงินตะวันตกสีซีดอยู่หกตำลึง รวมกันแล้ว ก็หายไป 12 ตำลึงพอดี ได้ลงบัญชีอีกเล่มหักไว้แล้ว”

เงินไส้เหล็กก็คือเงินสอดไส้ด้วยเหล็กไว้ข้างใน เป็นเงินปลอม เงินตะวันตกก็คือเงินที่ทำการค้ากับพวกแถบซานซีและฝั่งตะวันตกไปทางซินเจียง สีไม่สวยไม่พอ ยังซีดอีก ก็ย่อมเป็นเงินคุณภาพต่ำ

การกล่าวเช่นนี้ย่อมมีหลักการสมเหตุสมผล ชิวเหยียนไห่ได้แต่กล่าวอย่างเย็นชาว่า

“หลุดหางออกมาแล้วล่ะสิ ไม่ระวังจนโผล่หางออกมาแล้วล่ะสิ กลางวันแสกๆ จะบังทำไม ถอยไป ข้าไม่ได้มาฟังคำอธิบาย!”

เจ้าพนักงานบัญชีผู้นั้นที่ถูกสั่งสอนไปก็โกรธจนสีหน้าแดงก่ำ กำลังคิดจะโต้ตอบ พอหันไปเห็นหวังทงโบกมือ ก็ได้แต่อดทนถอยกลับมา

ชิวเหยียนไห่ กัวผิงกว่างทำเช่นนี้ ลูกน้องจะไม่เข้าใจได้อย่างไร แต่บัญชีเองก็จดชัดเจน ไม่มีข้อผิดพลาดอันใดเลย พวกเขาไม่รู้ว่าหวังทงจับตาดูเรื่องนี้ไม่วางตา และยังเลี้ยงดูคณะตรวจบัญชีภายในไว้โดยเฉพาะ นำประสบการณ์และหลักการบริหารหลายอย่างในโลกก่อนมาใช้ที่นี่ และยังให้ค่าตอบแทนสูง พร้อมกับการลงโทษหนัก ย่อมรอบคอบอย่างมาก

สองฝ่ายนั่งเงียบเชียบกันต่อ อาหารกลางวันก็กินกันอย่างง่าย ๆ ในห้อง ต่อมาก็หาพบที่ไม่สมดุลอีกจุด มีวันหนึ่งขาดไป 30 อีแปะ

นี่ก็มีสาเหตุ ตอนเก็บเงินเรือโคลง กำไว้ไม่แน่นเลยร่วงลงแม่น้ำไป จากนั้นวันต่อมาเจ้าพนักงานก็ควักเงินมาจ่ายแทน เป็นเรื่องของเวลาที่ไม่ตรงเท่านั้น ดังนั้นจึงปรากฎบัญชีไม่สมดุลไป 30 อีแปะ

สำหรับคณะตรวจสอบแล้ว ช่างราวกับของมีค่า มองไปด้านนอกพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า พ่อบ้านดูแลที่ทำการองครักษ์เสื้อแพรตะโกนเรียกให้จุดตะเกียงแล้ว พบเพียงแค่ 12 ตำลึงและ 30 อีแปะนี้เท่านั้น

หูจื้อจงยังออกไปเดินเตร่ข้างนอกไม่กลับมา ทั้งสี่คนในห้องเริ่มร้อนใจบ้างแล้ว หวังทงให้คนนำถาดเข้ามา มีเงินสิบสองตำลึงในถาดใบหนึ่งและเงิน 30 อีแปะในถาดอีกใบหนึ่ง ยังให้เดินวนรอบหนึ่ง

นี่ไม่ใช่ว่าตรวจไม่พบสิ่งใดหรือ ชิวเหยียนไห่ขมวดคิ้วและเรียกหัวหน้าสอบบัญชีเข้มากระซิบข้างหูถามว่า

“ตรวจไม่พบอันใดจริงหรือ?”

“เรียนใต้เท้าตามตรง ดีไม่ดีเจ้าหวังทงนั่นยังเติมเงินเข้าไปด้วยซ้ำ แต่ละรายการกระจ่างชัด ดูแล้ว ไม่ว่าเงินหรือสินค้าก็ไม่กลัวพวกเราตรวจสอบ”

ชิวเหยียนไห่โบกมืออย่างรำคาญ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นหันหน้าเดินกลับไปที่เดิม บ่นขึ้นว่า

“ข้าน้อยใจกล้าเรียนตามตรง……”

***********

“นายกองพันหวัง ยาหางวัว หนังกวาง ปรอทและผ้าต่วนท่านเก็บภาษีหนึ่งเท่า ไม่ก็หลายเท่า ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมที่ราชวงศ์หมิงกำหนด ท่านจะอธิบายเช่นไร?”

กลางห้องจุดตะเกียงแล้ว ชิวเหยียนไห่ถามขึ้น หวังทงอึ้งไป แม้กล่าวว่าเปิดเส้นทางทะเลแล้ว แต่สินค้าพวกนี้ขายให้กับประเทศวัวและพวกเกาหลี ไม่ใช่ค้าขายกับทางใต้แถบฮกเกี้ยนมาเก๊า ไม่สะดวกจะพูด มิเช่นนี้ก็จะถูกใส่ความว่าคบคิดโจรสลัด แต่หากบอกว่าค้าขายภายใน ก็จะมีโทษว่าไม่ถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติ

พอเห็นหวังทงลังเล ทั้งสี่ก็ประสานสายตากันนิ่ง กัวผิงกว่างกับเสิ่นฉุนที่เมื่อครู่กล่าวขึ้นเบาๆ ตอนนี้ก็ถามขึ้นเช่นกันว่า

“นายกองพันหวัง เงินที่ท่านทำกำไรมาบอกว่าส่งเข้าในวังเป็นเงินก้อนจินฮวา แต่มีแต่ใบรับเงินจากฝ่ายการเงินของสำนักอาชาหลวงเท่านั้น ไม่ได้มีรับรองจากสำนักส่วนพระองค์และกรมอากร ย่อมไม่ถูกธรรมเนียม หรือว่าท่านสมคบคิดฝ่ายใน แอบยักยอกกัน?”

รายรับในวังนอกจากสำนักอาชาหลวงดูแลแล้ว สำนักส่วนพระองค์และกรมอากรก็ควรรับรองด้วย หากทางเทียนจินกลับละเลยในเรื่องนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version