Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 381

ตอนที่ 381 โทษให้ที่หลบซ่อน ลำพองใจ

พอเข้าถึงวงใน ได้เห็นได้ยิน คนในร้านพูดไปพูดมาแก้ตัวไม่หยุด คนด้านนอกก็เสียดสีเยาะเย้ย ยังมีคนมุงรอบๆ ที่คอยวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด ก็พอจะเข้าใจสาเหตุบ้างแล้ว

ร้านสินค้าว่านเจียเปิดได้ไม่นาน การค้ารุ่งเรืองเกินคาด คนก็ย่อมขาด จึงไปหาคนมาเพิ่ม สองเดือนก่อนหาได้คนงานจากซานซีมาผู้หนึ่ง ชื่อว่าถังผิง

คนผู้นี้บอกว่าเป็นชาวเมืองเฝินโจวจากมณฑลซานซี ที่นาที่บ้านถูกคนอื่นครอบครองไป ไร้หนทางจึงได้มาพึ่งพาญาติที่เทียนจิน แต่บ้านญาติก็มิได้ร่ำรวย เขาจึงได้ออกมาหางานทำ

ดูท่าทางถังผิงแล้วก็ไม่เลว พูดจาฉาดฉาน และยังมีญาติที่มีหลักมีฐานในเทียนจิน ยังมีหนังสือรับรอง ในร้านขาดคน ก็ย่อมรับเขาเอาไว้

พอรับเข้ามา หนุ่มน้อยผู้นี้ก็เรียนรู้ไว มือไม้คล่อง ท่าทางนุ่มนวล ทำงานตัวเองเสร็จยังไปเสนอตัวช่วยงานผู้อื่น ทุกคนในร้านชอบเขามาก

การจะหาคนเจราจาคล่องแคล่ว ทำงานว่องไวนั้นเป็นเรื่องยาก เพิ่งเข้ามาอยู่ร้านได้ไม่กี่วันก็ทำการค้าใหญ่สำเร็จไปสองราย คนเช่นนี้นับว่าเป็นบุคลากรหาได้ยากยิ่ง

เถ้าแก่ร้านว่านเจียเห็นว่าการค้ายิ่งเจริญ ถังผิงผู้นี้ย่อมยิ่งต้องรักษาเอาไว้ เสียดายที่ตนมีบุตรชายสองคน ไม่มีทางรับเป็นลูกเขยได้ จึงได้แต่ให้ผลประโยชน์เพื่อดึงตัวไว้ จึงให้ชื่อเป็นเถ้าแก่สี่ และยังแบ่งหุ้นให้อีกครึ่งหนึ่ง ให้เขาเป็นเสาหลักของร้าน

เถ้าแก่สี่พูดตรงๆ ก็คือหัวหน้าคนงานในร้าน แต่หุ้นครึ่งหนึ่งนั้นได้เงินจริงๆ ถังผิงรู้สึกซาบซึ้งใจหาใดเทียนทำงานก็ยิ่งขยันขันแข็ง การค้าในร้านก็พลอยเจริญรุ่งเรืองตามไปด้วย

ปรากฎว่า อยู่ๆ วันนี้ก็มีพ่อบ้านรองร้านหย่งเซิ่งมาหาถึงร้าน บอกว่าถังผิงเป็นทาสหลบหนีมาจากร้านหย่งเซิ่ง และตอนหนีมายังเอาทองมาด้วยหนึ่งร้อยตำลึง และหยกอีกหลายชิ้น

ถังผิงบอกว่าเขามาจากซานซี ร้านหย่งเซิ่งก็อยู่ซานซีจริง พ่อบ้านรองมาถึงเทียนเมื่อปลายเดือนหนึ่ง ลูกน้องที่ตามมาด้วยมาพบถังผิงเข้าตอนมาเดินที่ริมแม่น้ำทะเล จึงจำได้

หย่งเซิ่ง ทงไห่ จิ้นเหอ สามร้านนี้ที่เทียนจินเป็นร้านค้าใหญ่พอๆ กับของหวังทง พอสำนักนาวาสุคนธ์เกิดเรื่อง ร้านจิ้นเหอกับร้านทงไห่ก็หายไปจากเทียนจินอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงร้านหย่งเซิ่งที่ยังทำการค้าอยู่จนวันนี้

ทว่าร้านค้าให้เช่าริมแม่น้ำทะเล คนร้านหย่งเซิ่งกลับเห็นไปคนละททาง ไม่เห็นดีเห็นงามแม้แต่น้อย ปรากฎปีนี้คิดจะซื้อหาก็ซื้อไม่ได้แล้ว

ทว่าร้านหย่งเซิ่งก็เป็นร้านค้าใหญ่ เงินสดมีมาก สินค้าก็มีมาก ร้านค้าในเมืองนอกเมืองก็ไปมาหาสู่กับร้านหย่งเซิ่งไม่น้อย พ่อบ้านคนงานร้านหย่งเซิ่งก็มักไปมาริมแม่น้ำทะเลเป็นประจำ การได้พบโดยบังเอิญก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เมื่อได้ยินชายร่างอ้วนวัยกลางคนพูดด้วยสำเนียงซานซี ถังผิงก็ร้องไห้โขกศีรษะไม่หยุด ดูแล้วน่าจะเป็นเช่นดังว่ามาจริงๆ

“เสี่ยวถัง เจ้า เจ้า เจ้า เจ้าใส่ความข้า เจ้าพูดอะไรไป ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย……เงินทองอะไรที่ไหน ตอนเจ้ามาที่ร้านข้า ไหนบอกว่าทั้งตัวมีแค่ห้าอีแปะไง?”

ใบหน้าของเถ้าแก่ร้านว่านเจียโมโหมาก พูดเริ่มติดขัด ชี้หน้าถังผิงพูดผิดๆ ถูกๆ ถังผิงได้ยิน ก็คลานเข่าเข้ามากอดขาเถ้าแก่ว่านหม่านเจียงไว้ ร้องไห้ตะเบ็งเสียงดังว่า

“เถ้าแก่ว่าน ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ทองข้า 90 ตำลึงกับเงินอีก 400 ตำลึง หักเป็นหุ้นครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจดบัญชีไว้ชัดเจนแล้วหรอกหรือ?”

“เหลว……เหลวไหล หุ้นครึ่งหนึ่งไหนจะแค่หนึ่งพันกว่าตำลึง ร้านนี้ตอนนี้ก็ตั้งหกพันกว่าตำลึงแล้ว หากต้องลงเงินจริงไหนเลยจะแค่เท่านี้……ไม่ใช่สิ ไม่ใช่สิ พวกเจ้าว่าถังผิงหลบหนีมา มีหลักฐานอันใด!?”

ว่านหม่านเจียงเริ่มพูดไม่เป็นประโยค กว่าจะได้สติคืนมา ชายร่างอ้วนแค่นยิ้มกล่าวว่า

“แน่นอนย่อมมีหลักฐาน ให้เจ้าดูก็ได้!”

คว้าเอกสารทางการสองสามแผ่นออกมาจากอกเสื้อ คลี่ออกใบหนึ่งกล่าวว่า

“นี่คือสัญญาขายตัวของถังผิง!”

คลี่อีกใบออกมา “นี่คือเอกสารแจ้งความที่ศาลเมืองเฝินโจว” …… “นี่คือรายการของที่หายไป” ว่านหม่านเจียงสะบัดตัวหลุดจากถังผิง ก้าวเข้าไปตรวจสอบดูแต่ละฉบับ

ตราประทับทางการกับกระดาษที่ใช้โดยเฉพาะ ยังมีเอกสารเขียนอย่างเป็นระเบียบ มองแล้วไม่น่าจะปลอม กวาดตาดูไปรอบหนึ่ง ว่านหม่านเจียงก็เริ่มตัวสั่น อยู่ๆ ก็หันไปตะโกนว่า

“เหล่าหลี่ เอาสมุดบัญชีมา เล่มที่เป็นบัญชีรวมของเรา”

หันกลับไปบอกอีกว่า

“เจ้าบอกว่าลงบัญชีไว้ไม่ใช่หรือ เรามาดูกัน มีลงไว้ไหม!!?”

ฝูงชนรู้สึกสับสน โต้เถียงกันมานาน คนมุงทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกว่าว่านหม่านเจียงแอบซ่อนทาสหนีมาจริง ยังแอบอมเงินอีกฝ่ายไว้ด้วย ตอนนี้มาให้ดูบัญชี ทุกอย่างก็กระจ่างชัดแล้ว

หากหวังทงกลับไม่เห็นเช่นนั้น เมื่อครู่ตอนว่านหม่านเจียงให้หยิบสมุดบัญชีออกมา ถังผิงที่คุกเข่าอยู่เหมือนลอบยิ้ม ตามมาด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญ ผู้ที่ถูกเรียกว่าพ่อบ้านรอง สีหน้าก็เหมือนได้ใจยิ่งนัก

เจ้าหน้าที่บัญชีในร้านถือบัญชีวิ่งออกมาสีหน้าซีดเผือด ปากคอสั่นไม่รู้ว่าพูดว่าอะไร ส่งสมุดบัญชีให้ว่านหม่านเจียง ว่านหม่านเจียงพลิกไปมาหลายหน้า สีหน้าราวกับถูกฟ้าผ่า ถึงกับยืนทื่ออยู่กับที่

หลังจากนั้นไม่นาน บัญชีก็ร่วงลงพื้น ตัวสั่นราวกับถูกฟาดอย่างแรง คนรอบๆ ก็พลอยเงียบไปด้วย ล้วนรู้สึกว่าละครจบแล้ว

ชายร่างอ้วนวัยกลางในชุดผ้าแพรต่วนเดินไปหน้าว่านหม่านเจียงหยิบสมุดบัญชีขึ้นมากวาดตามอง มุมปากเริ่มกดลึกหัวเราะดังลั่นกล่าวว่า

“วันที่ 11 เดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 7 ถังผิงนำทอง 90 ตำลึง เงิน 400 ตำลึงลงหุ้น คิดเป็นเงิน 1,350 ตำลึง……”

ความเงียบรอบๆ เริ่มวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง บรรดาคนมุงก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ด่าว่านหม่านเจียงว่าใจดำอำมหิต ทำการค้าไม่รักษาธรรมเนียม

จิตใจผู้คนย่อมมีความโกรธแค้นต่อความร่ำรวย เทียนจินเปิดทะเล คนที่คว้าโอกาสได้ทันก็ร่ำรวยไป คนที่ไม่ทันก็ย่อมรู้สึกไม่ยุติธรรม อิจฉายิ่ง ตระกูลว่านเดิมก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีผู้ใดสอบได้ตำแหน่งสักคน ธรรมดามากๆ พอเปิดร้านทำการค้าก็ทำจนใหญ่โต ทุกคนเดิมที่สถานะพอกับตระกูลว่านเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนอย่างมาก ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้

ว่านหม่านเจียงในที่สุดก็ได้สติคืนมา ผงะถอยหลังไปสองก้าว มือไม้สั่นชี้ไปที่ถังผิงที่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่พื้น แล้วก็ชี้ไปที่พ่อบ้านที่แสยะยิ้ม ส่งเสียงคำรามดังว่า

“พวกเจ้าสร้างกับดักต้มตุ๋น……”

“บัดซบ สร้างกับดักต้มตุ๋นอันใด เอกสารทางการนี่ยังมีตราประทับ นี่ก็พยาน บัญชีที่เจ้าเอาออกมาก็มี สร้างกับดักอันใด เอาเงินที่อมไปคืนมาก่อน จากนั้นค่อยไปเจอกันที่ศาล ให้ที่หลบซ่อนทาสหลบหนี อมเงินเป็นของตน ดูซิว่าประหารหรือว่าเนรเทศสามพันลี้ดี!”

ชาวบ้านมักกลัวทางการ พอได้ยิน ว่านหม่านเจียงเดิมที่กัดฟันดิ้นรนเอาเป็นเอาตายก็นิ่งไปราวกับท่อนไม้ พ่อบ้านรองแค่นยิ้มสะบัดหน้ากลับไป

หลังจากนิ่งไปครู่ ว่านหม่านเจียงก็ปรี่เข้าไปกระชากเสื้อพ่อบ้านรองกล่าวน้ำเสียงแหบพร่าว่า

“……ข้าไม่ผิด ไปศาลทำไม ไปทำไม!!”

อารมณ์ลดลงไม่น้อย พ่อบ้านรองหันหน้ามากล่าวว่า

“ตระกูลอวี๋เราโดนรังแกขนาดนี้ เจ้าบอกว่าไม่ไปศาล ก็ไม่ไปงั้นหรือ?”

“ท่านพ่อบ้าน ครอบครัวข้ามีลูกชายสองคนปีนี้จะแต่งงาน มารดาก็ 70 แล้ว ไปศาล ครอบครัวเราคงพังทลาย ขอร้องท่าน……”

ในขณะที่กล่าวอยู่นั้น ว่านหม่านเจียงก็ร้องไห้คุกเข่าลง ราษฎรเห็นขุนนางราวกับเห็นเสือ นับประสาอันใดกับ ‘พยาน’ ‘หลักฐาน’ พร้อม วางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ อย่างไรก็เถียงไม่ขึ้น ว่านหม่านเจียงเริ่มลนลานขึ้นแล้ว

พ่อบ้านรองเผยสีหน้าเยาะ กล่าวว่า

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายข้า ย่อมต้องจัดการเป็นทางการ หากเห็นแก่เจ้ามีทั้งคนแก่และเด็ก เช่นนั้น……ข้าจะรับความเสี่ยงนี้ไว้เอง เจ้า……”

“เจ้าโอนร้านให้ข้า จะพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่!”

สีหน้าเยาะเย้ยของพ่อบ้านรองค้างเติ่ง สายตาคนทุกคนมองไปยังที่มาของเสียง

*************

หวังทงกล่าวรับวาจาอีกฝ่าย เขายืนสังเกตการณ์อยู่นาน ตอนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง ก็พอเข้าใจ ตัดสินได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

พอกล่าวออกไป สายตาทุกคนก็มองมาเป็นจุดเดียว หวังทงไม่สนใจ กลับยิ้มบอกกับอวี๋ต้าโหยวว่า

“ใต้เท้า แม่น้ำทะเลทุกแห่งล้วนมีแต่ทองคำ หน้าร้านดีๆ ย่อมมีค่าให้วางแผนมาแย่งชิง หวังทงรู้สึกดีใจจริงๆ”

อวี๋ต้าโหยวส่ายหน้ายิ้ม หวังทงก้าวยาวๆ เข้าไปหน้าประตู ชี้ไปที่ถังผิงที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นกล่าวว่า

“ทั้งหนีออกจากบ้าน ทั้งขโมยเงินพันกว่าตำลึง เป็นคดีใหญ่ ตามกฎหมายราชวงศ์หมิงเราต้องประหารทันที นำตัวไปศาลชิงจวิน ให้ใต้เท้ากาวจัดการ หลังฤดูใบไม้ร่วงก็ประหารได้เลย!!”

คำสั่งออกไป พลทหารติดตามหวังทงก็รีบก้าวเข้ามาคุมตัวแหวกวงล้อมออกไป หวังทงดำเนินการได้รวดเร็วมาก พ่อบ้านรองยังไม่ทันตั้งสติได้

ถังผิงผู้นั้นถูกคนคุมตัวไป ก็ส่งเสียงร้องลั่น รีบดิ้นรนรุนแรง หวังทงขมวดคิ้ว ยิ้มกล่าวว่า

“ทาสหลบหนีคิดขัดขืน ทำไงได้ ข้าคงต้องหักขาเขาทิ้งข้างหนึ่ง”

พอหวังทงกล่าวตบ พ่อบ้านรองที่โมโหกำลังจะระเบิดเสียงด่าดังก็อึ้งไปด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้ ถังผิงถูกทหารสองนายกดลงกับพื้น คนหนึ่งเหยียบไว้ อีกคนคว้าขาข้างหนึ่งใช้แรงหัก

เสียงดัง ‘กร๊อบ!’ จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดัง รอบด้านเงียบกริบ หวังทงโบกมือเร่งไปว่า

“เอาตัวไปๆ รีบไปบอกใต้เท้ากาว หลักฐานพร้อม พยานพร้อม รีบประหารให้เร็วที่สุดได้เป็นดี หลังฤดูใบไม้ร่วงก็ได้”

แม้จะขาจะเจ็บปวดมาก แต่คำพูดที่เด็กหนุ่มพูดมานั้น ถังผิงได้ยินชัดเจน เมื่อครู่ยังสงสัย แต่ตอนนี้วิธีการโหดเหี้ยมหักขาตนกลางท้องถนนเช่นนี้ก็บอกชัดเจนแล้ว พยานหลักฐานชัดเจน ดีไม่ดีคงได้ถูกตัดคอทิ้งจริงๆ

ถังผิงไม่สนใจความเจ็บปวดที่ขา ตะกายอย่างสุดชีวิตตะโกนส่งเสียงร้องโหยหวนมาว่า

“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย เงินส่วนนั้นข้าไม่เอาแล้ว ให้ท่านหมด ให้ท่านหมด ช่วยข้าด้วย!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!