ตอนที่ 388 คืนสังหารโจร
“ทหารมา!!”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนสุดเสียง บรรดาโจรต่างก็แตกตื่นกันในทันที ผู้ที่ถูกเรียกว่า ท่านหู่ สองมือกำดาบใหญ่ในมือแน่น คำรามดังว่า
“ห้ามหนี ทัพม้าไล่ล่าสังหารด้านหลัง ตายสถานเดียว สู้ตาย!”
เสียงจบลง ก็ได้ยินเสียงทัพม้าเบื้องหน้ามีเสียง ‘ฟุ่บ’ ดังติดต่อกัน ลูกธนูห่าหนึ่งยิงมา ดาบใหญ่ในมือท่านหู่กวัดแกว่งสะบัดทิ้งไปได้สองดอก แต่ก็โดนเข้าที่ไหล่ดอกหนึ่ง
เขายังนับว่ามีความกล้าและสามารถต่อสู้ได้ มีก็แต่บรรดาโจรสลัดด้านหลังที่ตื่นตระหนกอยู่นั้นถูกยิงตายและบาดเจ็บไปหลายคน สถานการณ์ยิ่งคับขัน
ภายใต้แสงโคมไฟ หัวหน้านายทหารอายุน้อยควบนำมาด้านหน้าทัพ ท่านหู่ฝืนทนความเจ็บที่ไหล่ ย่อกายลง ขอเพียงม้ากระโจนเข้าใส่ เอี้ยวตัวหลบ จากนั้นก็ฟันดาบเฉียงวาดขึ้นด้านบน
หากสังหารแม่ทัพข้าศึกได้ บางทีอาจจะทำให้ขวัญกำลังใจกลับคืนมาได้ ขณะกำลังถอยหลังตั้งท่า ท่าทางยังตั้งไม่เสร็จดี ก็เห็นขุนพลหนุ่มผู้นั้นยกกระบองสั้นดำมันปลาบในมือขึ้น
‘ปัง’ เสียงดังสนั่น เห็นแสงไฟวาบขึ้น จากนั้นท่านหู่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ราวกับถูกของหนักฟาด กระเด็นถอยหลังคว่ำลงกับพื้น ร่างกระตุกครู่หนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป
หัวหน้าถูกสังหารด้วยอาวุธปืน ขวัญกำลังใจของโจรสลัดก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำ กลับหลังหันวิ่งหนีทันที
แต่ทัพม้าไล่มาทันแล้ว หวังทงและบรรดาทหารม้าล้วนไม่ชะลอความเร็วลง ปล่อยให้ม้ากระแทกเข้าใส่ สองฝ่ายห่างกันไม่ไกลนัก แม้ม้ามิได้วิ่งเต้มฝีเท้า แต่แรงชนก็มากเพียงพอ
โจรสลัดที่ถูกกระแทกใส่ก็ล้มลงกับพื้น ไม่มีโอกาสได้ยืนขึ้นอีก กีบม้านับไม่ถ้วนเหยียบย่ำผ่านไป รอจนม้าหยุดวิ่งหวังทงและพลทหารม้าจึงได้ชักอาวุธออกมา
หวังทงถือดาบใหญ่กวัดแกว่งไปมา ทุกครั้งที่ฟันลงไปก็จะฟันโดนโจรเลือดสาด เสียงร้องโหยหวน ถานเจียงข้างกายพร้อมทวนใหญ่ในมือราวกับงูฉก ทุกครั้งที่ยืดหดก็จะสังหารหนึ่งชีวิต
โจรล้มลงทีละแถว คิดจะหลบเข้าร้านข้างทาง แต่เพราะปิดประตูปิดหน้าต่าง ในเวลาคับขันจึงได้แต่ปีนข้ามไป
การสู้รบผ่านไปไม่นาน กองทหารม้าด้านหลังไม่สามารถวิ่งแหวกเข้ามาได้อีก ถนนกว้างจำกัด ทหารม้าแถวแรกและแถวสองทะยานเข้าสังหารไม่หยุด ราวกับว่ากำแพงที่กันเป็นแนวให้บรรดาโจรสลัดถูกดันจนถอยหลังไปทีละนิด พวกที่ล่าสังหารได้มีแต่แถวหน้าและแถวสอง
ด้านหน้านอกจากหวังทงแล้วยังมีบรรดาขุนพลตระกูลถานและพวกเชี่ยวชาญการขี่ม้า ล้วนเป็นกองกำลังประสิทธิภาพสูง เก่งกล้าสามารถ สังหารโจรอย่างรวดเร็วฉับไว ไม่มีผู้ใดยอมถอย
ทหารม้าด้านหลังไม่มีโอกาสได้แทรกตัวขึ้นมา จึงหันไปคว้าธนู บางคนเคยเป็นพวกโรงบ้านมาก่อน ใช้ธนูแบบชาวนอกด่าน แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้ธนูยาวที่ทำในราชวงศ์หมิง
ด้านหน้าเป็นทหารแค่สองแถว ถนนเต็มไปด้วยโจรสลัด ยามนี้ที่ต้องทำก็คือยิงธนูข้ามไป ย่อมสังหารหรือทำให้บาดเจ็บได้
ยามนี้ไม่อาจเรียกว่าต่อสู้ หากควรเรียกว่ารุกสังหารฝ่ายเดียว ทหารม้าสิบกว่านายถืออาวุธเข้าฟาดฟัน ด้านหลังยังมีธนูยิงข้ามมาห่าใหญ่ บรรดาโจรสลัดได้แต่หวังให้ตนเองมีขางอกเพิ่มหลายขา ตอนนั้นได้แต่เบียดกันเข้ามา ตอนนี้คิดจะออกไปย่อมไม่ง่าย
************
บนถนนสายอื่นก็เผชิญกับการต่อสู่ที่ง่ายดายเช่นนี้ สองฝ่ายปะทะกัน ทหารฟังคำสั่งเดินหน้า ก้าวเดินหน้าเข้ากดดัน
หอกด้านหน้าตั้งแนวราบ กดดันเข้าไปทีละชั้น กองทัพหอกตั้งค่ายหนาแน่นเช่นนี้ บรรดาโจรแม้ว่าจะมีพวกกล้าหาญบุกเข้าใส่ แต่ก็ถูกแทงพรุนราวกระจาดสาน ฝูงชนส่วนใหญ่ตื่นตระหนกวิ่งหนีอย่างไร้ทิศทาง
ถนนสายนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสัญจรไปมา หากไม่เหมาะกับการเดินขบวนฝูงใหญ่ โดยเฉพาะขบวนที่กระจัดกระจายเช่นนี้ ย่อมไปกองอยู่อย่างเบียดเสียดได้อย่างง่ายดาย
ทหารของเทียนจินจัดขบวนทัพเรียบร้อยนานแล้ว ค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้ทีละก้าว ไม่ช้าไม่เร็ว ไล่ล่าปะชิดโจรสลัดที่กำลังอลหม่าน ถือหอกยาวแทงเข้าใส่ร่างศัตรู
หากจะกล่าวว่ามีอันใดแตกต่างจากปกติ นั่นก็คือทหารจำนวนมากหลังจากแทงสังหาร หลายคนก็สีหน้าซีดเผือด ถึงกับมีคนหยุดเดิน เอี้ยวตัวอาเจียนออกมา มีพลทหารบางคนพอลงมือสังหาร แรกก็ยังมีเสียงตะโกนดังแสดงพลัง แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว จากเสียงคำรามดังก็เริ่มกลายเป็นเสียงร้องไห้
ทหารที่สูญเสียการควบคุมพวกนี้ทำให้กองทัพเริ่มสับสน หัวหน้ากองต่างตะโกนด่าทอดังแต่ก็ไม่อาจทำอันได้ จึงเปิดทางให้โจรหนีออกไปได้
แต่ในยามนี้เอง กองทัพม้าที่หวังทงนำมาก็ปิดฉากการต่อสู้ พื้นที่การค้าบนถนนที่กว้างและใหญ่ที่สุดในเวลานี้อาบแดงไปด้วยโลหิต โจรสลัดบางคนที่หนีไม่ทัน ได้แต่คุกเข่าลงยอมแพ้ แต่พลทหารม้าก็ไม่สนใจ เข้าเหยียบย่ำข้ามไปทันที
“ทหารม้า 70 นายเป็นหนึ่งกอง กองหนึ่งถานปิง กองสองถานเจี้ยน กองสามถานกง ไล่ล่าโจรที่หลบหนีไป ไม่รับการยอมแพ้ สังหารให้หมดทุกคน!”
หวังทงกระชากบังเหียนม้าให้หยุด ก่อนจะตะโกนออกคำสั่ง รายชื่อที่ถูกเรียกขานรับเสียงดัง นำกำลังออกไปทันที
ทหารอีกสิบกว่านายและถานเจียงอยู่ต่อ ยามนี้ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากถนนอีกสาย แต่ก็มิได้พร้อมเพรียงดังเช่นทหารเมื่อครู่ หากสับสนวุ่นวายอยู่บ้าง
พอมองไปก็เห็นทหารม้ากลุ่มใหญ่ทะยานมา มีคนสิบกว่าคนขี่ม้ามา ด้านหลังเป็นทหารราบ พอเห็นพวกหวังทง ทหารม้าสิบกว่านายก็วิ่งตรงเข้ามา เป็นพวกหลี่หู่โถวและลี่เทา
ลี่เทา ซุนซิงและเด็กหนุ่มอื่น ๆ ยังพอเก็บอารมณ์ได้ มีเพียงหลี่หู่โถวที่ยังมีสีหน้าไม่พอใจ เห็นหวังทงตัวเปื้อนเลือด ก็บ่นขึ้นว่า
“พี่หวัง ศึกนี้พวกนี่ลงมือเรียบร้อย พวกเรากองกำลังรักษาความปลอดภัยจะมีอันใดให้ทำอีก พวกโจรสลัดกระจอกพวกนี้ กองกำลังเราย่อมไม่เสียเปรียบ!”
หวังทงยิ้มส่ายหัวกล่าวว่า
“ฝึกมานานเท่าไรเอง เร่งร้อนไปไย ตอนนี้มีเรื่องให้พวกเจ้าไปจัดการ ตรวจค้นบ้านเรือนร้านค้าริมถนนให้หมด เมื่อครู่กำลังสู้กันชุลมุน ย่อมมีโจรปีนข้ามกำแพงเข้าไปหลบ หากค้นเจอก็ลากตัวออกมาตีให้ตายไปเลย!”
มีดีกว่าไม่มี บรรดาเด็กหนุ่มยังคงรับคำสั่งอย่างกระตือรือร้นสุดขีด นำพวกด้านหลังออกค้นทีละหลัง
บนถนนบางสายยังต่อสู้กันอยู่ บางสายจัดการเรียบร้อยแล้ว มีโจรสลัดจวนตัวกระโดดเข้าไปในร้านค้าอย่างแน่นอน
แต่ร้านค้าพวกนี้พอได้ยินเสียงนกหวีดทองแดงดังเป็นสัญญาณ ก็ปฏิบัติตามที่หวังทงสั่งมาอย่างเช่นปกติ พวกผู้ชายที่อยู่เฝ้าร้านตอนกลางคืนให้มารวมตัวกันถือกระบองไม้อาวุธเตรียมป้องกัน
พวกโจรสลัดที่ตื่นตระหนกปีนข้ามกำแพงยังไม่ทันยืนขึ้น ก็ถูกทุบด้วยไม้ จามด้วยขวานทันที
ยังมีพวกขี้ขลาดไม่กล้าตี แอบด้านในปิดประตูหน้าต่างแน่นหนาไม่ยอมออกมา แม้โจรจะปีนข้ามมาได้ แต่ก็ไม่อาจเข้าไปด้านในได้
เมื่อเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยเข้าตรวจค้น ด้านนอกส่งสัญญาณ คนด้านในก็รีบตะโกนดังออกมา จากนั้นกองกำลังก็เข้าไป แม้ยังฝึกได้ไม่มากเท่าไร แต่มือมีอาวุธ อีกทั้งยังมีคนมาก พวกโจรสลัดหลงฝูงที่หลบเข้าไหนเลยจะรับมือได้
*************
โจรสลัดที่กำลังเสียขวัญหนีออกมาได้ แต่ฝันร้ายยังไม่จบ ทุกคนคิดว่าขอเพียงไปถึงชายหาด ขึ้นเรือได้ก็จะหนีรอดลอยนวลได้
แต่ทุกคนสามารถเห็นไฟที่ลุกโชนกลางทะเลที่ไกลออกไปได้ ในตอนนั้นเอง บรรดาโจรสลัดก็เริ่มสติแตก เสียงฝีเท้าม้าด้านหลังดังเข้าใกล้ พลทหารม้าไล่ล่ามาทันแล้ว
การต่อสู้ริมแม่น้ำทะเลเป็นปัญหาเล็กน้อย เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นไม่หยุด แต่แม่น้ำแคบและโจรสลัดที่นี่ยังเก่งกล้ากว่าที่อื่น ความตื่นตระหนกผ่านไป มีแต่ความกล้าสู้ตายที่จะพายเรือเข้าฝั่งเพื่อจะโดดลงชายหาดเข้าสังหาร และยังสู้อย่างมียุทธวิธี มีสองรอบที่โจมตีทหารราบรอบป้อมปืนใหญ่แตกพ่าย
แต่มีมู่เอินใช้ปืนเสือหมอบรบอยู่ด้านหน้า ป้อมปืนอื่นๆ ก็เอาอย่าง ระยะห่างไม่ไกลนักใช้ปืนเสือหมอบได้ผลมาก พอยิงออกไป ระยะห่างสิบกว่าก้าวก็ย่อมได้ผลเด็ดขาด
หลังจากที่ปืนยิงปืนใหญ่ออกไปได้สิบกว่าลูก เสียงปืนก็ค่อยๆ เบาลง เพราะโรงปืนไฟบอกว่า ยิงไปสิบลูกให้พักราวครึ่งชั่วยาม มิเช่นนี้ปืนใหญ่ก็อาจระเบิดเสียหายได้
หากการสังหารริมคลองส่งน้ำเริ่มค่อยๆ ซาลง เพราะรู้ว่าขึ้นฝั่งได้ก็เหมือนกับไปตาย จึงไม่กล้าขึ้นฝั่งอีก รีบเบนเรือพายกลับออกไป เทียนจินต่อสู้ดุเดือด แต่ทุกคนก็รู้ว่าพวกเทียนจินนั้นไม่มีเรือใหญ่ ออกทะเลได้ ก็เท่ากับหนีได้แล้ว
แต่เรือก็ไปได้ไม่ไกลเท่าไร ก็เห็นเรือสำเภามากมายที่ไม่รู้ว่าออกมากันตอนไหน เรือสำเภากลายเป็นเรือเพลิง เผาไหม้เข้ามาใกล้ ไม่นาน บนผืนแม่น้ำก็ถูกเปลวไฟอาบแดงฉาน เรือโจรสลัดจะไปต่อก็ไม่ได้ จะหันกลับก็ไม่ได้ ทุกคนได้แต่โดดลงน้ำ……
*************
เมื่อท้องฟ้ามีแสงรำไร เรือที่จอดเทียบชายทะเลได้แต่ถอนสมอออกไป ทว่าเรือทะเลลำใหญ่ ขับเคลื่อนคนเดียวไม่ได้ โจรที่เหลือไว้เฝ้าเรือได้แต่ทิ้งเรือ หลายคนลงเรืออีกลำจากไป
พวกโจรที่บุกเข้ามาบนถนน ไม่มีสักคนที่หนีกลับไปชายหาดได้ ไม่ถูกสังหารก็ถูกจับ โจรเกือบ 4,000 มีเพียง 300 ที่โดนคุมตัว ที่เหลือถูกกวาดล้างไม่เหลือแม้สักคน
คนของหวังทงบาดเจ็บ 15 คน ขณะต่อสู้มีหลายคนอาเจียนเสียขวัญ แต่ไม่มีผู้ใดหลบหนี กฏกองทัพหนักแน่นดังขุนเขา ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
กลิ่นคาวโลหิตริมแม่น้ำทะเลลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เรือชาวบ้านหลายลำถูกใช้ออกไปเก็บกวาดศพ พอฟ้าสาง ทหารที่เข้าตรวจสอบศพก็รีบไปรายงานหวังทง
โจรสลัดที่เข้าโจมตีเมื่อคืน ถึงกับมีโจรสลัดวัวโค่วตัวจริงอยู่ด้วย……