Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 397

ตอนที่ 397 ยามนั้นลมตะวันออกกดทับลมตะวันตก

ความตั้งใจเดิมหวังทงก็คือตนเองจะลงหุ้นสักสองแสน ร้านสามธาราและร้านกู่จื้อปินและร้านจางฉุนเต๋ออีกสี่แสน ทั้งหมดรวมเป็นครึ่งหนึ่งของหุ้น ร้านประกันภัยก็จะอยู่ในมือตน

แต่ ‘ราชาไตรธารา’ เสิ่นวั่งใช้ชื่อร้านหลูไห่ลงหุ้นหนึ่งแสน จากนั้นยังแสดงความจำนงว่าจะเปิดร้านใหม่อีก จะลงทุนในร้านใหม่พวกนี้อีกสามแสน

คนอื่นกล่าวตัวเลขนี้ออกมาอาจยากทำให้คนเชื่อได้ หวังทงเองก็ไม่ได้มีเงินสดในมือมากมายเพียงนั้น แต่ ‘ราชาไตรธารา’ คุมท้องทะเลใหญ่ ไม่รู้ว่ามีเงินมากมายเท่าไร ทำการค้ามากมายเท่าไร เงินเก็บกองราวภูเขา

ร้านประกันภัยจัดตั้งขึ้น เพื่อให้มีความสมบูรณ์ เงินมากไว้ก่อนย่อมดี และราชาไตรธารายังควักเงินสดออกมาได้ก้อนใหญ่ ยังมีแนวคิดจะรับประกันความปลอดภัยให้ด้วย ไม่อาจไม่รับไว้

แต่หากเป็นเช่นนี้ หวังทงกับราชาไตรธาราก็ย่อมครอบครองหุ้นไปถึงแปดส่วนกว่า พ่อค้าอื่นๆ ในเมืองย่อมไม่มีส่วนแบ่ง ก็ย่อมคิดว่าอาศัยชื่อทางการแย่งความมั่งคั่งกับประชา แอบเอาเข้าตัวเองด้วยการอ้างทางการ กลับดูไม่ดี

และส่วนเกินอีกสองแสนก็เป็นพ่อค้าใหญ่ที่สุดในเมืองแบ่งกันไปเกลี้ยง ในนี้มีส่วนของอวี๋จี้หย่งแห่งกองตรวจการ ขันทีสวีกว่างสำนักเสบียง ใต้เท้ากาวแห่งศาลชิงจวินและขุนพลซุนจื้อปินรวมอยู่ด้วย พวกที่มองทะลุก็ย่อมมองออกว่าเงินลงทุนไป ย่อมได้กำไรมากกว่าลงทุนที่อื่น เสี่ยงภัยน้อยกว่าการค้าอื่นๆ มาก

วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งร้านนี้ เดิมก็เพื่อรวมรวมใจพ่อค้าให้เป็นหนึ่ง ให้ทุกคนอยู่เทียนจินกันไปนานๆ ให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงการช่วยเหลือดูแลกันและกัน

หากแบ่งหุ้นให้แต่พวกหุ้นใหญ่ เช่นนั้นย่อมไม่ต้องกล่าวถึงการรวมใจพ่อค้าเป็นหนึ่ง เกรงว่าคงทำแตกแยกเสียมากกว่า

วันที่ 11 เดือนเจ็ด งานยุ่งกันแต่เช้า ตอนบ่ายหวังทงก็ปิดประตูจวน บอกว่าพรุ่งนี้ค่อยปรึกษากันใหม่ วันที่ที่ 12 เดือนเจ็ด เงินหุ้นในร้านก็มีถึงสองล้านตำลึง หนึ่งพันตำลึงเป็นหนึ่งหุ้น

พ่อค้ารายใหญ่ในเทียนจินต่างสำแดงความสามารถ นำเงินในมือที่มีทุ่มทุนลงมาจนหมด ร้านเล็กหลายร้านถึงกับขายสินค้าทิ้งในราคาถูก จากนั้นก็นำเงินมาซื้อหุ้น ปรากฎว่าพวกเขายังเป็นลูกค้ารายแรกของร้านประกันภัย มาขอกู้เงินกันเพื่อไปหมุนเวียนสินค้า

ได้เห็นเงินจำนวนมากเข้าบัญชี ได้เห็นความคึกคักที่ไม่รู้จะกล่าวเป็นคำพูดได้อย่างไร ใจหวังทงก็เริ่มสับสน ตนเองก่อตั้งร้านนี้ขึ้นเดิมก็เพื่อกระตุ้นการค้า แต่ตอนนี้กลับกระทบต่อการทำการค้าของพ่อค้าไม่น้อย คิดดูให้ละเอียดแล้ว ยังอยากร้องไห้เสียจริง

อย่างไรก็ตามร้านค้าที่เงินหมุนเวียนไม่พอจนล้มละลายเหล่านั้นก็ได้ร้านค้าที่รออยู่เข้าแทนที่ทันที ทุกคนรู้สึกว่าเทียนจินกำลังพัฒนาเดินหน้า

***********

ปีที่ 7 ในรัชสมัยว่านลี่ ต้นเดือนเจ็ด ณ เมืองกวางตุ้ง

“ผู้พันสวาซี ขุนนางอำเภอเซียงซานแห่งราชสำนักหมิงขอเข้ามาตรวจค้นมาเก๊า”

ตึกแบบตะวันตกในพื้นที่กลางเมืองมาเก๊า มีคนวิ่งเข้าไปอย่างเร่งรีบ พวกเขาสวมชุดตามมาตรฐานแบบชาวต่างชาติที่ทรงเกียรติ ล้วนเป็นขุนนางท้องที่ที่ส่งมาจากยุโรป

หลังอ่านเอกสารที่ส่งมาจากขุนนางหมิง นายทหารที่สวมชุดแดงก็กระเด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที ดูภายนอกแล้วไม่รู้อายุสักเท่าไร เคราแพะนั้นทำเอาเขาดูอายุไม่น้อย แต่หน้ำตาดูแล้วก็เหมือนยังหนุ่มอยู่

“เหลวไหล มาเก๊าเป็นดินแดนที่ฮ่องเต้พระราชทานมา ขุนนางหมิงมาตรวจสอบได้อย่างไร รีบตอบพวกคนตะวันออกพวกนั้นไป บอกว่าเป็นการหลู่เกียรติราชอาณาจักรโปรตุเกสอย่างร้ายแรง พวกเราจะเคลื่อนกำลังรบ!”

นายทหารคนนั้นกำลังยกสองมือชูขึ้นพร้อมคำรามเสียงดังลั่น แต่บรรดาขุนนางต่างสบตากัน ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว รอจนสวาซีหยุดคำรามดัง ขุนนางคนหนึ่งก็กล่าวเสียงนิ่งเรียบว่า

“นายพัน หากท่านคิดว่าทหารสามร้อยกับประชาชนห้าร้อยจะสู้ได้ ก็ตามสบายเลย พวกเราไปขอยอมแพ้ก่อน”

เมื่อถูกถามเช่นนี้ นายพันผู้นั้นก็อึ้งไป ขุนนางอีกผู้หนึ่งกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ผู้พันสวาซี นี่ไม่ใช่เตือนท่านครั้งแรก ตอนนี้พวกเราเพียงแค่ยืมใช้พื้นที่อีกฝ่าย ไม่ว่าวันหน้าเป็นเช่นไร ตอนนี้เราไม่อาจหลุดวาจาผิดพลาดออกไปได้เด็ดขาด”

สวาซีอึ้งไป สีหน้าแดงก่ำ ตบโต๊ะเสียงดังอย่างแรง ตะโกนว่า

“ในเมื่อพวกท่านมีข้อสรุปแล้ว ยังมาหาข้าทำไม ข้าเป็นขุนนางชั้นสูงที่องค์กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรส่งมาที่นี่ หากไม่อาจทำหน้าที่ตนเองให้ดีได้ รอให้กลับไปถึงเมืองลิสบอนก็ต้องชี้แจงเหตุ……”

“นายพัน พวกเราทั้งหมดมาหาท่าน ก็เพื่อให้ท่านเก็บซ่อนสหายชาวมหาสมุทรตอนใต้ของท่านไว้ให้ดี เก็บซ่อนพวกเนเธอร์แลนด์และสเปนพวกนั้นให้ดี อย่าได้ถูกขุนนางหมิงตรวจพบ หาเหตุได้เด็ดขาด!!”

ผู้พันสวาซีผู้นั้นได้ยินดังนี้ ก็วางสองมือนิ่งบนโต๊ะก่อนจะส่งสายตาจับจ้องไปยังคนตรงหน้ากล่าวว่า

“เรื่องของข้าไม่ต้องให้ทุกท่านมาข้องเกี่ยว ก็ได้ ข้ายอมรับว่าบนแผ่นดินราชวงศ์หมิงพวกเขาได้เปรียบ แต่บนทะเลเล่า อาศัยกำลังทหารเรือแค่นั้นจะต่อกรกับทัพเรือของราชอาณาจักรเราได้อย่างไร……”

ยังกล่าวไม่ทันจบ ด้านนอกก็มีคนผิวขาวแต่งกายแบบชาวจีนเข้ามา หลังจากเข้ามาด้วยอาการกระหืดกระหอบ ก็รีบกล่าวว่า

“นายท่านทุกท่าน ขุนนางหมิงส่งสารฉบับสุดท้ายมาว่า ขอให้พวกเราพร้อมให้คำตอบภายในหนึ่งเค่อ[1]นี้ มิเช่นนั้นจะนำกำลังเข้าบุก!”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!!? ปล่อยให้พวกขุนนางหมิงประชิดที่นี่งั้นหรือ!!?”

ทุกคนสบตากัน สุดท้ายก็หันไปทางผู้พันสวาซี พอถูกจ้องมอง ผู้พันก็ยกมือขึ้นตวาดดังว่า

“พวกเจ้ามองข้าทำไม ไม่ว่าพวกเนเธอร์แลนด์หรือสเปน หรือว่าพวกจากมหาสมุทรตอนใต้ ไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำอันในในพื้นที่ละแวกมาเก๊านี้ คอนไซ เจ้าไปรวมกำลังพล พวกเราไม่อาจปล่อยให้พวกชาวหมิงเหิมเกริมได้ เซ่ออยู่ทำไม รีบไปสิ!!”

ขุนนางพวกนั้นที่เข้ามากับบรรดาพ่อค้าเห็นการตัดสินใจของเขาแล้วก็มีคนหนึ่งกล่าวเสียงเยียบเย็นว่า

“ท่านต้องรับผิดชอบในการกระทำของท่าน วันหน้ากลับไปขึ้นศาลที่ราชอาณาจักรเรา ไม่มีผู้ใดเป็นพยานให้ท่าน”

กล่าวจบ ทุกคนก็ออกจากห้องไป ผู้พันสวาซีคว้าหมวกขึ้นสวม มองตามแผ่นหลังทุกคน ด่าทอด้วยคำหยาบคายไปสองสามคำ ก่อนจะหันหน้าไปสั่งการให้ทหารสวมเสื้อเกราะให้เขากล่าวว่า

“รีบไปรายงานสหายข้าตามที่พักโรงเตี๊ยมต่างๆ บอกว่าพวกขุนนางหมิงจะมาตรวจสอบแล้ว ให้พวกเขาออกทะเลไป……ไปลอยลำรอบนทะเล พวกทหารหมิงทำอันใดพวกเขาไม่ได้แน่ ยังจะมาสนใจเสื้อเกราะไรนี่อีก เจ้าคิดว่าเสื้อเกราะพวกนี้กันอันใดได้ รีบไปส่งข่าวไป!!!”

************

ต้นเดือนเจ็ด ณ อำเภอเซียงซาน อากาศร้อนอบอ้าวมาก นายอำเภอนั่งอยู่ในร่มเงา แม้ว่าข้างกายมีคนคอยพัดโบก แต่ก็ร้อนจนซับเหงื่อไม่หยุด

“เจ้าพวกผีฝรั่งสมควรตาย ทำงานชักช้างุ่มง่าม ช่างป่าเถื่อนจริง……”

“นายอำเภอหลี่ ผีฝรั่งพวกนี้ยังทำเงียบอีก ข้าจะนำกำลังเข้าไปละนะ เรื่องนี้ฝ่าบาททรงมีพระบัญชามา ใต้เท้าเราต้องทำตาม”

“ใต้เท้าอย่าใจร้อนๆ ข้าบอกว่ารออีกหนึ่งเค่อไม่ใช่หรือ ผ่านหนึ่งเค่อไป พวกเราก็ไม่ต้องมีมารยาทอันใดกับพวกผีฝรั่งพวกนั้นอีก”

ด้านข้างมีขุนพลแต่งกายแบบกองจู่โจมก้าวออกมากล่าวอย่างไม่พอใจ นายอำเภอรีบยืนขึ้นยิ้มอธิบาย ในใจแอบด่า หากไม่ใช่ทุกปีทุกเดือนมีเงินบรรณาการมาไม่ขาด ข้าจะมาคอยถ่วงเวลาพวกเจ้าที่นี่ทำไมกัน

ขณะกำลังอธิบาย มีคนตะโกนดังมาด้านหลังว่า

“ใต้เท้า ผีฝรั่งนำกำลังออกมาแล้ว!”

“เจ้าพวกป่าเถื่อนขนยาว ยังไม่รู้จักที่ตาย สั่งการลงไป ตั้งทัพรับมือพร้อมรบ!!!”

เมื่อได้ยินเสียงรายงานข้างกาย ขุนพลกองจู่โจมก็ถ่มน้ำลายลงพื้น ก่อนจะสั่งการด้วยน้ำเสียงดุดัน

ทหารม้ามากกว่า 3,000 นายกระจายกำลังออกตามคำสั่ง โบกสะบัดธงรบจัดระเบียบกองทัพ ใช้วัวและม้าลากปืนใหญ่ออกมาสองกระบอกวางด้านหน้า ทหารปืนใหญ่สามสิบกว่านายกำลังจัดการเตรียมยิงปืนใหญ่ สร้างฐานปืนใหญ่ให้แน่นหนา

*************

ผู้พันสวาซีขี่ม้ามาเบื้องหน้า ด้นหลังมีทหารสองร้อยท่าทางไม่พร้อมรบ สวาซีหันไปเสริมสร้างกำลังใจว่า

“พวกเจ้าล้วนเป็นวีรบุรุษผู้กล้าชาวสเปน ย่อมได้รับเกียรติยศยิ่งใหญ่ ตายไปก็ไปสวรรค์ พวกบัดซบ! อย่าหนีนะ! รอข้ากลับไปเมื่อไรจะเอาเจ้าพวกหนีทัพไปแขวนคอริมทะเลให้หมด”

ขณะที่กล่าว มีทหารทิ้งปืนในมือหันหน้าวิ่งกลับหลังหนี สวาซีบนหลังม้าด่าทอเสียงดัง แต่ไม่มีใครสนใจ สุดท้ายสวาซีได้แต่ชักกระบี่ออกมา ไปด้านหลังกองกำลังเพื่อไล่ทหารให้รุกหน้า จึงได้ไม่มีทหารกล้าหนีทัพอีก

แต่ทันทีที่ข้ามเข้าเขตอำเภอเซียงซาน ทัพก็แตก ผู้พันสวาซีบังคับม้าให้หยุด มองไปจากที่ไกล ก่อนจะอุทานขึ้นว่า

“โอ้พระเจ้า!”

อึ้งอยู่บนหลังม้าอยู่นาน ก่อนที่สวาซีจะตะโกนดังบนหลังม้าว่า

“พวกสมควรตายๆ พวกบัดซบยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบแยกเป็นสองแถวสิ……สมควรตายจริงๆ ใครให้พวกเจ้าเรียงแถวรบแบบนี้ ไปยืนบนถนนให้ดี ใช้ท่ายืนแบบต้อนรับพวกชนชั้นสูง ยิ้มด้วย ใช่แล้ว ต้องยิ้มบางๆ จากใจออกมา!!”

ผู้พันรีบสั่งการบนหลังม้า โบกไม้โบกมือแสดงท่าทาง ก่อนจะรีบวิ่งเหยาะไปด้านหน้า มองไปทางขุนนางหมิงผู้รับผิดชอบนำปฏิบัติการ และมองไปทางขุนพลหมิงอีกด้วย สวาซีถอดหมวกออกแนบไว้ที่อก เผยรอยยิ้มที่เป็นมิตรที่สุดออกต้อนรับ

***********

“นายกองร้อยสวาซี ท่านนำกำลังมา หรือว่าคิดจะแย่งชิงแผ่นดิน?”

นายอำเภอหลี่แห่งอำเภอเซียงซานถามเสียงเยียบเย็น ผ่านล่ามแปลอย่างไรไม่รู้ เห็นแค่ผู้พันสวาซีและทหารอีกสองร้อยกว่า ผ่านล่ามแปลเป็นนายกองร้อยแทน

นายกองร้อยแม้ว่าจะเป็นขุนนางระดับหก ก็ขุนนางบู๊ต่ำกว่าขุนนางบุ๋น นายกองร้อยย่อมไม่ควรค่าแก่การสนใจนับประสาอันใดกับผีฝรั่งขนยาวผู้นี้

สวาซีมองเห็นกองทัพที่จัดทัพพร้อมรบเรียบร้อย และปืนใหญ่ที่วางเล็งมาทางตน ก็อดกลืนน้ำลายเอื้อกหนึ่งไม่ได้ สีหน้ารีบยิ้มแย้ม ใช้ท่าทีประจบอย่างที่สุดกล่าวว่า

“นายท่านทุกท่านที่เคารพ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพจากพวกเราราชอาณาจักรเราต่อทุกท่าน ข้าจึงได้นำทหารมาจัดแถวรอรับทุกท่าน ขอเชิญทุกท่านเข้าตรวจค้นมาเก๊าได้”

———————-

[1] 15 นาที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!