ตอนที่ 401 เจ้าพนักงานมีเรื่องกับทหารส่วนตัววุ่นวายยิ่ง
ที่เรียกว่า ‘ปิดเส้นทางเรือสัญจร’ ก็คือเรือใหญ่สองสามลำเชื่อมกันหัวท้าย ปกติจอดอยู่ในท่าเรือที่ขุดเป็นอ่าวไว้จอด ยามต้องการก็จะแล่นออกมาใช้โซ่ล่ามติดกันบนผืนน้ำ
เจ้าสิ่งนี้ตั้งแต่คิดค้นติดตั้งมา ก็ไม่เคยได้ใช้ แต่จางซื่อเฉียงออกคำสั่งลงไป หน่วยปิดเส้นทางสัญจรก็จะเริ่มตีฆ้องตีกลองดัง คนงานทั้งหลายก็จะรีบโดดลงเรือ พายอย่างเร็วไปยังบริเวณที่แคบ ไม่นานสองด้านก็เชื่อมเข้าหากัน เรือที่ชนกันก็จะใช้โซ่ใหญ่ล่ามเอาไว้ นี่เรียกว่า ปิดเส้นทางสัญจร
พอเห็นเส้นทางถูกปิด เรือทั้งหมดย่อมไม่อาจแล่นต่อได้ เทียนจินทรงอิทธิพลเกรียงไกร เรือเหนือใต้แล่นผ่านไปมาพอเห็นก็ได้แต่บ่นไม่พอใจสองสามคำ จากนั้นก็จอดนิ่งคอยแต่โดยดี รอให้เปิดเส้นทางต่อ
ข่าวด้านหลังมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนแม้ว่ายอมจ่ายภาษีโดยดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพอใจ ไม่มีผู้ใดอยากให้เงินตัวเองลดลง พอได้ยินว่าด้านหลังมีมหาขันทีใหญ่ไม่เพียงแต่ไม่จ่ายภาษี ยังตีเจ้าพนักงานตกแม่น้ำไป ในใจแต่ละคนก็ร้องเชียร์ รอชมเรื่องสนุก
ด่านภาษีที่เทียนจินไม่ว่าทำงการหรือชาวบ้าน ไม่ว่ามีตำแหน่งหรือไม่ สินค้าทุกลำต้องจ่ายภาษี คนที่ไม่พอใจมีมาก ยิ่งพวกขุนนางมีตำแหน่งก็รอดูอย่างใจจดใจต่อ หากเจ้าไม่เก็บภาษีขันทีใหญ่ผู้นั้น ถือสิทธิ์ใดมาเก็บพวกเรา จะอาศัยจังหวะนี้ก่อเรื่องตามน้ำ
ม้าเร็วไปแจ้งหวังทงออกเดินทางไปแล้ว จางซื่อเฉียงพกดาบใหญ่ยืนหน้าประตู เจ้าพนักงานภาษีวิ่งกรูกันตามมารวมตัวเบื้องหน้าเขา
ด้วยเห็นความสำคัญของแม่น้ำทะเลมากกว่า หวังทงจึงไม่ได้วางกำลังใดนอกจากเจ้าพนักงานภาษีเอาไว้ที่นี่ ซึ่งพวกนี้เป็นแค่คนเรียนรู้งานคำนวณได้ไม่กี่สิบคนเท่านั้น ที่เหลือก็เป็นทหารองครักษ์เสื้อแพรเดิมในพื้นที่เทียนจิน คนน่าจะราว 300 เท่านั้น
ไม่รวมพวกที่ประจำการอยู่ในจุดต่างๆ ตอนนี้เบื้องหน้าจางซื่อเฉียงจึงมีคนยืนอยู่ราว 210 คน ด้านข้างมีหังต้าเฉียวที่ดูลนลานไม่ได้เรื่อง
พอเห็นจางซื่อเฉียงสีหน้ำเย็นเยียบ หังต้าเฉียวก็อดไม่ได้กระซิบว่า
“พี่จาง เรื่องนี้ต้องไตร่ตรองให้ดี คนอื่นก็ช่างมัน แต่นี่ขันทีรับตำแหน่งใหญ่เลยนะ หากพวกเราล่วงเกินไป ใต้เท้าจะลำบากใจ ใช่ไหมเล่า?”
จางซื่อเฉียงหรี่ตามองเขา ก่อนจะพูดว่า
“ครั้งก่อนเสียหน้าไปขนาดนั้น หลายคนโดนโบย หักเบี้ยหวัด ครั้งนี้หากปล่อยคนผู้นี้ไปอีก ข้าจะเงยหน้ามองลูกน้องใต้เท้าคนอื่นได้อย่างไร พวกเจ้ายังคิดทำงานนี้ต่ออีกหรือไม่?”
วาจานี้ทำเอาหังต้าเฉียวหน้าซีด ก่อนจะกัดฟันตะโกนขึ้นว่า
“พี่น้องทุกคน ปลายแม่น้ำมีคนไม่จ่ายภาษี เรือกำลังผ่านมา ไม่กลัวที่จะบอกทุกคนว่า มหาขันทีใหญ่แห่งสำนักอาชาหลวงคนใหม่เป็นผู้ที่ไม่จ่ายภาษี พวกเราปิดเส้นทางสัญจร ก็เพื่อให้พวกเขายอมจ่ายภาษี……”
เดิมจางซื่อเฉียงระดมกำลังมาโดยไม่ได้บอกล่าวอย่างละเอียด แต่หังต้าเฉียวตะโกนเช่นนี้ออกไป ทุกคนก็เริ่มส่งเสียงเอะอะขึ้นมา ‘สำนักอาชาหลวง’ ‘มหาขันที’ สองคำนี้ทำทุกคนตกใจ ทุกคนสบตากัน ล้วนมีท่าทางหวาดกลัว จางซื่อเฉียงขมวดคิ้วมองไปยังหังต้าเฉียว หังต้าเฉียวกลับตะโกนต่ออย่างไม่ลังเลว่า
“ทุกคนกลัวใช่หรือไม่ คิดถึงคราวก่อนที่พวกเราโดนไล่กลับมา พวกเราที่วิ่งหนีโดนโบยไปก็มี หักเบี้ยหวัดก็มี ไล่ออกก็ไม่น้อย พวกเราต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หากไม่มีงานนี้ หรือว่าจะไปใช้แรงงานที่ท่าเรือกัน ลองมองย้อนกลับไป เหล่าหวังและน้องชายสองคนต้องไปใช้แรงงานหาเลี้ยงชีพทุกวัน ไม่อาจมีปากมีเสียงกับใครได้ ภรรยาก็ต้องกลับบ้านเกิด พวกเจ้าอยากมีชีวิตเช่นนี้หรือ?”
ครั้งล่าสุดที่นายกองตรวจการอวี๋จี้หย่งและขันทีสวีกว่างแห่งสำนักเสบียงมาแย่งเก็บภาษีที่คลองส่งน้ำ ทำเอาเจ้าพนักงานเก็บภาษีกลัวหัวหด มีแต่จางซื่อเฉียงออกไปต้านผู้เดียว พอจบเรื่องก็ถูกล้างบางไปทั้งกอง ทำหน้าที่เจ้าพนักงานภาษีนี้กินดีอยู่ดีไม่ว่า ยังได้รับการเคารพยกย่อง งานนี้หลุดมือไป วันหน้าไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดีกว่านี้แล้ว
ยิ่งกว่านั้นขันทีมาจากในวัง ใต้เท้าหวังเราก็ยังมีฮ่องเต้เป็นผู้หนุนเบื้องหลัง ใครกลัวใครกัน พอหังต้าเฉียวให้กำลังใจเช่นนี้ ทุกคนแม้ว่ายังคงมีสีหน้าหวาดกลัว แต่เสียงวุ่นวายก็เบาบางลงไม่น้อย
“จัดขบวนปิดเส้นทาง!!”
จางซื่อเฉียงพยักหน้าอย่างพอใจ โบกมือออกคำสั่ง เจ้าพนักงานภาษีก็เรียงขบวนเป็นแถวแต่ก็ไม่ใช่แถวที่เรียบร้อยนัก เบียดเสียดกันออกปิดกั้นเส้นทาง หังต้าเฉียวเพิ่งจะบอกให้สู้ ยามนี้ก็เกิดลังเลอยู่บ้าง มองไปด้านหน้า แล้วก็มองกลับไปทางแม่น้ำทะเล กัดฟันกระทืบเท้า ติดตามขบวนด้านหน้าไป
ผ่านการจัดระเบียบของหวังทง ทั้งคลองส่งน้ำเทียนจินก็เป็นระเบียบเรียบร้อย ในเมื่อด้านหน้าปิดทางสัญจร บรรดาเรือก็ส่งข่าวบอกต่อกัน ล้วนเข้าเทียบท่ารอสองฝั่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเหมือนเป็นการเปิดทางให้กองเรือของฉู่จ้าวเหริน ไม่นานนัก กองเรือแถวหน้าก็มาถึงบริเวณที่ปิดเส้นทางสัญจร
หลังจากมีเรื่องกันเมื่อครู่ ฉู่จ้าวเหรินก็โมโหมาก ไม่ยอมกลับเข้าไปในห้องเรือ หากยืนมองอยู่บนดาดฟ้าเรือ มองไปริมฝั่งที่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน และกำลังรอให้เข้าเทียบท่าที่เทียนจิน เมื่อครู่ลูกน้องรายงานมาว่าที่เทียนจินนี้ต่างจากที่อื่น ด่านจริงอยู่ด้านหน้า เมื่อครู่เป็นเพียงเจ้าพนักงานล่วงหน้ามาอำนวยความสะดวกให้เท่านั้น
แม้ว่าจะมีที่ว่าง แต่ยามนี้เป็นช่วงเวลาที่เรือเยอะที่สุด เรือไปมาเหนือใต้ก็มากที่สุด แม้ว่าเข้าชิดสองฝั่ง แต่เส้นทางน้ำก็แคบมาก กองเรือฉู่จ้าวเหรินไม่เล็ก แม้ว่าเส้นทางไม่กี่ลี้ก็ต้องใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วยามกว่ากว่าจะมาถึง
*************
“ฉู่กงกง ข้างหน้ามีคนนำเรือมาขวางไว้ จัดการเช่นไร!?”
หนิวเชียวเวยหัวหน้ากองกำลังตะโกนขึ้นมาถาม ไม่ต้องให้เขาถาม ฉู่จ้าวเหรินเองก็มองเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ยังสามารถเห็นว่าเรือด้านหน้าเรียงตัวเป็นแนวนอน บนเรือมีชายในชุดทหาร
ฉู่จ้าวเหรินรู้ว่าเทียนจินนี้มีนายกองพันอายุน้อยคนสนิทฮ่องเต้ แต่ว่าหากเจ้าเป็นคนสนิทไยไม่อยู่เมืองหลวง? ไม่ใช่ว่าถูกขับออกจากเมืองหลวงมาเทียนจินหรอกหรือ? แม้แต่ซุนไห่คนสนิทฮ่องเต้ในวังยังถูกไทเฮาจัดการ เจ้าก็แค่นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรตัวเล็กๆ จะใหญ่สักเพียงใดกัน ข้าเป็นคนที่ไทเฮาคัดเลือกให้มาดำรงตำแหน่งสำนักอาชาหลวงด้วยพระองค์เองเชียวนะ
เมื่อก่อนเคยได้ยินข่าวหวังทงมาบ้าง แต่ฉู่จ้าวเหรินรู้สึกว่าตนเองอยู่ระดับเหนือกว่าเล็กน้อย
ฉู่จ้าวเหรินยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห พอเห็นกองเรือขวางทางด้านหน้ากับคนบนเรือ ก็อดไม่ได้ โมโหตะโกนเสียงดังขึ้นว่า
“หนิวเชียนเวย เมื่อครู่ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าควรทำอย่างไรไม่ใช่หรือ ยังมาถามอีก ข้าไม่หยุดที่เทียนจินแล้ว ผ่านไปเร็วๆ ไปถึงเมืองหลวงเร็วๆ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ดีงามอันใด อยู่นานอีกหน่อยก็มีแต่รำคาญใจ!”
“กงกงกล่าวเช่นนี้ก็จัดการง่ายแล้ว ข้าน้อยเห็นมามาก ก็ยังไม่เคยเห็นว่าเรือขุนนางโดนเก็บภาษีด้วย เทียนจินบัดซบโดยแท้ ขอกงกงนั่งให้ดี ดูพวกข้าน้อยแสดงฝีมือให้ท่านชม!!”
พอได้ยินคำของฉู่จ้าวเหริน หนิวเชียนเวยก็แสยะยิ้มกล่าวขึ้น ฉู่จ้าวเหรินพนักหน้าด้วยความพอใจ กล่าวบนดาดฟ้าเรือว่า
“จัดการให้ดีๆ ข้ามีรางวัล!”
หัวหน้ากองหนิวเชียนเวยประสานมือคำนับ ลุกขึ้นก็เริ่มจัดกำลังทันที ทหารประจำเรือแต่ละลำให้รวมตัวกันอยู่ที่เรือด้านหน้าสองลำ
กองเรือของฉู่จ้าวเหรินยิ่งเข้ามาใกล้ยิ่งช้าลง คนเรือเป็นผู้ชำนาญการเดินเรือ บังคับเรือได้ดีมาก พอเห็นเรือแม้ว่าแล่นมาก แต่ก็แล่นมาไม่หยุด เข้ามาประชิดใกล้
*************
พวกทหารบน ‘กองเรือปิดเส้นทางสัญจร’ นอกจากออกวิ่งเช้าเย็นแล้วก็ไม่เคยมีการฝึกอื่นใดอีก ในมือถือกระบองน้ำไฟแบบใช้ในศาล พอเห็นกองเรือเข้าประชิดใกล้ แต่ละคนก็ลนลานไม่รู้จะรับมืออย่างไร
“พี่น้องเรา นิ่งไว้ พวกเขาไม่กล้าชนเรา!!”
จางซื่อเฉียงกุมด้ามดาบแน่น จ้องมองเบื้องหน้าอย่างเคร่งเครียด กองเรือด้านหน้าส่งเสียงตะโกนดัง ทหารรอบๆ เห็นชัดว่าเริ่มไม่นิ่ง หังต้าเฉียวเองก็เครียดจนเหงื่อท่วมใบหน้า เขาตะเบ็งเสียงดังขึ้นว่า
“ใต้เท้าหวังกำลังนำคนมาแล้ว พวกเราไม่ต้านไว้ ปล่อยให้ผ่านไปได้ ทุกคนคิดถึงผลลัพธ์ คิดถึงลูกเมียพ่อแม่ที่บ้าน คิดถึงปีที่ผ่านมากินดีอยู่ดีกัน!!”
พอตะโกนออกไปเช่นนี้ ในที่สุดก็สะกดความไม่นิ่งไว้ได้ แต่กองเรือด้านหน้าก็ยังคงเข้าประชิดอย่างช้าๆ ถึงกับจะชนเข้ามาจริงๆ ในที่สุดก็ได้ยินเสียงตะโกนให้หยุด เห็นลูกเรือใช้ไม้พายท่อนใหญ่ปักลงในน้ำ ออกแรงหยุดเรือ
การเคลื่อนไหวนี้ เรือที่แล่นช้ามากก็หยุดลง องครักษ์เสื้อแพรกำลังเคร่งเครียดถึงขีดสุด พอเรือที่ปิดเส้นทางถูกปะทะก็แค่ขยับเล็กน้อย ไม่ถึงขนาดพลิกคว่ำ แต่คนยืนด้านหลังก็พากันร้องเสียงหลงอย่างไม่อาจบังคับได้ กระโดดลงน้ำไปก่อน
เสียงน้ำดังตูมๆ ติดต่อกัน สภาพทุลักทุเลโดยแท้ สภาพการณ์เบื้องหน้าเห็นแล้วเหมือนฉากในงิ้ว คนรอบด้านมุงดูก็อดไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น
เรือของขันทีฉู่แล่นมาด้านหน้าแล้ว ขันทีฉู่นั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือ หญิงสาวร่างอรชรอยู่ข้างกาย พอเห็นสภาพเบื้องหน้าก็หัวเราะดังลั่น ดึงดูดสายตาคนรอบตัวให้หันไปมองไม่น้อย
หลายคนร่วงตกน้ำ กองเรือปิดเส้นทางสัญจรเริ่มอลหม่าน หนิวเชียนเวยหัวหน้ากองกำลังในสังกัดขันทีฉู่ก็ตะโกนดังว่า
“บุกเข้าไป ตีลงไปในน้ำ!!”
ในมือหนิวเชียนเวยถือดาบในฝักยกขึ้น ทหารของเขานั้นฝึกฝนทุกวัน ย่อมไม่ใช่เจ้าพนักงานภาษีที่แสนอ่อนแอจะสู้ได้ นับประสาอันใดกับกำลังลนลานอยู่เช่นนี้ พอทหารบุกเข้าใส่ ก็มีสภาพน่าอเนจอนาถอย่างยิ่ง ทุกคนถูกตีกันชนฟกช้ำดำเขียวไปหมด โดดลงน้ำไปอย่างตกใจไม่รู้จะรับมืออย่างไร
ในช่วงเวลาสั้น ๆ กองเรือปิดเส้นทางสัญจรก็เริ่มคลายออก หลายคนพยายามจะลากเข้ามาติดกัน พวกที่ชมดูกันอยู่ก็จ้องมองอย่างตื่นเต้น เตรียมจะผ่านด่านตามไปด้วย ไม่ว่าอย่างไร เสียภาษีน้อยลงในสองส่วนนี้ก็จะได้กำไรมากขึ้น ทุกคนกำลังกางใบเรือขึ้นเตรียมพร้อม……
ฉู่จ้าวเหรินหัวเราะดังลั่นอยู่บนดาดฟ้าบนเรือ ไม่มีผู้ใดสังเกตท้ายกองเรือ ลูกเรือสองลำรั้งท้ายทยอยโดดลงน้ำ เรือสองข้างริมฝั่งรีบแล่นออกห่าง
“ตูม~~~”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว……