ตอนที่ 414 เงินทองดึงดูดใจ กังวลชายแดนทะเลวันหน้า
รอนแรมมาเป็นขุนนางก็เพื่อเงินทอง นี่เป็นภาษิตในราชวงศ์หมิง
ชาวโปรตุเกสที่รอนแรมข้ามน้ำข้ามมหาสมุทรมายังแผ่นดินหมิงเพื่ออันใด หากไม่ใช่อุดมคติ ก็ย่อมเป็นเงินทอง
การหาเงินทองร่ำรวยไม่ง่าย หากไม่มีสิทธิพิเศษหรือโชคลาภ มายังแผ่นดินหมิงก็ย่อมไม่แตกต่างกับอยู่แผ่นดินเกิดที่ยุโรปที่ต้องลำบากทำกินเหมือนกัน อย่างไรก็มากันไกล อย่างไรก็จากญาติมิตรมาไกล ไม่มีเงินทองก้อนโตกลับไป ในใจก็ย่อมรู้สึกมิอาจยอมรับได้
เมื่อถูกทหารหมิงนำตัวลงเรือมาตอนเหนือ ความรู้สึกรับไม่ได้ก็เริ่มกลายเป็นความผิดหวังและสิ้นหวัง ทางข้างหน้าไม่รู้ชะตาอันใดรอรับพวกเขาอยู่ มองอย่างไรก็ไม่เหมือนจะเป็นโชคดี เส้นทางร่ำรวยย่อมไม่อาจเป็นไปได้
แต่เงินก้อนสองหีบนี้มันอันใดกัน คนที่ได้เห็นต่างอุทานอย่างตกใจ จากนั้นคนที่อยู่ห่างออกไปก็ล้อมวงเข้ามา สามร้อยกว่าคนล้อมกันจนแน่นขนัด
พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าหากเป็นเช่นนี้เมื่อสองสามวันก่อน ทหารเฝ้าด้านนอกก็น่าจะใช้อาวุธเข้ามาขับไล่อย่างโมโหแล้ว หากยามนี้กลับไม่สนใจแม้แต่น้อย
แม้ว่าช่างฝีมือทั้งสองจะยังคงตื่นตะลึง แต่พอเห็นคนล้อมวงเข้ามาด้วยสีหน้าอิจฉา เขาทั้งสองก็เริ่มมีสีหน้าลำพองใจ
“นี่มันเงินเท่าไรกัน?”
ในที่สุดก็มีคนถามคำถามนี้ ทุกคนรอฟังอย่างตั้งใจ ช่างสองคนคุ้นเคยกับน้ำหนักพวกนี้มาก ยิ้มกล่าวว่า
“เป็นก้อนเงินแท้ชั้นยอดทั้งหมด แต่ละหีบมีเกือบ 1,000 เหรียญ (เหรียญเงินโปรตุเกส)”
เหรียญเงินมาตรฐาน 1,000 เหรียญหากชนชั้นสูงในโปรตุเกสไม่มีกิจการข้ามมหาสมุทร รายได้ปีหนึ่งยังไม่ถึง 2,000 เหรียญเงิน เงินจำนวนนี้สามารถทำให้มีชีวิตที่ไม่เลวได้เลยทีเดียว ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งหาได้มากเพียงนี้ ก็เกือบจะกลับบ้านเกิดไปหาซื้อหน้าร้านหรือที่ดินเล็กๆ ใช้ชีวิตสุขสบายได้เลยทีเดียว
พอได้ยินจำนวนเงิน ทุกคนก็อึ้งไป จากนั้นก็พากันอุทานถอนหายใจพร้อมกัน ทุกคนนึกถึงตอนที่มีคนถือปืนคาบศิลามาถาม เกี่ยวอันใดกับเงินพวกนี้ คนใจร้อนก็ถามขึ้นทันที
“ถูกนำตัวไปยังเบื้องหน้าใต้เท้าท่านหนึ่ง เขาถามว่าข้าแกะและทำปืนคาบศิลาเป็นไหม พวกเราบอกว่าเป็น จากนั้นก็ให้ข้าสองคนแกะออกดู และยังนำพวกเราไปโรงตีเหล็ก ให้พวกเราทำปืน ที่นั่นมีช่างมากมาย พวกเรายุ่งหัวหมุนกันหลายวันจึงทำออกมาได้ ถึงกับมีชาวผิวขาวผู้หนึ่งเข้ามาตรวจสอบ และยังเทียบกับปืนด้ามอื่นอีก”
ช่างทั้งสองเล่าอย่างตื่นเต้นดีใจ ทุกคนฟังอย่างตั้งใจ
“หลังจากปืนคาบศิลาที่ทำใหม่ยิงออกไป ใต้เท้าหนุ่มผู้นั้นก็ดีใจมาก ตกรางวัลให้พวกเราด้วยเงินหีบนี้”
ทุกคนรู้เช่นนี้ มีคนยิ่งเกิดความอิจฉามากขึ้น บางคนเสียใจทุบอกตนเอง ในหมู่คนเหล่านี้มีช่างฝีมือหลายคนที่รู้วิธีทำปืนไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้อื่นแย่งไปก่อน ได้เงินไปก้อนใหญ่เช่นนี้ก่อน
ทุกคนรอนแรมข้ามมหาสมุทรมายังแผ่นดินตะวันออก ไม่ว่าบนเรือหรือบนบก ล้วนได้ยินถึงความเป็นชนชาติไร้ความศิวิไลซ์ เหมือนมีหัวหน้าเผ่าอะไรสักอย่าง ยังมีพวกชนชั้นสูงกับเชื้อพระวงศ์บนแผ่นดินตะวันออกที่มักจะชอบกลไกและเทคนิคของตะวันตกมาก หากได้พบก็ย่อมร่ำรวยใหญ่ เห็นเพื่อนที่มาด้วยกันสองคนเช่นนี้ ดีไม่ดีก็คงเป็นโชคเช่นนี้กระมัง
เงินก้อนสีเงินวาววับ นำเงินเหล่านี้ไปยังเมืองที่ไม่รุ่งเรือนนักใช้จ่ายดื่มกินให้หนำใจ คงจะมีความสุขสบายไม่น้อย ทุกคนได้แต่ปล่อยความฝันบินไปไกล
ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอกว่า
“มีใครทำปืนใหญ่เป็นไหม!!?”
ภาษาโปรตุเกสมาตรฐานดังขึ้น ทุกคนมองออกไปพร้อมกัน เห็นชาวผิวขาวสวมชุดแบบตะวันออก ท่าทางภูมิฐานยืนตะโกนดังอยู่ด้านนอก
“มีใครทำปืนใหญ่ที่ลากออกไปสนามรบยิงได้บ้าง?”
ตะโกนดังขึ้นอีกประโยค ทุกคนมองหน้ากัน ทันใดนั้นก็มีหลายสิบมือยกขึ้น ทุกคนแย่งกันกล่าวว่า
“ข้าเป็น!” “ข้าเป็น!!”
เป้ยอันที่อยู่สำนักปืนไฟมานานยิ้มกริ่ม เรียก 20 กว่าคนที่ยกมือออกมา จากนั้นก็ถามว่า
“ต้องการผู้ช่วยไหม? เรียกไปด้วยกัน หากทำออกมาได้ ก็ได้เงิน หากทำออกมาไม่ได้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้เงินนะ”
ทุกคนรู้ดีว่ามีคนไปมากเท่าไรก็ย่อมมีคนแบ่งเงินมากเท่านั้น เรียกคนไปน้อยก็คนหารน้อย แต่พอได้ยินคำข่มขู่ตอนท้าย ชาวโปรตุเกสที่ความโลภบดบังความคิดก็ได้สติไม่น้อย รีบเรียกหาผู้ช่วยไปด้วย
เป้ยอันอายุ 30 แต่งกายดูน่ามีสถานะสูงไม่น้อย พวกเขาเห็นว่าทหารหมิงให้ความเคารพเป้ยอันมาก คนงานและช่างทุกคนจึงให้ความเคารพเป้ยอันอย่างมากเช่นกัน
เห็นช่างฝีมือเหล่านี้เชื่อฟังและเดินตามทหารออกไป เป้ยอันด้านหลังก็คิดว่า หากตอนนั้นตนเองไม่ได้มาเทียนจิน ไม่มีโอกาสได้พบใต้เท้าหวังอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ตอนนี้ไม่แน่ก็จะเหมือนคนพวกนี้ ไม่ ต้องไม่เหมือนพวกนี้ เพราะตนสามคนทำปืนไม่เป็น ได้เห็นช่างทั้งสองแกะปืนออก จึงได้รู้ว่าด้านในมีกลไกอันใด นี่คือความแตกต่างในชีวิตคนเรา
ตอนเป้ยอันไปคัดเลือกช่างฝีมือในพื้นที่กักกัน หวังทงกำลังเป็นเพื่อนอวี๋ต้าโหยวอยู่ที่จวน หลังชายชราเห็นเรือลำนั้นก็ไม่อาจควบคุมสติได้
ยามนี้อากาศหนาวเย็นแล้ว อวี๋ต้าโหยวอาจกระทบไอเย็น พอถึงบ้านก็ล้มป่วยลง หมอที่ดีที่สุดในเทียนจินถูกหวังทงเชิญมาจนหมด ให้มาพักในจวน สามารถดูอาการได้ตลอดเวลา
ยังส่งคนไปยังเมืองหลวงเชิญหมอที่มีชื่อเสียงมาที่นี่ และยังมีจดหมายส่วนตัวให้โจวอี้ หากว่าสำนักหมอหลวงสามารถช่วยเหลือได้ ก็ย่อมดีที่สุด
อวี๋ต้าโหยวมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่รัชสมัยว่านลี่ที่ 5 แม้ว่าอายุไม่น้อยแล้ว แต่ก็แข็งแรงมาโดยตลอด กำลังวังชาดีมากไม่เหมือนกับชายชราคนอื่น เขาไม่เคยล้มป่วยันใด แต่ครั้งนี้อยู่ๆ ก็ล้มป่วยลง แม้ว่าหมอจะวินิจฉัยว่ากระทบไอเย็นจนเป็นหวัด หากสภาพร่างกายกลับฟื้นตัวช้ามาก
สำหรับชายชราแล้ว นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีอันใด ในกรณีนี้หวังทงเห็นมามาก จึงรู้สึกร้อนใจมาก หากก็ได้แต่พยายามอย่างดีที่สุด ให้เวลาอยู่เป็นเพื่อนกับชายชรามากขึ้น
ภาพของอวี๋ต้าโหยวในสายตาทุกคนล้วนเป็นภาพชายชราที่ใบหน้าแสดงออกชัดเจนไม่ว่าดีใจ โกรธ ทุกข์และโศก เปลี่ยนแปลงง่าย แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม
“รอนแรมตะวันออกยันตะวันตกมาหลายปี แต่ไม่เคยคิดถึงคนที่บ้าน แต่คราวนี้กลับคิดถึงมาก แก่แล้ว แก่แล้ว คนเราพอแก่ก็จะเหมือนอิสตรี”
บนตัวมีผ้านวมห่มคลุม ยังใกล้กับเตาผิงไฟ อวี๋ต้าโหยวท่าทางอ่อนแรง หวังทงใช้มีดเล็กปอกเปลือกลูกแพรวางบนโต๊ะ ยิ้มพูดว่า
“ม้าเร็วที่ไปที่ฮกเกี้ยนออกเดินทางไปเมื่อวานนี้ แต่ไปมาระยะทางไกลไม่น้อย คาดว่าน่าจะเดือนหนึ่ง คนที่บ้านท่านก็คงมาถึงเทียนจิน ท่านไม่ต้องกังวล”
อวี๋ต้าโหยวยิ้มพยักหน้า กล่าวว่า
“ลูกผู้ชายใช้มีดสังหารโจรจับพยัคฆ์ เจ้ากลับเอามาปอกลูกแพร จริงๆ เลย จริงๆ เลย……”
“ในห้องกลิ่นควันไฟหนาแน่น กินลูกแพรจะได้ช่วยให้ดีขึ้น ท่านอย่าว่าไป คิดไม่ถึงว่าฤดูหนาวเช่นนี้ลูกแพรขายเท่ากับของป่าราคาแพงเลยทีเดียว”
หวังทงยิ้มไปพูดไป อวี๋ต้าโหยวหยิบชิ้นหนึ่งเข้าปาก ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า
“จำที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเทียนจินตอนนี้เหมือนก้อนเนื้ออวบอ้วนได้ไหม?”
แน่นอนหวังทงจำได้ และเป็นเพราะการเตือนของอวี๋ต้าโหยว ทำให้มีการเตรียมการล่วงหน้า พวกโจรสลัดกู้เหลาหู่จึงไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การค้าของเทียนจินมากนัก หวังทงพยักหน้า อวี๋ต้าโหยวเอ่ยต่อว่า
“ตอนนี้เทียนจินไม่ได้แค่อวบอ้วน เห็นชัดๆ ว่าเป็นทองคำอร่ามราวหยกชิ้นงาม ได้เห็นเงินทองมากมายเพียงนั้นมารวมกัน ก็ย่อมมีคนอดจะเสี่ยงไม่ได้”
ตอนนี้ร้านค้าในเทียนจินเต็มไปด้วยสินค้า ถึงกระนั้นแต่ละร้านก็ยังมีเงินทองสะสมไว้อีกไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร้านประกันภัยของหวังทงก็ยังมีเงินสดก้อนใหญ่ ที่เรียนกว่าภูเขาทองคำทะเลเงินอยู่ที่เทียนจิน คิดให้ดีก็ใช่ว่าจะกล่าวเกินความจริงอันใด
“เจ้าก็ได้เห็นเรือติดปืนใหญ่ของต่างชาตินั่นแล้ว เมื่อวานเจ้ายังบอกว่านั่นไม่ใช่เรือรบมัน แต่เป็นเรือการค้าที่ไว้เดินทางขนสินค้าข้ามมหาสมุทรเท่านั้น ปืนใหญ่ก็ไว้เพื่อป้องกันตนเอง เรือการค้ายังเป็นเช่นนี้ หากเป็นเรือรบของพวกนั้นจะขนาดไหนกัน?”
อวี๋ต้าโหยวพูดไปก็เริ่มร้อนใจ อดไม่ได้ที่จะไอออกมา หวังทงรีบเข้าไปทุบหลังให้ อวี๋ต้าโหยวสงบลง กล่าวต่อว่า
“ป้อมปืนริมแม่น้ำทะเลสามารถรับมือได้หรือ? หากเอาไม่อยู่ ปืนพวกนั้นก็จะถล่มป้อมเจ้า เข้ามาทางทะเลมาถึงคลองส่งน้ำ ไปถึงเมืองหลวงจะทำอย่างไร? หากเรือรบต่างชาติสองกองเรือ หนึ่งเข้ามาทางเทียนจินประชิดเมืองหลวง อีกหนึ่งเข้าทางแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ตัดเส้นทางการขนส่ง ตอนนี้ความต้องการเสบียงของเมืองหลวงก็ล้วนอาศัยขนส่งมาจากทางใต้ หากเส้นทางขนส่งถูกตัดขาด ก็ย่อมสั่นสะเทือนใต้หล้าเป็นแน่”
วาจากล่าวเช่นนี้ทำเอาหวังทงรู้สึกเครียดขึ้นมา วิเคราะห์ให้ดี หากศัตรูภายนอกทำเช่นนี้จริง ย่อมสั่นสะเทือนใต้เหล้าเป็นแน่ ผู้คนย่อมไม่แน่ใจ ด้วยกองทัพเรือหมิงเราตอนนี้ก็ช่างน่าขัน เรือเก่าๆ พังๆ กองหนึ่ง มีกำลังรบอันใดกัน หากเรือปืนตะวันตกแล่นเข้ามาจริง……
แม้จะความรู้ทางประวัติศาสตร์จะจำกัด แต่หวังทงก็รู้ว่าสมัยหมิงยังไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อวี๋ต้าโหยวกังวลเกินไปแล้ว แต่ปลายสมัยราชวงศ์ชิงอีกหลายร้อยปีจากนี้ ครั้งแรกก็สงครามฝิ่น ราชสำนักชิงขอเจรจาสงบศึก เพราะว่าเรือรบอังกฤษแล่นเข้ามาในแม่น้ำฉางเจียง ตัดเส้นทางขนส่ง
เห็นหวังทงเงียบไป อวี๋ต้าโหยวก็กล่าวต่อว่า
“ห้ามออกทะเล ห้ามออกทะเล หากห้ามโจรสลัดวัวโค่วไม่ได้ กลับห้ามจนกองเรือเราเองอ่อนแอ ข้ากับชีหยวนจิ้งลำบากลำบนรบบนฝั่งมานานหลายปี หากมีเรือ จะต้องลำบากเช่นนี้หรือ กองเรือรบทะเล อย่างไรก็ต้องอาศัยเรือ เห็นเรือใหญ่ต่างชาติพวกนี้แล้ว หันมาดูเรือเราสิ”
คำพูดยิ่งร้อนใจ อาการหอบก็ยิ่งมาก หวังทงส่ายหน้า เข้ามาจัดให้อวี๋ต้าโหยวเอนหลังพิง ยิ้มกล่าวว่า
“ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราลงมือช้าไป แต่ตอนนี้ก็ค่อยๆ เริ่มลงมือแล้ว อย่างไรก็ทัน ท่านคิดว่าหวังทงเอาเรือปืนพวกต่างชาติกับพวกนั้นมาที่เทียนจินเพื่ออะไรกัน?”
อวี๋ต้าโหยวอึ้งไป เหลือบดูรอยยิ้มของหวังทง จากนั้นก็หัวเราะออกมา
*************
ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักอาชาหลวงเข้ารับตำแหน่ง ตามธรรมเนียมก็ย่อมได้ดูแลบัญชีรายชื่อทหารในสังกัดสี่กองกำลังประจำพระองค์และกองรบของสำนักอาชาหลวง ชุดเกราะ อาวุธและเสบียงแต่ละรายการก็ต้องตรวจสอบก่อน ฉู่เจ้าเหรินทำงานมานานจนชำนาญ ย่อมเข้าใจธรรมเนียม ตั้งแต่รับตำแหน่งมา ทุกวันก็จะตรวจบัญชีอยู่ที่สำนักอาชาหลวง
“กองกำลังหู่เวยเทียนจินนี่อยู่ในสังกัดสำนักอาชาหลวงหรือ?”