Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 419

ตอนที่ 419 ใจคนแตกต่าง ความรู้ปัจจุบัน อดีตนำไปใช้

“รังเพลิงที่ลำปืนตำแหน่งต่างกัน กระสุนปืนยิงออกไปย่อมระยะไกลไม่เท่ากัน ปืนใหญ่ของพวกเราส่วนใหญ่อยู่ที่ตำแหน่งหัวปืนท้ายปืนแบบ 7 ต่อ 3 พวกต่างชาติเป็นแบบ 8 ต่อ 2 ส่วน ใกล้ท้ายปืนมากกว่า ต่างชาตินั่นบอกว่า เป็นตำแหน่งที่รอให้ดินปืนเผาให้หมดก่อน ที่รังเพลิงให้อากาศเล็ดรอดออกไปเล็กน้อย”

เหรินย่วนพูดกันหวังทงด้วยท่าทางตื่นเต้น หวังทงฟังเข้าใจบ้างบางส่วน ปัญหาของเรื่องเทคนิคพวกนี้ไม่จำเป็นต้องฟังเข้าใจ แต่สามารถอดทนฟังได้นาน เหรินย่วนกลับตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง พูดไม่หยุดว่า

“ใต้เท้าไม่รู้ พวกต่างชาติพวกนี้แม้แต่ดินปืนก็เอามาทำใหม่ พวกเขาเอาดินปืนเราผสมไปมา จากนั้นก็ใช้น้ำพรมให้เปียกแล้วผสมต่อ ตากให้แห้ง จากนั้นก็บดให้ละเอียด กลายเป็นเม็ดเล็กๆ”

กล่าวถึงตรงนี้ หวังทงก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง เหริยย่วนพูดต่อว่า

“เดิมคิดว่าดินปืนจะเปียกน้ำอีกได้หรือ เสียเวลามากมายเพียงนี้ทำไม คิดไม่ถึง ดินปืนตากแห้งแล้ว เผาไหม้เร็ว อานุภาพก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ได้ยินพวกต่างชาติบอกว่า ดินปืนผ่านการทำเช่นนี้ ยังชื้นยาก”

นี่เป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง หวังทงยิ้มพยักหน้า เข้าไปกล่าวกับทหารติดตามผู้หนึ่งว่า

“สั่งการลงไป ช่างปืนไฟพวกนี้ให้เงินรางวัลเหมือนช่างฝีมือหนึ่งวัน แล้วเพิ่มให้อีกห้าส่วน”

ทหารติดตามรีบวิ่งออกไป พวกเขาติดตามหวังทงมานาน ย่อมรู้ว่าเวลานี้ควรทำเช่นไร บอกเรื่องนี้กับล่ามก่อน ล่ามค่อยตะโกนบอกให้ทราบทั่วไป ต่างชาติพวกนี้พากันตกตะลึง จากนั้นก็ร้องตะโกนดังลั่นด้วยความยินดี

หวังทงยิ้มหันหลังจะเดินเข้าห้อง กวักมือเรียกเหรินย่วนตามเข้าไปด้วย ออกคำสั่งว่า

“นายกองเหริยน กล่าวกับท่านตามตรง คนพวกนี้ข้าคิดจะเก็บไว้ แต่ไว้ที่สำนักปืนไฟท่านอันตรายเกินไป ยังอาจทำท่านเดือดร้อน ข้ากะว่าจะสร้างที่ใหม่ ให้ถือว่าเป็นส่วนตัวของข้าคนเดียว ถึงเวลาก็จะให้พวกเฉียวต้าเข้าไปอยู่ ทำงานด้วยกัน ทางการก็สามารถส่งคนมาเรียนรู้ได้

นายกองเหรินย่วนแห่งกรมโยธาเป็นผู้ฝักใฝ่ในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ หวังทงจัดการเช่นนี้เป็นการป้องกันความเสี่ยงให้เขา ยังให้เขาได้ประโยชน์อีก ยังจะได้เรียนความรู้ใหม่ จะไม่ยินยอมได้อย่างไร

จึงรีบขอบคุณกล่าวว่า

“ขอบคุณใต้เท้าที่ให้การดูแล……”

“อย่าเพิ่งรีบขอบคุณ หลายวันนี้พวกต่างชาติใช้รถม้าลากเครื่องมือทำงานท่านก็เห็น ได้ประโยชน์มากจริงๆ แต่พวกเขาไม่ใช่บอกมาหรือว่า หากใช้แรงน้ำจะทำให้สะดวกยิ่งขึ้น พวกเราที่เทียนจินเป็นปลายแม่น้ำเก้าสายไม่ใช่หรือ ใช้แรงน้ำจะไม่ได้ได้อย่างไร ท่านลองเลือกสถานที่สักแห่ง ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไปจัดการให้มีเส้นทางน้ำเข้ามา ของที่ทำขึ้นมาจะได้ขนย้ายออกไปง่าย แล้วยังใช้แรงน้ำได้ด้วย”

หวังทงยิ้มตัดบท เหรินย่วนพยักหน้า กล่าวต่อว่า

“ขอใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าจะต้องหาที่ดีๆ ให้ใต้เท้าได้แน่ จะต้องจัดการงานนี้ให้ดี”

*************

พื้นที่กักกันแม้ว่าชื่อกักกัน แต่ไม่เคยขาดแคลน ชาวโปรตุเกสข้างในล้วนเป็นช่างฝีมือ ต้องการไม้หรือฟางมาก่อสร้างเป็นที่พักชั่วคราวเท่าไรก็ย่อมได้

ฟืนและถ่านหิน ผ้าห่มเสื้อผ้า เทียนจินล้วนมีให้ แม้ว่าอากาศจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มิได้ตกระกำลำบากอันใด ในกระเป๋ายังมีเงินทอง กำลังคิดจะใช้ชีวิตให้ดีขึ้น บรรดาทหารก็มิได้สร้างความลำบากอันใดให้พวกเขา ขอเพียงให้เงิน ก็ยอมไปตลาดหาอาหารเนื้อสัตว์สุราที่พวกเขาต้องการมาให้ได้

กลางวันก็ไม่ทำงานที่ไม่ได้หนักหนาอันใด กลางคืนกลับมากินดื่มอย่างดี ต่างชาติพวกนี้มีความสุขมาก ที่มาเก๊าไหนเลยจะมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ได้

คนที่ได้ออกไปยังกลับมาเล่ากันถึงตลาดการค้าที่รุ่งเรืองอย่างยิ่งกันอย่างตื่นเต้น ตลาดเช่นนั้นแม้เมืองหลวงโปรตุเกสเองก็ไม่เจริญเช่นนี้ แม้ว่าทุกคนจะได้ไปแค่ผ่านๆ ได้เห็นท่าทีของพวกขุนนางหมิงที่ดีต่อพวกเขาเช่นนี้แล้ว ไม่ช้าไม่เร็วก็คงได้ออกไปเดินเล่นสักวัน

กินดื่มกันอย่างดี ร้องรำทำเพลงเสียดัง ชีวิตแสนสุขหาใดเทียม แต่ก็มีแต่พวกทำงานจึงหาเงินได้เช่นนี้ พวกที่ไม่ทำงานมาอาศัยกินไม่กี่ครั้งก็พอได้ แต่มากไปก็เริ่มเหล่กันแล้ว ชาวผิวขาวกันเองก็เริ่มเหินห่างกัน หากไม่ใช่ทุกคนเห็นใจกัน แตม้แต่อาศัยกินกันก็คงไม่ให้

ฝ่ายหนึ่งคึกคัก ฝ่ายหนึ่งเงียบเหงา ฝ่ายเงียบเหงาย่อมทนไม่ได้ ตอนอยู่มาเก๊า ทหารกับบรรดาลูกเรือนายเรือของเรือการค้าติดอาวุธ สถานะจะสูงกว่าพวกช่างเป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้กลับตาลปัตรเช่นนี้ ความแตกต่างมากเกินไปแล้ว

ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮา คนพวกนี้ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่อีกทาง ทหารจากมาเก๊ายังดี อย่างไรก็มีวินัย อารมณ์ไม่ดีก็ล้มตัวลงนอนก็แค่นั้น

หากพวกลูกเรือกวางบินเดิมไม่ใช่คนที่รู้จักกาละเทศะ อยู่กลางทะเลมานานวัน นิสัยก็เริ่มเกเร พอเห็นช่างได้เงินก้อนโตกลับมาก็กินดีอยู่ดี ในใจก็เริ่มทนไม่ไหว

พวกเขารู้ว่าหลายวันก่อน หูอันหัวหน้าเรือได้ถูกเรียกตัวไป แต่พอกลับมาก็กลับมามือเปล่า ทุกคนรวมตัวกันเข้าไปหา

“หัวหน้า ใต้เท้าหมิงนั้นกล่าวอันใดบ้างหรือไม่ หรือว่าพกเราไม่ได้ดเงินรางวัลหรืออะไรบ้างเลยหรือ?”

คนนี้เพิ่งถามจบ คนข้างๆ ก็แทรกขึ้นว่า

“ใต้เท้าอายุน้อยนั่งให้ความสำคัญกับงานผลิตของใหม่ๆ พวกเราเป็นอะไร ทำไมต้องให้พวกเราด้วย”

“หากไม่ให้ความสำคัญ จะเรียกหัวหน้าไปพบทำไม ทุกคืนได้กลิ่นสุราอาหารแล้ว ยากจะทนไหวจิรงๆ เช่นนี้ต่อไป ข้ายอมฆ่าตัวตายไปเลยดีกว่า!!”

หูอันได้ยินลูกเรือแย่งกันวิพากษ์วิจารณ์ เขาเป็นหัวหน้าของทุกคน ย่อมเข้าใจว่าวาจาพวกนี้ก็เพื่อกระแทกใส่เขา อาจถึงขั้นสงสัยว่าเขาไปพบใต้เท้ามาแล้วแอบอมเงินเอาไว้ หากไม่พูดอันใด เกรงว่าทุกคนคงไม่เชื่อตนเองเป็นแน่

หูอันถูมือไปมา ยิ้มเฝื่อนกล่าวว่า

“ใต้เท้าผู้นั้นต้องการซื้อเรือเรา จะให้ข้ารับปากได้อย่างไร”

พวกลูกเรือที่ตั้งใจฟังอยู่ถึงกับอึ้งไปทันที สบตากันไปมา มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า

“หัวหน้า มาที่นี่ ท่านคิดว่าพวกเรายังจะจากไปได้อีกไหม?”

ในห้องอยู่ๆ ก็เริ่มส่งเสียงเอะอะดัง……

************

เป็นไปตามที่หวังทงคาด วันที่ 22 เดือนสิบเอ็ด หูอันก็แจ้งให้ทหารเฝ้ายามไปแจ้งว่าขอพบหวังทงครั้งที่ 2

การพบกันครั้งนี้ ไม่รอให้ล่ามพูด หูอันก็คุกเข่าลงเองเอ่ยว่า

“คำนับใต้เท้า ข้าอยากขายเรือ!”

พอล่ามแปลมา หวังทงก็อึ้งไป ตามมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า

“เรือไม่ใช่ของเจ้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ขายเรือ”

ตอนแรกใต้เท้าท่านนี้แสดงท่าทีว่าจะซื้อเรือไว้ด้วยเงินก้อนทั้งหมด หูอันมาคุยครั้งนี้หวังทงกลับปฏิเสธทิ้งหมด จึงคิดไม่ออกว่าควรทำเช่นไรต่อไปชั่วขณะหนึ่ง ได้เห็นทีท่าคนผิวขาวผู้นี้แล้ว หวังทงก็กดรอยยิ้มลึกขึ้น

การเจรจานั้น ฝ่ายหนึ่งต้องครองความได้เปรียบ อีกฝ่ายคิดจะให้ตนเองเสียหายเสียเปรียบน้อยที่สุด ก็ได้แต่ยืนหยัดในเส้นขีดจำกัดของตน ไม่ยอมแม้แต่ก้าวเดียว หากยอมหนึ่งก้าว เช่นนั้นก็ต้องยอมถอยทุกก้าว

ในเมื่อหูอันจะขายเรือ หวังทงก็จะบีบเข้าไปอีกก้าว

“ใต้เท้าไม่ได้บอกหรือว่าจะจ่ายเงินซื้อเรือ? ทำไมไม่ซื้อแล้ว……”

“ตอนนี้เรือก็อยู่นี่ พวกเจ้าก็ถูกกักตัว หากต้องการเรือจริง ข้ายังต้องซื้อหรือ?”

ล่ามฟังอย่างตั้งใจ หูอันก็พูดเร็ซ หวังทงก็ตอบไว เขาเริ่มตามไม่ทัน แต่ก็ไม่กล้าให้เกิดความผิดพลาด

การสนทนาโต้ตอบกันไปสักพัก หูอันก็คอตก ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการชิงเรือไป ไหนเลยจะเจรจาว่าจะขายหรือไม่ ตนเองก็ไม่ใช่ช่างฝีมือ ไม่มีความสามารถอันใด เช่นนั้นจากนี้จะทำเช่นไร

หวังทงไม่สนใจหูอันที่ท่าทางตอนนี้ราวกับนกไม้แข็งทื่อ เพียงแต่ยิ้มบอกกับล่ามว่า

“จางอวี่เป่ยเจ้าพูดภาษาต่างชาติได้คล่อง เรียนมาอย่างไร”

ล่ามเป็นกลุ่มคนที่ถูกมองข้ามที่สุด คิดไม่ถึงว่าหวังทงจะถามเช่นนี้ จึงรีบคำนับตอบว่า

“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเดิมเป็นอยู่ที่ถนนเฟินสุ่ยเขตทักษิณในเมืองหลวง มีบ้านว่างสองหลัง ให้พวกบาทหลวงฟะรังคีเช่า ตอนเด็กนึกสนุกเลยไปเรียนกับพวกเขา ต่อมาที่บ้านล้มละลาย จึงได้คอยรับใช้บาทหลวงจนเขาจากไป ไม่มีวิชาอันใด เป็นก็แต่ภาษาชาวฟะรังคี”

หวังทงพยักหน้า ถามอย่างอ่อนโยนว่า

“วันหน้าข้ายังต้องคบค้าสมาคมกับพวกต่างชาติพวกนี้ ต้องการคนรู้ภาษา เจ้าอยากมาช่วยงานข้าไหม?”

จางอวี่เป่ยคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายอยู่ๆ จะกล่าวเช่นนี้ เขามาเทียนจินอย่างไม่เต็มใจเท่าไร องครักษ์เสื้อแพรจับคนไปทำงานไหนเลยจะจ่ายเงิน พอเห็นนายกองพันอายุน้อยก็รู้สึกไม่ได้การแล้ว คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะจ่ายค่าแรงให้ครึ่งหนึ่ง บอกไว้ว่าจะให้ค่าแรงสามเท่า ครั้งหนึ่งก็ไม่น้อยแล้ว

เทียนจินยังสุขสบาย กินดีอยู่ดี และทุกคนก็ยังให้ความเคารพเขามาก ทุกคนทำงานกันไปตามธรรมเนียม ได้รู้ถึงเงินเบี้ยหวัดของเจ้าหน้าที่ที่นี่ ได้เห็นความเจริญที่นี่ จางอวี่เอ่ยไม่อยากจากไปแล้ว แต่เขาก็เป็นแค่คนนอก คิดจะอยู่ต้อง คิดจะสมัครงาน เป็นเรื่องง่ายที่ไหนกัน

พอได้ยินหวังทงเอ่ยขึ้น ปฏิกิริยาก็ยินดีแทบคลั่ง รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะหลายทีดังลั่น กล่าวตามว่า

“ข้าน้อยยินดี ขอบคุณใต้เท้า ขอบคุณนายท่าน”

หวังทงอมยิ้มมอง ล่ามห้าคน มีเพียงจางเป่ยอวี่ที่ไม่อาศัยโอกาสเล่นอุบายหาเงิน และการแปลนั้น ข่าหลัวซือหัวช่างต่างชาติสามคนที่เทียนจินก็บอกว่ายอดเยี่ยม นิสัยรู้หน้าที่ ทำงานคล่องแคล่ว คนเช่นนี้หวังทงย่อมอยากรับไว้

สองคนสนทนากัน ทำให้หูอันข้างๆ คอตกมากยิ่งขึ้น อีกฝ่ายไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย หรือว่าจะต้องถูกจองจำที่นี่ไปชั่วชีวิต

“ใต้เท้าที่เคารพ ขอให้ข้าน้อยได้มีทางรอด ขอท่านให้โอกาสข้าน้อยสักครั้ง”

เมื่อไร้ความหวัง คนก็ย่อมมองโลกแห่งความเป็นจริง ทุกวันได้แต่กินอยู่หยากช้า ได้เห็นคนอื่นที่อยู่กันสุขสบาย เขาก็ย่อมร้องขอเส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุด

ได้เห็นหูอันโขกศีรษะ หวังทงก็ยิ้มกล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า

“จางอวี่เป่ย บอกเขาไป ตัวเขาเองก็มีวิชาความรู้……”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!