ตอนที่ 425 เร่งเดินทางขึ้นเหนือ ความจนและความรวยในเมืองเซวียนฝู่
“นี่มันสภาพอากาศบ้าบอแท้ๆ พี่น้องเราต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่ หรือว่าปีก่อนลืมเซ่นไหว้เทพเจ้าองค์ใดกัน!”
“ใช่น่ะสิ หน้าหนาวที่เฝินโจวยังดี ไท่หยวนนั่นหนาวกว่าอีกสามส่วน มารดามันสิ ยังต้องไปถึงต้าถงอีก เดือนหนึ่งเช่นนี้ไปกินลมหนาวราวคมมีด……”
บนเส้นทางจากเมืองไท่หยวนเข้าสู่เมืองต้าถง ม้าสิบกว่าตัวกับรถม้าสองคันกำลังเดินทางอยู่ บนรถม้าไม่ปักธงอันใด แต่เห็นงานรถไม้แบบนี้ ม้าลากรถสีเดียวกัน คนขับล้วนสวมชุดกันหนาวคลุมหนังสัตว์ ก็รู้ว่ารถม้านี้ย่อมเป็นรถหรูหราของบุคคลไม่ธรรมดา
ดูพลม้าบนหลังม้าอีกที ทุกคนล้วนแต่งกายแบบองครักษ์ คลุมด้วยผ้าคลุมขนสัตว์ อานม้ามีดาบยาวคมแขวนอยู่ อีกฝั่งมีธนู ทุกคนล้วนเป็นชายฉกรรจ์แข็งแรง
ทหารม้าเช่นนี้ รถหรูหราเช่นนี้ ไม่ใช่บุคคลสำคัญธรรมดาทั่วไป ย่อมต้องเป็นบุคคลสำคัญระดับชนชั้นสูงท่านใดท่านหนึ่งเป็นแน่
แต่ตอนเหนืออย่างไท่หยวนในเดือนสิบสองต่อเดือนหนึ่งอันหนาวเหน็บเช่นนี้ เดินทางมารับกรรมชัดๆ ทหารสองคนที่อยู่ท้ายขบวนกำลังแอบบ่นเบาๆ
ทหารด้านหน้าดึงม้าให้ช้าลงเล็กน้อยแล้วตวาดเบาๆ สองคนด้านหลังว่า
“ยังไม่หุบปาก แขกผู้นั้นเป็นแขกสำคัญของคุณชายใหญ่ พวกเจ้าพูดไปเข้าหูคุณชายใหญ่เข้า คงได้ถูกถลกหนังทิ้งแน่”
“พี่สาม ต้องบ่นบ้างนะ หนาวขนาดนี้ หากได้อยู่ที่ต้าถงสักสองสามวันก็ดีนะ ได้โอบกอดสาวๆ นอนสบายๆ สักสองสามวัน พี่น้องเราทำงานถวายชีวิตเช่นนี้ วันนี้ไม่ยอมให้พัก……”
สองคนกล่าวเช่นนี้ พี่สามผู้นั้นก็เริ่มรู้สึก แต่ยามนี้ประตูรถม้าด้านหน้าก็เปิดออก ชายผู้หนึ่งโผล่ออกตะโกนว่า
“พี่น้องทุกคน คืนนี้ก็จะได้เข้าต้าถงแล้ว อาหารค่ำคืนนี้ คนละห้าตำลึง ทุกคนรีบเร่งเดินทาง หากไปถึงต้าถงเร็วขึ้นอีกวัน ทุกคนก็จะได้พักกันหนึ่งวัน ค่าใช้จ่ายที่นั่น นายท่านเราจ่ายเอง”
เป็นทหารสังกัดตระกูลอวี๋ ให้กินให้อยู่ ปีหนึ่งยังได้อีก 15 ตำลึง นับว่าไม่เลวแล้ว อยู่ๆ จ่ายหนักเช่นนี้ ยังได้ไปเที่ยวเล่นที่ต้าถงอีกหนึ่งวัน
ทุกคนเดิมที่กำลังเกียจคร้านก็มีกำลังขึ้นมาทันที พากันส่งเสียงร้องตะโกนฮึกเหิมแปลกประหลาด แม้แต่คนขับรถม้าก็มีกำลังใจ แส้ม้าในมือตวัดฟาดเร่งไปอีก
**********
ต้าถงก็เป็นเหมือนเมืองอื่นๆ แต่หากออกจากต้าถงต่อไปตอนเหนือ ก็ต้องได้รับเอกสารอนุญาตจากต้าถงก่อน ให้รองนายอำเภอต้าถงนำทาง จึงจะออกจากเมืองได้
เพราะขึ้นต่อไปทางเหนือก็จะออกนอกเขตกำแพงเมือง หรือออกไปทางตะวันออกก็จะออกจากหุบเขาหู่อวี้และหุบเขาอื่นๆ ไปถึงพื้นที่ในความควบคุมของพวกชนเผ่านอกด่าน นับว่าเป็นแผ่นดินศัตรู จะต้องตรวจสอบให้เข้มงวด
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ต้าถงไปซานซีไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่ทำการค้ากับทางนี้จนร่ำรวย ชายแดนเมืองต้าถงมีสิทธิทำการค้ากับพวกนอกด่านอย่างเป็นทางการ ทหารเฝ้าด่านก็แอบลักลอบปล่อยสินค้าผ่านไปแลกเงินเล็กๆ น้อยๆ ทุกคนรู้กันอยู่ เพียงแต่ไม่พูดออกไป
หากสำหรับราษฎรธรรมดาแล้ว การเดินทางในต้าถงนั้นมีความยุ่งยากมาก เพราะทุกที่ล้วนถูกทหารขอตรวจค้น มีอะไรผิดปกติเล็กน้อยก็จะถูกขับไล่ออกไป
ทว่าขบวนการค้าตระกูลอวี๋ของหย่งเซิ่งป๋อนั้นไม่ยุ่งยากอันใด แสดงสถานะตระกูลอวี๋ ทุกคนก็เกรงใจปล่อยผ่าน เมืองต้าถงตอนนี้มีทหารราวสองส่วนที่มาจากกองกำลังของหย่งเซิ่งป๋อ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการที่หย่งเซิ่งป๋อทำการค้าใหญ่กับพวกนอกด่าน ว่ากันว่าแม่ทัพใหญ่ก็มีส่วนอยู่ด้วย
เข้าเมืองต้าถงไปเช่นนี้ ที่นี่เป็นที่พักสุดท้ายก่อนออกสู่ทุ่งหญ้าแล้ว พ่อค้าใหญ่ที่ออกทำการค้ากับพวกนอกด่านบนทุ่งหญ้าก็ล้วนเปิดหน้าร้านที่ต้าถงเพื่อทำการพักสินค้า
ขบวนของหย่งเซิ่งป๋อเข้าพักในโรงเตี๊ยมใหญ่แห่งหนึ่ง พวกทหารที่คุ้มกันมาย่อมพกเงินออกท่องราตรี มีเพียงคนสองสามคนคุ้มกันชายวัยกลางคนไปยังร้านหย่งเซิ่ง ที่นี่เมื่อก่อนเป็นร้านสาขาใหญ่ที่หนึ่งของร้านหย่งเซิ่ง จนมาปีนี้ที่ร้านสาขาเทียนจินเริ่มไล่ตามมาทัน
ในช่วงปีใหม่เช่นนี้ คนงานในร้านพากันกลับบ้าน ในร้านเงียบเหงามาก แต่พอชายวัยกลางคนมาถึง ทั้งร้านก็วุ่นวายกัน คนที่ผ่านทางไปมาก็หรี่ตามอง เห็นว่าเป็นรถใหญ่สิบกว่าคันขนของมาเต็มคัน ดูเหมือนกำลังจะออกไป ทุกคนต่างสงสัย ในเวลาเช่นนี้มีการค้าอันใดให้ทำกัน
วันรุ่งขึ้น ทหารคุ้มกันเริ่มทยอยกลับมาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง รถม้า 12 คันเตรียมพร้อมแล้ว เก็บของเล็กน้อยก็ออกเดินทางได้ ทหารออกเที่ยวกันมาทั้งคืน คิดจะพักก็ไม่ได้ จึงอดบ่นงึมงัมไม่ได้ แต่ทุกคนได้ไป 20 ตำลึง ก็ต้องหุบปาก
ตลอดทางเร่งเดินทางมา วันที่ 3 เดือนหนึ่งผ่านหุบเขาหู่อวี้ออกสู่ทุ่งหญ้า หัวหน้าทหารดูแลทางผ่านหุบเขาวันรุ่งขึ้นก็ลาหยุดเข้าเมืองต้าถง เกือบแช่ตัวอยู่สถานที่หรูหลังหนึ่งทั้งวันไม่ออกมา มีคนรู้ข่าวมาเล่ากันว่า นายกองพันผู้นี้อยู่ๆ ก็ได้เงินมา 3,000 ตำลึง
เมืองต้าถงมีประวัติมาเกือบสองร้อยปี ทุกอย่างมีธรรมเนียมปฏิบัติ ทหารรักษาการณ์ควรได้รับเบี้ยเท่าไรก็ได้เท่านั้น รับอย่างนี้มายาวนาน หากครั้งนี้ได้มา 3,000 ตำลึง ก็ไม่รู้ว่ามีสินค้าผ่านด่านไปเท่าใด……
**************
ตอนที่กองกำลังหู่เวยไปถึงเมืองเซวียนฝู่ ก็เป็นวันที่ 18 เดือนหนึ่งแล้ว ช่วงฉลองเทศกาลอย่างสนุกสุดขีดผ่านไปแล้ว ทุกคนต่างเหนื่อยล้า ไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อันใดกับกองกำลังที่มาถึง
ทว่าเมื่อกองกำลังหวังทงมาถึงเมืองเซวียนฝู่ ก็มีทหารอื่นมาแอบดูของแปลกใหม่ รถใหญ่และเครื่องแต่งกายกันหนาวของทหารกองกำลังหู่เวยน่าอิจฉายิ่งนัก ทหารเมืองเซวียนฝู่เสื้อหนาวปะจุดเดียวก็นับว่าใหม่แล้ว
มีคนเดินผ่านมาหัวเราะเยาะว่า “คุณชายร่ำรวย” “กองกำลังคุณชาย” เพื่อเย้ยหยันเสียดสี หวังทงได้ยินอยู่ หากวาจาเหล่านี้แม้ฟังแล้วเจ็บปวดบ้าง หากก็ได้แต่ยิ้มปล่อยให้ผ่านไป
เมืองเซวียนฝู่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองเหอเจียนเท่าไร ดูแล้วน่าจะรุ่งเรืองอยู่ มาถึงที่นี่ ย่อมไม่อาจปฏิเสธการเลี้ยงต้อนรับของทหารในเมือง อยู่ในพื้นที่ผู้อื่น ย่อมต้องไว้หน้าหลายส่วน
และผู้ที่มายังเป็นลี่เทา ตอนนี้เป็นบุตรคนเล็กของรองแม่ทัพลี่อวิ๋นเซิ่งที่เมืองเซวียนฝู่ ตอนที่กองกำลังห่างจากเมือง เซวียนฝู่สามสิบลี้ ลี่เทาก็ขี่ม้าออกมาต้อนรับ
ตอนอยู่ลานฝึกหู่เวย ลี่เทำเป็นหัวหน้าเด็กหนุ่มจากเมืองเซวียนฝู่ ต่อมาติดตามหวังทงจึงได้ยอมลงให้ หากเซวียนฝู่เป็นพื้นที่ของเขา บารมีย่อมไม่ธรรมดา
ลี่เทาสวมชุดเกราะขี่ม้ามาใกล้ ด้านหลังมีทหารติดตามมาอีกราว 30 นาย ทุกคนล้วนเป็นชายฉกรรจ์แต่งกายชุดเกราะอย่างดี ม้าแต่ละตัวก็เป็นม้าชั้นดี บุคคลระดับนี้ แค่มองก็รู้ว่าเป็นทหารข้างกายแม่ทัพใหญ่ หากลี่เทาเดินอยู่ในเมืองหลวง คงอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นบุตรชายท่านระดับโหวหรือท่านระดับกงที่ไหนก็ได้
วางท่าทางแม้ยิ่งใหญ่ แต่พอเห็นหวังทงก็รู้สึกเขิน รีบลงจากหลังม้าเดินเข้ามาประสานมือคำนับกล่าวว่า
“พี่หวัง ไม่เจอกันนาน สบายดีใช่ไหม!”
หวังทงสังเกตการแต่งกายด้วยชุดเกราะตัวนอกของลี่เทา ลี่เทาน่าจะเป็นหัวหน้าป้อมประตูด่าน มีบิดาตำแหน่งใหญ่ ย่อมเป็นหัวหน้าป้อมประตูด่านที่มีทหารและมีอำนาจเต็ม หวังทงสังเกตเห็นว่าตอนที่ลี่เท่าประสานมือคำรับ ทหารติดตามด้านหลังหลายนายเลิกคิ้วขึ้นทันที
ชายแดนนี้นอกจากแม่ทัพใหญ่แล้ว รองแม่ทัพลี่อวิ๋นเซิ่งใหญ่สุด นับประสาอันใดกับตอนนี้ที่หม่าอวิ๋นรักษาการแทนอยู่ ลี่อวิ๋นเซิ่งย่อมได้รับแต่งตั้งใหม่ อำนาจบารมียิ่งใหญ่เกรียงไกร ลี่เทำไปฝึกในเมืองหลวง ได้รับพระราชทานตำแหน่งนายกองพันกลับมาประจำตำแหน่งหัวหน้าป้อมประตูด่าน เด็กหนุ่มมากความสามารถเช่นนี้ กลับแสดงท่าทีนอบน้อมถ่อมตน ที่ยิ่งทำให้น่าโมโหก็คือ หวังทงนั่นกลับวางท่าใหญ่โตรับการคำนับ
กองกำลังวังหลวงแล้วอย่างไร แม้ระดับสูง แต่เมื่อมาถึงเมืองเซวียนฝู่แล้ว นายกองกองกำลังมังกรฝ่ายซ้ายอย่างเติ้งจิ้นก็ใช่ว่ายังต้องเกรงอกเกรงใจคนที่นี่หรอกหรือ เบื้องหลังลี่เทำเป็นถึงรองแม่ทัพลี่อวิ๋นเซิ่ง ลี่เทำอย่างไรก็เป็นตัวแทนของลี่อวิ๋นเซิ่ง หวังทงวางท่าใหญ่โตใส่เช่นนี้ ใช่ว่าเป็นการทำต่อลี่อวี๋นเซิ่งด้วยหรือ
“หลีจื่อ นี่มันชุดนายกองประจำป้อมประตูด่านใช่ไหม เจ้าประจำที่ไหนในเมืองเซวียนฝู่นี่!”
หวังทงถามด้วยรอยยิ้ม ลี่เทาสีหน้าเข้มขึ้น กระซิบว่า
“พี่หวัง พอกลับมา บิดาก็รั้งตัวไว้ไม่ให้กลับไป จึงได้เสียเวลามาถึงบัดนี้……”
ลี่เทายังพูดไม่จบ ที่ท้องก็โดนไปหนึ่งหมัด เป็นหลี่หู่โถวด้นหลังพุ่งเข้ามา กล่าวอย่างโมโหกรุ่นว่า
“หลีจื่อ เจ้าไม่เห็นแก่สหายเลย ข้ากับซุนซิงอยู่เทียนจินยุ่งหัวหมุนกับการฝึก เจ้ากลับมาเป็นคุณชายอยู่ที่นี่ ลืมวาจำที่กล่าวกันตอนจากเมืองหลวงมาเทียนจินแล้วหรือ!!”
หมัดนี้มาอย่างกะทันหัน แม้ว่าสวมเกราะแค่ก็เด้งถอยหลังไปหลายก้าว ทหารด้านหลังลี่เทาพากันตกใจ ทุกคนชักดาบออกมาทันที ลี่เทาทำสีหน้าบอกไม่ถูก รีบหันไปรั้งลูกน้องเอาไว้
หวังทงได้ยินว่า “พวกเขาไม่รู้จักนายท่านหรือ ถึงกับกล้าลงมือ!!” ซุนซิงกับหม่าซานเปียวและคนอื่นๆ ก็ล้อมวงเข้ามา พอได้ยินลี่เทำกระซิบเสียงเครียดไปว่า “พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร พระสหายสนิทฝ่าบาท……”
ทหารที่เคลื่อนไหวกันอยู่ก็อึ้งไป รีบสงบลงทันที ลี่เทายิ้มหันกลับมากล่าวว่า
“พี่หวัง ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่งานเลี้ยง บิดาข้าจัดโต๊ะเลี้ยงไว้รับรองแล้ว……”
************
เนื้อหมูวัวแพะชั้นดีไม่ต้องพูดถึง อาหารป่าชั้นเลิศไม่ต้องพูดถึง เพราะอาหารทะเลชั้นดีที่เทียนจินมีใจงานเลี้ยง รองแม่ทัพเมืองเซวียนฝู่จัดเลี้ยงก็มีเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องใช่ว่าจะง่ายดายนัก แม้ว่าฤดูหนาวส่งอาหารทะเลมาไม่จำเป็นต้องกลัวเน่าเสีย แต่ก็เปลืองแรงม้าไม่น้อย ไม่รู้ว่าใช้เงินใช้แรงงานไปเท่าไร
พอเข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นหอมกรุ่น จานกระเบื้องเนื้อดี จอกหยกแก้วทำจากเงินแท้ อันนี้หวังทงรู้จัก หากข้าวของเครื่องใช้ ราคาของแต่ละสิ่งอย่างที่จัดอยู่ ไม่ใช่ที่หวังทงคุ้นเคย
ยิ่งไปกว่านั้น สาวใช้ที่โผล่หน้าออกมาบางครั้ง กิริยาท่าทางก็ไม่ด้อยไปกว่าสาวๆ ที่หอฉินก่วน สวมใส่แพรพรรณชั้นดีที่แม้ว่าครอบครัวร่ำรวยระดับกลางใช่ว่าจะมีกันได้
“ใต้เท้าลี่ทางนี้ช่างรู้จักเสพความสุข ข้าหวังทงได้เปิดประสบการณ์แล้ว!”
หวังทงยิ้มยกจอกขึ้นกล่าว ไม่รู้ทำไม ในใจคิดถึงตลอดทางมาทหารเมืองเซวียนฝู่นั้นเหตุใดจึงมีเครื่องแต่งกายมีรอยปะชุนหลายแห่ง……