Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 449

ตอนที่ 449 ตระกูลอวี๋ที่เฝินโจว

ครึ่งหลังเดือนสาม เทียนจินก็ค่อยๆ ร้อนขึ้น กรมทหารอย่างไรก็ไม่อยาก แต่ในเมื่อเทียนจินสร้างความดีความชอบขึ้นมา ยังส่งคนระดับหัวหน้าสองคนจากสำนักตรวจสอบมาตรวจหัวทั้งหมด

ก็ย่อมตรวจไม่พบปัญหาอันใด จึงได้เขียนรายงานขึ้นไป เทียนจินม้าเร็วถึงเมืองหลวง หวังทงก็ย่อมได้ข่าวแล้ว บอกว่านายกองพันหวังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรเป็นที่แน่นอนแล้ว

แผนการตั้งสำนักศึกษาเพื่อสอนทำการค้าก็ได้หารือกับแต่ละร้านในเทียนจินเรียบร้อย ทุกคนต่างเห็นชอบว่าดีมาก กำลังขาดแคลนคนงาน ทุกคนก็รู้สึกยุ่งยากอยู่ไม่น้อย มีทางแก้ที่ดีเช่นนี้ ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง

ตอนนี้ทุกคนมีเงินทองในมือไม่น้อย สร้างสถานศึกษาใหญ่โต ให้ค่าอาหารพร้อม เงินที่จ่ายไปไม่เท่าไรเลย ให้ไหว นับประสาอันใดกับการที่คนที่จบการศึกษายังเอามาใช้งานได้อีก

หลังเปิดทะเล ร้านสามธาราก็ได้ติดต่อกับร้านอื่นอีกสิบกว่าร้านเตรียมขนสินค้าไปเมืองเหลียวโจวทางทะเลกัน แต่การขาดแคลนเรือก็ยังคงเป็นปัญหาเหมือนเดิม รอเรือทะเลมาจากใต้ขนสินค้าลงแล้ว ยังต้องดูว่าอีกฝ่ายมีเวลาว่างไปทางเหนือกันไหม ทางหวังทงก็ยังคงเสาะแสวงหาช่างต่อเรืออยู่เหมือนเดิม

ช่างชาวโปรตุเกสเริ่มปรับตัวกับชีวิตที่เทียนจินได้แล้ว แม้ว่าตอนนี้พวกเขายังไม่ค่อยอิสระกันนัก เข้าออกก็ยังมีคนคอยตรวจค้นจับตา แต่ก็ได้ค่าแรงมากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ยังได้เดินไปมาในพื้นที่การค้าที่แสนจะเจริญรุ่งเรืองที่เทียนจินนี่อีก ทำให้ทุกคนมีความหวังขึ้นอย่างมาก

ทังซานจากหน่วยตรวจสอบทางน้ำรวบรวมกำลังคนกลุ่มใหญ่จากหมู่บ้านประมงมา ตอนนี้เริ่มเรียนรู้สมรรถนะของเรือกวางบินลำนั้นแต่ละอย่างอยู่

พวกทหารโปรตุเกสสิบกว่าคนที่ติดตามหวังทงไปร่วมรบนอกด่านมาก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม แม้ว่าจะออกจากเขตกักกันมาอยู่ที่ทำงานที่หวังทงตั้งขึ้นใหม่ พวกเขาคนน้อย ทุกวันก็ยังคงฝึกฝนกำลังไม่ขาด หวังทงก็แจกเบี้ยหวัดให้ตามที่ทหารกองกำลังหู่เวยได้รับ ทหารต่างชาติพวกนี้ได้แสดงความสามารถให้เห็นแล้ว แต่หวังทงตอนนี้ไม่มีเวลาให้ความสนใจเรื่องนี้

ร้านค้าหนังของตระกูลลี่ได้หน้าร้านที่ดีที่สุดของเขตการค้าไปครอง ตอนเพิ่งเริ่มเปิดกิจการก็ขายดีมาก หนังแต่ละสีแต่ละแบบล้วนเป็นที่ชื่นชอบที่สุดของพวกพ่อค้า ขนไปขายนอกทะเลได้ก็ทำอะไรได้มากมายหลายอย่าง

เป็นตามที่หวังทงคาด รถผงฟูสองคันนั้นทำเงินได้ส่งกลับไป หม่าอวิ๋นพ่อบ้านของแม่ทัพหม่าฟางแห่งเมืองเซวียนฝู่ก็มาถึงเทียนจินด้วยตนเอง ตระกูลหม่าคิดจะร่วมทุนกับหวังทงเปิดร้านค้าที่เทียนจินเพื่อนำสินค้าในพื้นที่ตอนเหนือหลายหลายมาขาย หวังทงเดาว่า สินค้าในพื้นที่ที่ว่าเดาว่าน่าจะเป็นผงฟู

ร้านสามธาราส่งคนไปเมืองเซวียนฝู่แล้ว ความต้องการสินค้าทางนั้นแม้ว่าไม่ได้มากเหมือนที่เมืองเหลียวโจว แต่ก็ไม่น้อย ประเด็นสำคัญก็คือ แต่ละร้านในเมืองเซวียนฝู่ไม่ได้เป็นตัวแทนเพียงแค่ตนเอง หากเบื้องหลังยังมีสายสัมพันธ์กับเผ่าต่างๆ บนทุ่งหญ้า ความต้องการสินค้าก็ย่อมไม่น้อย

วันที่ 5 เดือนสี่ ทางเมืองเหลียวโจวส่งคนนำสินค้าหลากหลายจากตอนเหนือมาถึง ยังมีไม้ท่อนใหญ่ๆ ที่มัดเป็นแพมาอีกจำนวนมาก

***********

ไฉฝูหลินมาถึงเฝินโจวก็วันที่ 25 เดือนสามแล้ว พักที่โรงเตี๊ยมใหญ่สุดในเมือง ทุกวันส่งคนไปขอพบตระกูลอวี๋ หย่งเซิ่งป๋อ (ตระกูลพระคู่หมั้นอ๋องลู่)

พ่อค้าซานซีที่ทำการค้าชายแดนและเกลือตอนนี้นับเป็นการค้ามูลค่ามหาศาลบนแผ่นดินหมิง เมืองเฝินโจวและเมืองไท่หยวนเป็นศูนย์กลางการค้าซานซี

อย่าเห็นว่าเฝินโจวเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ไม่ได้เจริญด้อยกว่าเมืองต้าถงที่ไท่หยวนแม้แต่น้อย เมืองหลวงและหนานจิงหรูหราฟู่ฟ่า ที่นี่ก็ไม่ได้แตกต่างแม้แต่น้อย ไฉฝูหลินอยู่โรงเตี๊ยมแบบเรือนเดี่ยว เหมือนกับบ้านพักตากอากาศของคหบดีใหญ่ ทุกวันอาหารชั้นเลิศไม่ขาดตกบกพร่อง

ตอนเริ่มต้น ไฉฝูหลินมาเฝินโจวก็ยังสบายๆ แต่ทุกวันผ่านไป อารมณ์ก็ยิ่งคุกรุ่น วันที่ 5 เดือนสี่วันนั้น ผู้ติดตามเขาก็หยิบเทียบเชิญเข้ามาพบไฉฝูหลินด้วยอาการคอตก พอเข้ามาก็ก้มหน้าก้มตากล่าวว่า

“นายท่าน ตระกูลอวี๋ยังไม่ยอมให้ข้าน้อยเข้าไป เทียบเชิญก็โยนคืนมา”

ไฉฝูหลินเดิมกำลังดื่มซุปลูกบัวอยู่ในห้อง ได้ยินรายงานผู้ติดตาม ดวงตาก็เบิกจ้องก่อนจะขว้างชามซุปลูกบัวในมือทิ้งอย่างแรง ผู้ติดตามกระโดดหลบด้วยสัญชาติญาณ ซุปลูกบัวหกกระจายเต็มพื้น

ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ผู้คุ้มกันด้านนอกผู้หนึ่งก็แง้มประตูลอดดู มองไปด้านในแวบหนึ่ง ก็รีบปิดประตู ไฉฝูหลินชี้หน้าด่ากราดว่า

“เลี้ยงเสียข้าวสุก ให้ซองแดงคนเฝ้าประตูไปเท่าไรกัน หรือเจ้าแอบยักยอกไว้!”

ผู้ติดตามได้ยิน ก็รีบคุกเข่าหมอบลงกับพื้นกล่าวว่า

“นายท่าน ซองแดง 300 ตำลึง ข้าน้อยไม่ได้แอบอมไว้แม้แต่นิด ข้าน้อยยังแอบรับปากไปว่า หากส่งข่าวเข้าไปรายงานจะให้เขาเพิ่มอีก 200 ตำลึง”

ไฉฝูหลินหายใจหอบแรง ตวาดถามว่า

“500 มันยังไม่เอา……”

“นายท่าน มันเอา เข้าไปครั้งหนึ่ง ตอนออกมาก็เอาเงินปาใส่ข้าน้อย เห็นท่าทางแล้วคงโดนลงโทษมา”

ได้ยินเช่นนี้ ไฉฝูหลินก็ตบโต๊ะอย่างแรง ตวาดด่าเสียงดังว่า

“ไสหัวไป ไสหัวไป ให้เป้าจื่อเข้ามา!!”

ผู้ติดตามรีบตะกุยตะกายออกจากห้องไป ผู้คุ้มกันด้านนอกรีบเข้ามา พอปิดประตู ไฉฝูหลินสงบลงก่อนจะกระซิบว่า

“เป้าจื่อ เจ้าเข้าไปดูข้างในหน่อย ดูว่าพี่ร้องข้าเป็นอย่างไรกัน?”

ชายที่ถูกเรียกว่า เป้าจื่อ เงียบลง ส่ายหน้ากระซิบตอบว่า

“พวกผู้คุ้มกันตระกูลอวี๋ล้วนเป็นทหารในตระกูลฝึกกันมา บุตรชายคนเล็กตอนนี้ปฏิบัติหน้าที่ที่เมืองต้าถง ทุกปีก็จะเปลี่ยนผู้คุ้มกันที่เก่งกาจมาให้ครั้งหนึ่ง ดังนั้นในจวนจึงป้องกันแน่นหนา เข้าไปยากมาก หากเข้าไปจริง เกรงว่าเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา กลับจะส่งผลต่อนายท่านและนายท่านรองทางนั้นนะขอรับ”

“ไฉฝูหลินแอบสบถด่าเบาๆ ก่อนจะกัดฟันกรอดพูดว่า

“ไม่ไว้หน้ากันจริงๆ ใช่ไหม ก็แค่เรื่องเงินทอง ทำจนวุ่นวายยุ่งยากเพียงนี้ เป้าจื่อพรุ่งนี้เจ้าไปดู……”

**************

ตระกูลอวี๋ หย่งเซิ่งป๋อเป็นพระญาติจากการสมรส เมืองเฝินโจวตระกูลเขาใหญ่ที่สุด แค่จวนก็ปาเข้าไปครึ่งเมืองแล้ว โรงบ้านนอกเมืองยิ่งไม่ต้องพูดถึง

จวนชนชั้นสูงมียศถาบรรดาศักดิ์ในเมือง นอกจากนายและบ่าวในบ้านจะพักอาศัยในเรือนพิเศษแล้ว ยังมีเรือนสำหรับแขกโดยเฉพาะ แน่นอนยังมีคุกสำหรับลงทัณฑ์ส่วนตัวด้วย

สาวใช้ในจวนระยะก็มักจะคุยกันเรื่องหนึ่ง ว่าในจวนเดือนสิบสองมาแล้วก็ไป แขกพิเศษผู้นั้นเดือนหนึ่งกลับมา มาถึงต้นเดือนสาม ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถูกกักตัวไว้ ตอนนี้เขายังถูกนายท่านให้เฝ้าเอาไว้ในเรือนนั้น ไม่ให้ผู้ใดเข้าออก

อาหารที่ส่งเข้าไปแรกเริ่มเป็นระดับชั้นหนึ่ง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแม้แต่ระดับล่างก็ยังแย่กว่า ตามข่าวผู้ที่การข่าวฉับไว้บอกว่า อีกไม่กี่วันก็จะส่งเข้าคุกแล้ว

หย่งเซิ่งป๋อสถานะใดกัน แม้จะสังหารคนในจวนก็ย่อมปิดบังได้ แม้คนในบ้านจะคาดเดากันแต่ก็ไม่กล้ากล่าววาจามากความ พ่อบ้านสองคนในจวนมักจะแวะเวียนไปดู เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่

ไฉฝูหลินระบำยอารมณ์อยู่ในโรงเตี๊ยม พ่อบ้านใหญ่จวนหย่งเซิ่งป๋อกำลังอยู่หน้าประตูเรือน “คนที่ถูกคุมตัว” ผู้คุ้มกันหน้าประตูทักทายอย่างนอบน้อย หัวหน้าคนหนึ่งกล่าวว่า

“พ่อบ้านใหญ่ ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไร้มารยาท นายท่านสั่งมา ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องได้รับป้ายจากนายท่านมาก่อน”

“ป้ายอยู่นี่แล้ว พวกเขาทำได้ถูกต้อง ประตูนี้เฝ้าให้แน่นหนา ไม่มีป้ายของนายท่าน ผู้ใดก็ไม่อาจเข้าออก”

พ่อบ้านใหญ่ควักป้ายออกมา ยังกล่าวกับผู้คุ้มกันอีกสองสามคำ หัวหน้าผู้คุ้มกันก็ขอบคุณอย่างนอบน้อม ตรวจป้ายอย่างไม่หละหลวม ตรวจเสร็จก็ออกคำสั่งให้ไขกุญแจเปิดประตู

มีคนตามพ่อบ้านเข้าไป ในนั้นมีเรือนสองชื้น หากไม่ได้ใส่กุญแจไว้ ด้านนอกกำแพงทุกห้าก้าวมีหอนกหวีด หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน

พอเข้าประตูไปยังไม่ถึงห้องด้านใน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ออกมาต้อนรับ ยิ้มประสานมือกล่าวว่า

“พี่อวี๋ซื่อ ไม่เจอกันนาน วันนี้ไยจึงมีเวลามาที่นี่”

พ่อบ้านใหญ่โบกมือให้ผู้ติดตามออกไปรอด้านนอก กล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า

“นายท่านรอง คนของเรากำลังเจรจากับคนทางเหนือพวกนั้น ตายไปหลายพัน อย่างไรก็ปิดไม่มิด แต่ท่านข่านพวกเขายังอยู่ที่ถู่ป๋อ (เผ่าทิเบต) ยังพอมีเวลาแก้ตัว”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นยิ้มพยักหน้าดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่ถูกขังไว้ ทางนั้นกล่าวจบ เขาก็รับคำว่า

“ขอรบกวนท่านป๋อด้วย เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ พวกเราทางนั้นเองก็คิดไม่ถึง เสียเงินไม่เท่าไร แม้ว่าเปิดตัวเลขมา ทางเมืองหลวงก็ย่อมจ่ายไหว”

พ่อบ้านใหญ่ส่ายหน้า ถอนหายใจกล่าวว่า

“เหล่าหลิน เจ้ายังสงบใจได้อีกนะ กล่าวตามตรง หากทางเหนือไม่คิดจะสงบลงเช่นนี้ หัวเจ้าเองก็ยากรักษาไว้”

“เฮ้อ ข้าคิดไม่ถึงเลย เรื่องนี้จะเกิดเหตุผิดพลาดใหญ่เช่นนี้ได้ หัวพวกนี้จะอะไรกันนักหนา พวกเราสองฝ่ายอย่าแตกกันด้วยเรื่องนี้ดีกว่า”

กำลังกล่าวอยู่นั้น ด้านนอกก็มีคนส่งเสียงดังเข้ามาว่า

“พ่อบ้านใหญ่ คนของร้านหย่งเซิ่งที่เทียนจินมา มีเรื่องด่วนรายงาน”

พ่อบ้านใหญ่ลุกขึ้นกล่าวอำลาออกไป พอออกไปด้านนอกก็ใส่กุญแจใหม่ สีหน้าชายวัยกลางคนนั้นที่มีรอยยิ้มนุ่มนวลจางหายไปทันที ผู้ติดตามสามคนด้านในเดินออกมา ชายวัยกลางคนเอ่ยถามว่า

“มีโอกาสไหม?”

“ด้านนอกรักษาการณ์แน่นหนา ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย”

**************

ห้องโถงใหญ่จวนหย่งเซิ่งป๋อ มีชายในชุดหรูหรานั่งอยู่ ด้านข้างฝั่งในมีชายวัยกลางคนสองคนแต่งการภูมิฐานนั่งอยู่ อีกด้านหนึ่งเป็นพ่อบ้านใหญ่ผู้นั้น ที่หน้าประตูมีเด็กหนุ่มมอมแมมคุกเข่าอยู่พร่ำรำพันว่า

“นายท่าน นายท่าน พ่อบ้านชิวกับเถ้าแก่ที่ร้านตรวจดูผงฟูพวกนั้นแล้ว นอกจากทางเหนือแล้ว ที่อื่นย่อมไม่มีสินค้าดีเช่นนี้……”

“เป็นไปได้ไหมที่ใครในร้านแอบลักไปขายเอง!?”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยถาม เด็กหนุ่มโขกศีรษะ รายงานว่า

“เรียนนายท่าน พ่อบ้านชิวตรวจสินค้าในร้านสามรอบ ยังตรวจบัญชีอีกหลายรอบ เป็นไปไม่ได้ที่สินค้าในร้านจะไหลออกไปได้”

สีหน้าทุกคนในห้องเริ่มร้อนใจ พากันจ้องไปที่ผู้อาวุโสสุดในนั้นที่นั่งอยู่ ผู้อาวุโสในชุดหรูหราเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า

“ส่งคนไปถามที่ป๋ออวี่ มีผู้ใดทำการค้านี้ไหม……ซื่อฝู เจ้าไปจัดการ ดูแลตระกูลหลินทางนั้นให้ดีหน่อย”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!