Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 462

ตอนที่ 462 มือสังหาร

โรงช่างมีกลิ่นควันไฟหนาแน่น คนด้านในย่อมรู้สึกไม่สบายเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าเตาหลอมใหม่และเก่าต้องการน้ำมาก ดังนั้นจึงต้องใกล้แหล่งน้ำ และสะดวกต่อการขนส่งเชื้อเพลิงและเหล็ก หวังทงไปเดินที่นั่นมารอบหนึ่ง กลับมาก็เหงื่อท่วมตัวไปหมด

รู้สึกเหนียวตัวไปหมด แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ได้แต่รอกลับเข้าเมืองไปเปลี่ยน ระหว่างทางแวะชมตลาดด้วย

พอออกห่างจากโรงช่าง สายลมผสมกลิ่นอายสายน้ำพัดมาจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ทำให้รู้สึกเย็นสบายอย่างมาก ชาวบ้านละแวกโรงช่างมีที่พักอยู่กันห่างออกไปราว 500 ก้าว

หวังทงคิดไม่ถึงว่าระยะทางจะใกล้เพียงนี้ ตอนแรกที่สร้างที่นี่ยังกำชับเป็นพิเศษว่าให้ห่างจากชุมชน ครึ่งปีแรกในรัชสมัยว่านลี่ที่ 8 หวังทงงานยุ่งมาก มาที่โรงช่างนี้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น วันนี้รู้สึกสบายใจ ได้เห็นอะไรมากมาย

แม้ว่าเทียนจินจะรุ่งเรืองด้วยสองมือของเขาแต่อย่างไรเพราะอยู่ในวงล้อมจึงมักมองไม่เห็นภาพทั้งหมด วันนี้ออกนอกเมืองมาที่นี่ จึงได้รู้ว่าตนเองได้ทำอันใดไปบ้าง

ที่นี่ห่างจากคูเมืองอีกสิบกว่าลี้ เบื้องหน้าล้วนเป็นบ้านพักชาวบ้าน ที่นี่ไม่เหมือนกับบริเวณที่ห่างจากคลองส่งน้ำและแม่น้ำทะล ที่นี่ดูแล้วรกสกปรกไร้ระเบียบไม่น้อย

บ้านมุงด้วยฟางและบ้านไม้ ถึงกับยังมีเพิงพัก ช่องทางระหว่างบ้านก็คือทางเดิน บรรดาผู้หญิงไปซักผ้าล้างผักริมน้ำ เด็กๆ ก็หัวเราะวิ่งเล่นเสียงดัง

เส้นทางจากโรงช่างออกมานั้นแบ่งพื้นที่ชาวบ้านออกเป็นสองฝั่ง ตอนมาควบม้ามาอย่างเร็ว หวังทงไม่ทันสังเกตรอบๆ เส้นทางกลับรู้สึกสบายอารมณ์จึงได้มองสำรวจอย่างละเอียด

ตั้งแต่ครั้งที่ออกจากค่ายฝึกเจอมือธนูซุ่มสังหารแล้ว หวังทงไปไหนมาไหนก็มักจะมีทหารม้าติดตาม 50 นาย และทัพม้ากับกองกำลังที่สลับเวรกันมาก็เตรียมพร้อมสู้ตลอดเวลา ในพื้นที่เทียนจิน หากมีอันใดผิดปกติ ทัพใหญ่ก็จะมาถึงภายในครึ่งชั่วยาม

และทางที่หวังทงจะไป ก็จะมีหน่วยรักษาความปลอดภัยของพวกหลี่หู่โถวจัดแบ่งกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อยก่อนแล้ว คอยขับไล่ผู้ไม่เกี่ยวข้องให้ถอยห่าง แต่หวังทงเห็นว่าตนเองเป็นแค่นายกองพัน ตำแหน่งผู้ช่วยสำนักองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้น ตอนนี้ตำแหน่งที่ปรึกษาในกองกำลังหู่เวยก็ยังไม่ชัดเจนนัก ไม่ต้องจัดป้องกันใหญ่เพียงนี้

ต่อมาเมื่อคิดดูอีกที กองกำลังนับพันของหน่วยรักษาความปลอดภัย ทุกวันนอกจากฝึกฝนแล้วก็ไปคอยตรวจตราริมแม่น้ำทะเล ทุกวันก็ใช้เวลาครึ่งวันไปปฏิบัติหน้าที่ยังที่ต่างๆ โอกาสต่อสู้จริงน้อยมาก หน้าที่รักษาความสงบบนท้องถนนและขับไล่คนไม่เกี่ยวข้องนี้ก็นับว่าเป็นการฝึกเช่นกัน จึงได้ทำตามข้อเสนอแนะของถานเจียง

พวกหวังทงขี่ม้ามาถึงพื้นที่ชุมชน มีเพียงเด็กน้อยใจกล้าที่กล้ายื่นหน้าออกมาดูสองข้างทาง หวังทงกวาดตามองไป มีเด็กคนหนึ่งถูกเขามอง ก็ร้องตะโกนลั่นวิ่งออกไปทันที ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะล้อมวงเข้ามา

เด็กผู้หญิงยังดี หากเด็กผู้ชายเดิมก็ชื่นชมและเลื่อมใสทหารในชุดเกราะน่าเกรงขามอยู่แล้ว ทหารสังกัดหวังทงยังเดินทัพเป็นระเบียบเรียบร้อย เด็กผู้ชายพวกนี้เห็นแล้วก็เอาแต่จับตามองอย่างเลื่อมใสไม่วางตา

ยามนี้เป็นช่วงกลางวันพอดี เดินอยู่บนท้องถนนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนเรียกลูกให้กลับบ้านไปกินข้าว เด็กที่เพิ่งจะมามุงดูกันก็รีบวิ่งกลับบ้านไปทันที คนงานที่ไปทำงานละแวกใกล้ๆ บางคนก็กลับมากินข้าวกลางวันที่บ้าน ได้เห็นกองทัพบนท้องถนน ก็พากันหลีกทางให้ทันที

อากาศที่นี่กลิ่นไม่ดีนัก ภาพที่เห็นมีแต่ความยากจนและสกปรก แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา หวังทงอยู่บนม้ามองอย่างละเอียดก่อนจะถามขึ้นว่า

“ที่นี่มีผู้ใดพักอาศัยกัน?”

คนด้านหลังสบตากัน ตอบไม่ได้ หวังทงยังไม่ทันกล่าวอันใด ครั้งนี้พวกที่ติดตามมาด้วยล้วนเป็นทหารติดตามอารักขา ทุกวันอยู่ข้างกายตน ย่อมไม่รู้

หวังทงยกแส้วาดไปรอบๆ เอ่ยถามว่า

“พวกเจ้าว่าที่นี่เหมือนอะไร!?”

บรรดาทหารติดตามจับตาดูหวังทงอยู่ตลอด ได้ยินวาจานี้ก็หันไปมองรอบตัว พวกเขาเคยชินกับความเป็นระเบียบในค่ายและความรุ่งเรืองในเมือง สถานที่รกสกปรกเช่นนี้รู้สึกไม่ดีจริงๆ มองไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็ยิ้มกล่าวว่า

“เห็นแล้วเหมือนกับหลุมปุ๋ยที่บ้านข้า……”

คำบรรยายนี้เหมือนทำให้เห็นภาพบางอย่าง หวังทงอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะดังลั่น คนรอบๆ ก็พากันหัวเราะตาม หวังทงหยุดหัวเราะ ก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ข้าเห็นแล้วเหมือนกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง และยังเห็นว่าเป็นพื้นที่รกร้างดินดำที่ยังไม่บุกเบิก”

สกปรกรกรุงรังเช่นนี้ไม่รู้ว่าเหมือนกระดาษขาวได้อย่างไร พื้นที่รกร้างดินดำก็ย่อมเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ ก็ไม่รู้ว่าภาพเบื้องหน้าเกี่ยวอันใดด้วย

พอหวังทงกล่าวจบก็ไม่อธิบาย ได้แต่ควบม้าค่อยๆ มองสองข้างทาง พวกเขาขี่กันไปช้าๆ มีคนจำกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรของหวังทงได้ ก็พากันหลบแอบชี้บุ้ยใบ้กันจากที่ไกลๆ

ที่เทียนจินนี้แตกต่างจากที่อื่นๆ ทุกคนต่างเคยได้ยินเพียงแค่ชื่อของใต้เท้าหวังทง ขุนนางอื่นๆ รู้แต่ว่าล่วงเกินนายท่านผู้นี้ไม่ได้ หากยื่นมือไปล้วงเงินทองก็คงได้ถูกตัดมือทิ้ง หากการเป็นคนคอยอำนวยความสะดวกจัดการการค้าหาเงินหาทองให้ทุกคนของหวังทง อีกทั้งยังทำตัวเรียบง่ายมาก พวกชาวบ้านกลับไม่พูดถึง

เดินไปมองไป หวังทงเสียเวลาเดินทางไปถึงครึ่งชั่วยามกว่า……

*************

เดินพ้นบริเวณนี้ก็จะเป็นพื้นที่รุ่งเรืองที่แรกของเทียนจินอย่างคลองส่งน้ำแล้ว

ที่นี่มีการขนถ่ายสินค้าทุกวันจำนวนมาก ยังมีทิศทางขนไปยังแต่ละเมืองในเขตปกครองเหนือ ทิศทางเข้าเมืองและทิศทางออกแม่น้ำทะเล ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าจากวัตถุดิบที่ขนส่งมาที่นี่ ยังมีหน้าร้านทำการค้า รวมๆ กันแล้ว ก็ต้องการแรงงานมหาศาล

ทุกอย่างในแม่น้ำทะเลล้วนมีการวางระเบียบ ร้านค้า โกดัง ตลาดการค้า ท่าเรือ โรงงาน ล้วนมครบ และยังมีที่พักสำหรับเข้าพักอาศัยอยู่ด้วย ดังนั้นหากคิดจะส่งคนมาทำงานที่นี่ให้มากก็มักจะอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้

หวังทงบนหลังม้าคิดถึงภาพความยากจนข้นแค้นของพื้นที่ที่ผ่านมา เดินทางมาถึงคลองส่งน้ำอย่างไม่ทันรู้ตัว หลังจากสร้างโรงช่างเสร็จ ก็ต้องการแรงงานจำนวนมาก ครอบครัวคนเหล่านี้ก็ย่อมต้องอาศัยกันอยู่ที่นี่……

ขณะตกในภวังค์ความคิด ก็ได้ยินเสียงม้าร้องดังมาจากรอบนอกของขบวนม้าตน หวังทงอึ้งไป จากนั้นก็เงยหน้ามอง ได้ยินทหารติดตามด้านหลังตะโกนดัง

เสียง ‘ตึงตัง’ ดังมา รถม้าบรรทุกฟางกำลังพุ่งตรงมา พร้อมชนกับทัพหวังทงอย่างจัง

ถนนไม่กว้าง แม้ว่าคนบนถนนจะหลบทาง แต่พวกหวังทงขี่ม้ากันหลายสิบจึงได้แต่เรียงแถวตรง รถม้าพุ่งผ่าน คนขับด้านหน้าก็พยายามรั้งสายบังเหียน ม้าหยุด รถหยุดลงระหว่างกองทัพม้าหวังทง แบ่งทัพออกเป็นสองฟาก

หวังทงกับพวกถานเจียงห้าคนถูกตัดขาดจากกองขบวนทัพม้า รถที่พุ่งมาเมื่อครู่ชนถูกทหารอารักขาล้มไปแล้ว คนร้องม้าร้อง เสียงสบถด่าม้าพร้อมเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นในฉับพลัน

“มีมือสังหาร!”

หวังทงได้สติในวินาทีแรกทันที เขาเพิ่งกำดาบ รถพร้อมกองฟางก็มีชายชุดเหลืองโดดออกมาสามคน ในมือถือธนูยาว ล้วนเป็นธนูพร้อมยิง

‘ปัง’ แม้ว่าเสียงอื้ออึง แต่เสียงแผ่นเหล็กกระทบก็ยังดังก้อง หวังทงกระชากบังเหียนหันหลังกลับ หากไม่ทันเสียแล้ว

“การสู้รบตรงหน้านี้หากถูกคนเล็งธนูใส่ ไม่รู้ก็ถือว่ายอมรับชะตากรรมไป หากเห็นแล้วคิดจะหลบ ขี่ม้าอยู่ย่อมไม่สะดวก ต้องลงจากม้าก่อน”

ที่ลานฝึก อวี๋ต้าโหยวเคยกล่าวเช่นนี้ ในเวลาชั่วพริบตา สองเท้าหวังทงก็สลัดโกลนม้าทิ้ง เอี้ยวตัวลื่นหลบลงไปอีกทาง

การกระทำที่กะทันหันทำเอาทุกคนคิดว่าหวังทงโดนยิง ถานเจียงขว้างดาบในมือออกไป ปักเข้ากลางอกชายผู้หนึ่ง ที่เหลืออีกสองตะโกนดังว่า

“ถอย ถอย!!”

คนขับรถม้าด้านหน้าเฆี่ยนม้าอย่างบ้าคลั่ง ทหารหวังทงผู้หนึ่งขี่ม้าเข้าประชิด ตวัดดาบฟันลงไป ชายผู้หนึ่งยกดาบรับไว้ ปะทะกันดังก้อง ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบที่เอว ส่งเสียงคำรามดังลั่นร่วงจากรถม้าทันที ที่เอวถูกทหารกองกำลังหู่เวยอีกผู้หนึ่งแทงด้วยทวนสั้น

ม้าลากรถร้องดัง รถม้าไถลลื่นลงไปอีกทาง ชายชุดเหลืองที่เหลืออีกคนคว้าขอบรถไว้ได้ กลัวว่าจะร่วงลงไป คิดไม่ถึงว่าทหารหวังทงจะปฏิกิริยาไวเช่นนี้ เมื่อครู่ที่ยิงออกไป ก็ไม่รู้ว่าโดนเป้าหมายหรือไม่ กำลังจะหันไปมองก็ต้องร้องดังลั่นด้วยรู้สึกว่าท้ายทอยถูกของบางอย่างพุ่งเสียบ……

เสียง ‘ฉึก’ ดังขึ้น ธนูดอกหนึ่งทะลุศีรษะ ชายผู้นั้นร่วงจากรถม้าทันที รถม้าที่วิ่งทะยานอยู่อย่างบ้าคลั่งก็เหยียบพอดี

สองล้อรถม้าวิ่งด้วยความเร็ว เดิมก็ไม่มั่นคง ยังมีศพมาขัดล้ออีก ก็ย่อมเอียงก่อนจะพลิกคว่ำกลางทาง คนขับรถม้าถูกทับอยู่ใต้รถ

“น้องหก ไว้ชีวิตคนขับรถนั่น!!”

ถานเจียงตะโกนดัง ถานกงยังถือธนูอยู่ ยกค้างไว้ ขี่ม้านำคนเข้าไปไล่ล่า เวลาสั้นๆ ด้านหลังทุกคนยังอึ้งอยู่ ไม่รู้ว่าทำงนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น กรูกันมากลับมองไม่เห็นหวังทง ทุกคนต่างแตกตื่น ถานเจียงเหลือบไปเห็นม้าหวังทงล้มอยู่ คอม้ามีธนูปักอยู่สองดอก

“ถานเจียง ส่งคนไปนำกำลังมา ปิดทางเข้าออกทุกเส้นทาง ไล่สอบถามทีละคน”

หวังทงถูกธนูปักที่หัวไหล่ ยืนขึ้นพร้อมฝุ่นดินเปื้อนไปทั่ว แม้ว่าหลบลงข้างทางแต่ก็ยังหลบไม่พ้นดอกหนึ่ง ถูกยิงที่หัวไหล่

เห็นหวังทงปลอดภัย ทุกคนก็วางใจ ถานเจียงปรับอารมณ์บนหลังม้าให้สงบลงเสร็จก็ส่งคนไปช่วย ส่งคนไปปิดเส้นทาง สั่งการไปได้ไม่กี่คำก็เห็นข้างกายหวังทงมีชายหาบเร่ข้างรถเข็นล้อเดียวกำลังยืนตัวแข็งค้างอยู่ ยืนอ้าปากพะงาบๆ

สถานการณ์เข่นฆ่าเช่นนี้ คนรอบๆ ก็ต้องพากันลนลานกุมศีรษะหมอบลง ชายหาบเร่ผู้นี้เหตุใดยังยืนอยู่ เหมือนมีอันใดผิดปกติ ถานเจียงเงียบอยู่ คนหาบเร่ผู้นั้นขยับแล้ว

เขาผลักรถเข็นด้านหน้าออก ยืนอยู่ระหว่างหวังทงและถานเจียง พอรถเข็นขยับ ชายหาบเร่ผู้นั้นก็ล้มใส่หวังทง กระแทกจนหวังทงล้มลง

ถานเจียงบนหลังม้าจึงมองเห็นชัดว่า ‘ชายหาบเร่’ ผู้นั้นกำมีดสั้นเล่มหนึ่งไว้ในมือ……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version