ตอนที่ 506 คนจากไป หิมะใกล้ตก
วันที่สองไม่ได้เนื้อม้าอันใดกลับมา แต่ถานเจียงก็สั่งการให้มือธนูสิบกว่าคนออกไปตระเวรรอบไกลๆ ยิงกวางกลับมาได้ร้อยตัว
“หากเป็นที่แม่น้ำชิงหลงเหอ กวางที่นั่นฝูงหนึ่งหลายร้อยตัว ยิงอย่างไรก็ยิงไม่หมด!”
ตอนกลับมาถานเจียงยิ้มกล่าวว่า แม่น้ำชิงหลงเหอทางนั้นเป็นทุ่งหญ้าตอนเหนือของจี้โจว หวังทงคิดอย่างไรก็จำไม่ได้ว่าบนทุ่งหญ้ามีกวางมากขนาดนั้น หรือในตอนนั้น กวางถูกล่าสังหารไปเกลี้ยงแล้ว
ต้มเนื้อกวางเสร็จ ก็มีแต่เสียงหัวเราะเฮฮา ค่ายรถยามค่ำคืนก็ราวกับออกมาท่องเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น กลางวันกระสุนโดดพวกทหารม้ามองโกลไปเต็มๆ เกือบกระจุยไปทั้งครึ่งร่าง ทหารข้างๆ ก็พากันตกใจหวาดกลัว ตอนนี้น่าจะหวาดกลัวสุดขีดไปแล้ว ตกค่ำถึงกับไม่มีทหารมาดูลาดเลาอีก
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น ทหารเฝ้าเวรก็มารายงานว่า กลางดึกไม่อาจมองเห็นรอบนอกที่ห่างออกไป 50 ก้าว ก็ไม่รู้ว่าศัตรูส่งทหารมาสังเกตการณ์หรือไม่ หากมีหมาป่าหลายตัวโผล่หัวออกมามอง
บนทุ่งหญ้าหากไร้แสงจันทร์ ก็จะมืดสนิท แต่ตอนเช้ามา ฟ้าอยู่ๆ ก็มืดครึ้มลง เมฆเริ่มเป็นสีเทา ทำให้ผู้คนรู้สึกจิตใจไม่สงบนัก
“สวรรค์ พบเห็นได้น้อยมาก สองเดือนนี้ไม่มีท้องฟ้าครึ้มเช่นนี้ เหตุใดวันนี้จึงได้มีเมฆมากเพียงนี้”
คนนำทางจากกองกำลังมี่อวิ๋น นายกองผู้นั้นอุทานขึ้น หวังทงสังเกตเห็นว่าสองวันก่อนลมเหนือเปลี่ยนทิศ พัดมาทางตะวันออก
“ใต้เท้าหวัง ดูท่าหิมะกำลังจะตกหนักแล้ว พวกเราดวงดีไม่น้อย แค่ไปถึงแม่น้ำฮาลาเหอเท่านั้น แม้หิมะตกลงมาก เส้นทางเดินสามวันไม่นับว่าไกล หากไปตอนเหนือขึ้นไปอีกแล้วเกิดภัยขาว เส้นทางหาไม่เจอ ได้แต่หนาวตายอยู่กลางทุ่ง”
“ภัยขาว?”
“ภัยขาวก็คือหิมะตก บนทุ่งหญ้าบางทีหากหิมะตกหลายวันถึงสิบวันไม่หยุด คนและสัตว์ก็เดินไม่ไหว ตายอยู่กลางทุ่งนั่นทั้งเป็น พวกมองโกลกลัวเรื่องนี้ที่สุด”
หวังทงยิ้มพยักหน้า ชี้ไปบนท้องฟ้าถามว่า
“หิมะวันนี้ตกไหม?”
“ไม่แน่ แต่วันนี้หิมะดีไม่ดีน่าจะตกค่ำนี้ อากาศยังหนาวมาก ตอนหิมะตกมักจะอึมครึม อบอุ่นลงหน่อยจึงตก”
นายกองจากกองกำลังมี่อวิ๋นผู้นี้ประจำที่นี่มานาน ย่อมมีประสบการณ์มาก หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“วันนี้ตอนเที่ยงก็ถึงแม่น้ำฮาลาเหอแล้ว บางทีอาจปะทะกันอีกครั้ง แต่หิมะไม่ตกก็ดี เพราะหากตก อาวุธปืนย่อมไม่สะดวกนัก”
“เฮ้อ น้องสาวข้าถูกตาเจ้านาย แต่ข้าส่งน้องสาวแต่งไปที่อำเภอหวง จึงได้ถูกเจ้านายข้าอาฆาตไว้ วันนี้เกรงว่า……เฮ้อ!”
ถอนหายใจติดๆ กันเช่นนี้ ทหารติดตามหวังทงล้วนเห็นนายทหารผู้นี้อยู่ แม้ว่าไม่ได้พูดออกมา แต่ผู้ใดก็รู้ว่าการถอนหายใจเช่นนี้ในยามศึกใหญ่กำลังจะเกิด เป็นเรื่องอัปมงคลยิ่ง หวังทงส่ายหน้ายิ้ม ไม่สนใจ ขึ้นม้าให้ทหารจูงออกไป เริ่มลาดตระเวนดู
แม่น้ำฮาลาเหอเป็นพื้นที่ตั้งค่ายของพวกกบฏของศัตรู อีกสองสามชั่วยามก็จะถึงแล้ว จากการเตรียมตัวมาก่อกวนระหว่างทางของพวกนี้แล้ว ย่อมรู้เรื่องนี้นานแล้ว จึงได้ออกโจมตีก่อน ระหว่างทางอาจมีปะทะใหญ่อีก หลังอาหารเช้า อาหารกลางวันดีไม่ได้คงได้กินหลังรบแล้ว
ดังนั้นอาหารเช้าแต่ละค่ายผลัดกันเตรียม เตรียมอาหารเช้าจากอาหารค่ำเมื่อคืน เมื่อคืนมีเนื้อกวางเหลือ โยนลงน้ำไปพร้อมกระดูกตุ๋นซุป แผ่นแป้งธัญพืชรวมก็ร้อนอยู่ข้างเตา กินให้อิ่มดื่มกันให้พอ
ท้องฟ้ามืดครึ้มเช่นนี้ คิดจะบอกเวลาก็ยาก แต่พอเห็นเมฆเริ่มสีสว่างขึ้นเล็กน้อย ก็รู้ว่าเช้าแล้ว กองกำลังหู่เวยพร้อมออกเดินทางแล้ว จัดระเบียบแถว นอกจากพลปืนไฟและปืนใหญ่ หน่วยหนึ่งอยู่ปีกซ้าย หน่วยสองอยู่ปีกขวา ถานปิงกับหลี่หู่โถวอยู่กลางหน่วยตน เพื่อรับมือกับข้าศึกหากมีการเปลี่ยนแปลง
“พวกพลม้ากระจายตัวออกไป เส้นทางอีกครึ่งชั่วยาม หากศัตรูโจมตี ไม่ต้องเข้าปะทะ รีบกลับมารายงาน!”
หวังทงออกคำสั่งเสียงเรียบเย็น พลม้าหลายสิบกระจายตัวออกสี่ทิศ ไปลาดตระเวน พวกหวังทงค่อยๆ ผ่อนม้าให้ช้าลง เดิมรถม้าสองข้างๆ ละ 100 กว่าคันเมื่อวาน ตอนนี้เปลี่ยนแป็นสองข้างๆ ละ 60 กว่า ขยายแนวยาว เปลี่ยนเป็นแบบเคลื่อนทัพเดินหน้า
การเดินทัพเช่นนี้ คิดจะทำให้เดินทัพได้นิ่ง ก็ห้ามเดินเร็วนัก แต่พวกพลทหารม้าบนทุ่งหญ้ากลับเคลื่อนไหวเร็ว กองกำลังหู่เวยต้องปลอดภัยไว้ก่อน ไม่อาจให้อีกฝ่ายหาช่องโหว่ได้
เดินทัพไปได้ครึ่งชั่วยาม หวังทงขี่ม้ามาหารถที่ไช่หนานนั่งอยู่ ทักทายเสร็จก็ผูกม้าไว้กับรถ ก่อนจะก้าวปีนขึ้นไปบนหลังคามองไปรอบๆ สี่ทิศ หันไปมองทหารบนหอสังเกตการณ์ตะโกนว่า
“รอบๆ มองเห็นอันใดหรือไม่?”
ทหารบนหอยืนขึ้นมองรอบๆ จากนั้นก็ตะโกนตอบว่า “ไม่มีอันใด” หวังทงขี่ม้ามาด้านหน้า มองไปยังทุ่งหญ้าแห้งด้านหน้ากล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“แม่น้ำฮาลาเหอเป็นพื้นที่ของคนพวกนั้น ทหารม้านับหมื่น อย่างน้อยก็มีหลายหมื่นในเผ่า พวกเราเดินทางมาถึงถิ่นแล้ว ตามหลักพวกมาก่อกวนก็น่าจะเห็นทัพใหญ่พวกเราแล้ว แต่ตอนนี้ทำไมไม่มีใครปรากฎตัว เกรงว่าหนีกันไปแล้ว!”
ถานเจียงพยักหน้า ทหารม้านับหมื่น และยังนับหมื่นครอบครัวชาวเผ่าอันต๋า พวกนี้ยังเป็นนายทหาร คนระดับนี้ย่อมไม่เรียงแถวจัดทัพรองรับเบื้องหน้าอย่างโง่ๆ เป็นแน่ บนหอสังเกตการณ์มองออกไปไกลๆ ไม่พบร่องรอยอันใด จะอยู่ทางนั้นได้อย่างไรกัน
“ใต้เท้า หากพวกมองโกลไม่อยู่ทางนั้น พวกเราจะค้นหาต่อหรือกลับ!”
“ย่อมกลับ ไม่ว่าราชโองการหรือคำสั่งทางทหารก็ล้วนต้องการเช่นนี้ พวกเราออกนอกด่านมาลำพัง หรือจะรอให้เราหมดเสบียงอดตายกันให้ได้ ให้พวกเราปฏิบัติการ พวกเราก็ปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว!”
หวังทงยิ้มตอบ ถานเจียงก็ยิ้มเช่นกัน เรื่องมาถึงตอนนี้ก็ถือว่าได้ปฏิบัติตามอย่างไม่ผิดต่อเจ้านายแล้ว ไม่จำเป็นต้องสละตนเองทำอันใดที่ไม่ได้ผลอันใดตามมา
แม่น้ำฮาลาเหอเป็นสบแม่น้ำหล่วนเหอและอี่ซวิ่นเหอ รอบๆ เนินดินล้อมรอบ ลมหนาวตอนเหนือพัดมาก็มีที่กำบัง ตามคำแนะนำของคนนำทางจากกองกำลังมี่อวิ๋นแล้ว ทุ่งหญ้านี้มีหญ้าและน้ำท่าบริบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นที่พักของชาวสังกัดเผ่าอันต๋า
เนินดิน สองแม่น้ำล้วนมีหญ้าแห้ง เมฆดำปกคลุมหนาแน่น หวังทงมองไม่ออกว่าที่เช่นนี้เรียกว่า บริบูรณ์ ได้อย่างไร แต่ก็ไม่ต่างจากที่คาดเดา ที่นี่ไม่มีศัตรู ถึงกับไร้ผู้คน
ทหารม้าที่ส่งออกมาลาดตระเวนกลับมาถึงค่ายรถศึกในเวลาครึ่งชั่วยาม มีเพียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของกองกำลังหู่เวยเท่านั้นที่เห็นร่องรอยพวกมองโกล แต่ก็ได้แต่อยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้ามาใกล้
“ทางนี้หลายวันก่อนหรือมากกว่านั้น น่าจะมีคนจำนวนมากอาศัยกันมาก่อน”
ร่องรอยการปักกระโจม กองไฟ ยังมีขยะแต่ละอย่าง ร่องรอยการดำรงชีวิตของผู้คนยังคนเห็นประปรายกระจายทั่ว หวังทงกับบรรดานายทหารลงจากม้าไปสำรวจ หวังทงจูงม้าเข้าไปดู หันกลับมากล่าวว่า
“หยุดพักกันก่อน หลังอาหารกลางวันพวกเราก็จะเดินทางกลับ!”
ถานปิงกับหลี่หู่โถวและรองแม่ทัพทั้งสองหน่วยได้ยินแล้วก็มีสีหน้ายินดี ประสานมือคำนับรีบออกไปสั่งการ ตลอดการเดินทางมาด้วยความกังวล จิตใจสับสน ยามนี้ปลายเดือนสิบสอง กลับกันไปตอนนี้ น่าจะพอันฉลองปีใหม่ในด่าน จะไม่ดีใจได้อย่างไร
พวกหวังทงเดินไปสักพัก ก็ขึ้นม้า เห็นรอยล้อรถ รอยการเดินของรถม้าและวัว เป็นการเคลื่อนทัพกองใหญ่ แต่หลังสามลี้ออกไปตอนเหนือ ก็เริ่มแยกทาง คนจำนวนมากไปต่อทางเหนือ คนจำนวนหนึ่งไปทางตะวันตก
ยามนี้จึงได้เห็นประโยชน์ชาวเผ่ามองโกลที่ติดตามหวังทง ชื่อเฮยขี่ม้าไปวนรอบด้านหน้า หันม้าวิ่งกลับมากล่าวว่า
“นายท่าน ทางตะวันตกมีสัตว์มาก รถม้าน้อย ไปทางเหนือมีจำนวนมากกว่าทำงนี้มาก”
คนบนทุ่งหญ้าย้ายถิ่นฐาน กระโจมกับข้าวของเครื่องใช้ก็ล้วนอาศัยรถเทียมสัตว์บรรทุกไป จากนั้นก็ตามด้วย วัว ม้าและแพะ พอได้ยินเช่นนี้ หวังทงก็นิ่งไป ยิ้มกล่าวว่า
“ดูท่าแล้วพลทหารม้าไปวนรอบตะวันตกเล่น หากส่วนใหญ่ไปหลบกันตอนเหนือชั่วคราว ก็ดี ไม่ต่างจากที่เราคิดไว้ ไม่ต้องสนใจแล้ว กลับไปกินข้าวกัน บ่ายเดินทางกลับ!”
ทุกคนสีหน้ากังวลอยู่ หากก็ได้แต่ตามหวังทงกลับไปกินอาหารกลางวัน
**************
ที่ตั้งกองกำลังจี้โจวตอนนี้อยู่ที่ช่องเขาสี่เฟิง พวกมองโกลเข้าปล้นก็จะปะทะกัน ส่วนใหญ่มาทางแม่น้ำหล่วนเหอ ตอนเหนือของช่องเขาสี่เฟิงก็คือแม่น้ำหล่วนเหอ อยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำฮาลาเหอ
หวังทงยามนี้อยู่ที่แม่น้ำหล่วนเหอ เมฆดำทะมึนทั่วฟ้า ห่างจากแม่น้ำหล่วนเหอไปราว 500 ลี้กำลังมีหิมะตกหนักเกล็ดเท่าขนห่าน
ทัพหมิงเดินท่ามกลางหิมะ ล้วนกลายเป็นมนุษย์หิมะไปแล้ว หิมะน่าจะตกไม่นาน พื้นดินมีหิมะไม่หนานัก
ท่ามกลางกองทัพ มีพลม้าหลายสิบนายรอบล้อมแม่ทัพใหญ่ วิ่งไปมาด้านหน้าและหลังทัพ ข้างกายแม่ทัพผู้นั้นมีธงสะบัดพลิ้ว บนธงเขียนคำว่า “ชี” ธงอื่นข้างๆ เขียนคำว่าทัพทางการ โบกสะบัดอย่างน่าเกรงขาม
“ท่านแม่ทัพ หิมะแค่นี้ไม่เท่าไร พวกข้าน้อยเดินทางจนคุ้นเคยแล้ว”
“แต่ก็ยังช้าได้!”
นายทหารผู้หนึ่งรายงาน ชีจี้กวงตอบกลับน้ำเสียงนิ่ง เช่นนี้ ทำเอานายทหารผู้นั้นเงียบไปทันที ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้เอ่ยว่า
“ท่านแม่ทัพ ทุกวันเดินทัพกันราว 10 – 15 ลี้ หิมะอย่างไรก็สร้างความยุ่งยาก”
ชีจี้กวงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ถามว่า
“หิมะตกทหารย่อมเดินแตกทัพง่าย พวกเจ้าไปจัดคนดูหน้าและหลังไว้ อย่าได้เดินหลงไป!”
นายทหารผู้นั้นรีบคำนับรับคำสั่งออกไปทันที พอผู้นั้นจากไป สีหน้าชีจี้กวงก็เริ่มกังวล นายทหารคู่ใจข้างกายเห็นแล้วก็กระซิบถามว่า
“ท่านแม่ทัพ คิดว่าทำงนั้นต้านทานเป็นเวลานานเช่นนั้นไม่ไหวกระมัง!”
“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง นอกเมืองเซวียนฝู่พวกเขาตั้งค่ายกระดองเต่าดังกำแพงทองแดงได้เช่นนั้น ครั้งนี้ยังเตรียมการมาพร้อมสรรพ ต้านทานอยู่ เกรงแต่ว่าน่าจี๋เท่อกัดไม่ไหวทิ้งไปก่อน พวกเราออกมาเสียเที่ยว……หย่งเซิง เจ้าตอนนี้……”
ชีจี้กวงหยุดไป ก่อนจะสั่งเสียงเบาๆ ไปสองสามคำ นายทหารคู่ใจได้ยินแล้วก็ลังเล ก่อนจะเอ่ยว่า
“ท่านแม่ทัพ เรื่องนี้หวังทงจะทำตามหรือไม่?”
“……หากหวังทงเป็นดังอวี๋จื้อฝู่ (ชื่อรองอวี๋ต้าโหยว) กล่าวไว้ ก็ย่อมทำตาม!”