Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 511

ตอนที่ 511 จู่โจมพร้อมกันสามทิศทาง

ปืนใหญ่ระดับกระสุน 5 ชั่ง หากเป็นหน่วยแบบตะวันตกก็น่าจะราว 6 ปอนด์ ยิงได้ระยะ 500 ก้าว

ปืนใหญ่เตรียมการเสร็จ ก็ได้ยินหวังทงออกคำสั่ง ปรับระยะเสร็จ ปืนกระสุน 5 ชั่งก็ยิงไปยังเป้าหมายทันที!

พวกมองโกลหยุดจัดทัพ กองกำลังหู่เวยจัดทัพเสร็จ แม้ว่ามีเสียงอยู่ แต่ก็นับได้ว่าเงียบอยู่ เสียงคำรามก้องฟ้า ทำเอาทุกคนล้วนตกใจ

แม่ทัพมองโกลทางนั้นก็เคยพบเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อน ที่นอกด่านได้เยินเสียงปืนใหญ่มาก่อน พอได้ยินเสียงเช่นนี้ก็เข้าใจทันที แต่พวกเขาก็ไม่ใช่พวกขี้ขลาด เห็นปืนใหญ่ของทหารหมิงขนาดเท่านั้น เดาว่าระยะยิงก็น่าจะไม่เกิน 300 ก้าว และปืนใหญ่นี้ก็บรรจุกระสุนดินปืนยาก ยิงทีก็ควรจะรอไว้ป้องกัน ไม่น่าจะเอามาสิ้นเปลืองในตอนนี้

แต่ปืนใหญ่ของหมิงกับที่โรงช่างหวังทงผลิตนั้นต่างกัน ปืนปกติจะคำนึงถึงความปลอดภัยตอนยิงไว้ก่อน จึงเติมเหล็กเข้าไปมาก ทำให้ปืนใหญ่มีความหนาและขนาดใหญ่ แต่ของหวังทง ทุกอย่างเป็นขั้นตอนช่างอย่างละเอียดรัดกุม ตรวจสอบแต่ละชั้น ปืนใหญ่ดูแล้วจึงมีขนาดบอบบางและเล็กว่าปืนใหญ่หมิงไม่น้อย

พวกมองโกล รวมทั้งทหารหมิงกะระยะยิงและอานุภาพก็ล้วนดูจากขนาดของปืนใหญ่เป็นสำคัญ

ได้ยินเสียงปืนจากทัพหมิงดังขึ้น หลายคนก็กำลังคิดจะหัวเราะอย่างไม่ทันมอง รอดูทหารหมิงพลาดเสียหน้า แต่เสียงดังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

‘ตูม!’ ดังสนั่นหวั่นไหว พวกมองโกลแถวหนาสุด หัวม้าและร่างทหารล้วนถูกกระสุนเหล็กยิงจนกระจุยกระเด็นไปไกล เลือดเนื้อเละเทะกระจายสี่ทิศ

ร่างกายที่มีเลือดเนื้อแสนบอบบางเช่นนี้ไม่อาจกีดขวางกำลังของกระสุนปืนใหญ่ได้ ‘ตูม!’ ‘ตูม!’ ดังติดกัน กระสุนปืนใหญ่ปะทะร่างหลายคนกระจายร่วงเต็มพื้นไปหมด

พวกมองโกลที่ถูกเลือดเนื้อกระเด็นโดนตัวยามนี้ก็เริ่มได้สติ ส่งเสียงร้องโหยหวนโหวกเหวกดัง ตะกุยตะกายกันกระชากรถม้าเข้าหลบข้างทาง

กระสุนกระแทกพื้น พื้นเป็นน้ำแข็งแข็งอย่างยิ่งก็ไม่อาจซับแรงกระแทกอย่างหนักเช่นกระสุนปืนใหญ่นี้ไว้ได้ พอกระแทกพื้นก็กระเด้งขึ้นอีก กระสุนเหล็กกระเด้งขึ้นด้วยความเร็วที่ลดลง แต่ก็สามารถทำลายร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อได้เช่นกัน

ขาม้าถูกกระแทกหัก คนก็ล้มลงถูกม้าทับ กวาดกันเป็นเส้นทางโลหิตหนึ่งสาย กระสุนจึงได้หยุดลง มี 10 กว่าคนตายด้วยแรงกระสุนปืนใหญ่นี้

หากคนที่ถูกปืนเด็ดแขนขาก็ยิ่งน่ารันทด พวกเขาโลหิตไหล ส่งเสียงร้องดังโหยหวน แต่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ ยังเป็นสนามรบ พวกเขาจึงไม่อาจตายไปเสียบัดนั้นได้ทันที ได้แต่ค่อยๆ รับความทุกข์ทรมานรอความตายอย่างช้าๆ

ใต้เท้าน่าจี๋เท่อกับชนชั้นสูงมองโกลข้างกายมีรอยยิ้มค้างเติ่งบนใบหน้า ชายสูงวัยร่างผอมผู้นั้นที่กล่าวมาแต่ต้นก็มือสั่นกระชากบังเหียนม้า คิดจะหนี

น่าจี๋เท่อบนหลังม้าตวาดดังว่า

“ซูเหอ เจ้ากล้าขยับ ข้าจะสังหารเจ้าตอนนี้เลย กลับไปยังจะให้ใต้เท้าฮาตันปาเท่อเอ่อร์เอาครอบครัวเจ้าและสัตว์เลี้ยงไปครองและให้ทุกคนเป็นทาสไปชั่วลูกชั่วหลาน!”

นี่เป็นการลงโทษที่หนักที่สุดของพวกชนชั้นสูงบนทุ่งหญ้า ซูเหอผู้นั้นแสดงท่าทีเย็นชา พยายามดึงม้าเอาไว้ จึงได้นิ่งลง เถิงจูเอ่อข้างๆ ยกแส้ม้าขึ้น คิดจะจัดการที่เขาทำให้เสียหน้า ตวัดไปที่ใบหน้าด้านหนึ่งจนห้อโลหิต ซูเหอจะหลบก็ไม่ทัน

น่าจี๋เท่อหรี่ตามอง หากฟาดแรง แส้นี้สามารถฟาดหน้าให้เป็นแผลกว้างได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยในเรื่องนี้ เขาตะโกนดังออกไปว่า

“ถ่ายทอดคำสั่ง ถอน ถอยออกไประยะห่างจากปืนใหญ่ 50 ก้าว!”

คำสั่งถ่ายทอดลงไป ธงรอบกายเขาก็โบกสะบัด เสียงเขาสัญญาณดัง ทหารมองโกลที่ราวกับนกกระจอกที่เงียบกริบเริ่มถอยหลังมาอย่างช้าๆ

‘ตูม!’ ‘ตูม!’ ดังตามมาอีกสองที พวกมองโกลที่อยู่แถ;หน้าไม่สนใจหันหลังหรือไม่ทันหันหลังไปมอง ก็พากันควบม้าหนีออกไปไกลอย่างไม่ทันคิด หลบให้พ้นเจ้าปืนใหญ่สมควรตายนี่ก่อน

เดิมอยู่ในรูปขบวนทัพพร้อมบุก ตอนนี้คิดจะหันหลังวิ่งหนีก็ยาก ยามกระชั้นชิดเช่นนี้ได้แต่กระจายตัวรอบทิศ พวกรอบนอกสุดยังดี พวกตรงกลางจะไปไหนได้ ม้าก็เบียดกัน ขบวนทัพทั้งขบวนชุลมุนใหญ่ยิ่ง

เสียงปืนใหญ่ดังติดกันมา สามารถปลิดชีวิตทหารได้อย่างไร้สิ่งกีดขวางเช่นเดิม เสียงร้องโหยหวนดังระงม ทำให้ขบวนทัพเริ่มโกลาหล

ถึงกับมีคนถูกม้าที่ตกใจสะบัดร่วง ยังไม่ทันได้ปืนขึ้นไป ก็ถูกม้าพวกเดียวกันเหยียบ กลายเป็นก้อนเนื้อเละกองหนึ่ง

กองกำลังหู่เวยก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ตะโกนร้องดีใจ ทุกคนก็ตะโกนชื่นชมตามๆ กัน บรรดาพลทวนยาวก็ใช้ทวนกระแทนพื้น เสียงร้องตะโกนยินดีเช่นนี้สร้างขวัญกำลังใจให้กองกำลังหู่เวยอย่างมาก ทำให้พวกมองโกลยิ่งหนีกันกระจัดกระจาย

คำสั่งน่าจี๋เท่อ ถอย 50 ก้าวตั้งขบวนรบใหม่ แต่พอโกลาหลขึ้น พวกมองโกลหนีถอยไปไกลถึง 200 ก้าวจึงได้หยุดลง

พวกมองโกลสวมเกราะขี่อาชาแดงชั้นดีไปตรวจสอบเสร็จ ก็สะบัดแส้พร้อมยกหลังดาบฟันลงไป ถึงกับยังมีบางคนโดนตัดหัวทิ้งทันที กองกำลังของน่าจี๋เท่อพยายามควบคุมสถานการณ์ไว้ สุดท้ายก็ควบคุมไว้ได้ จัดทัพใหม่อีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ยามเผชิญกับกองกำลังหู่เวย พวกมองโกลล้วนมีสีหน้าหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย ถึงกับไม่กล้ามองไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของกองกำลังหู่เวย

*************

“หากเป็นเหมือนตอนต้นปีที่เราออกนอกด่านที่เซวียนฝู่ ได้นำปืนใหญ่พวกนี้ไปด้วย เกรงว่าสองกระบอกยิงไป พวกมองโกลนั้นก็กระจัดกระจายไปเองหมดแล้ว!”

หวังทงมองการควบคุมสถานการณ์ของพวกมองโกลแล้วกล่าวขึ้น ทหารปืนใหญ่กำลังยุ่งกับการล้างกระบอกปืน เตรียมบรรจุดินปืนใหม่ หวังทงยกมือบังแสงมองไปยังที่ไกลๆ ส่ายหน้ากล่าวว่า

“พวกมองโกลใช้ไม่ได้ พวกมองโกลนับหมื่น ตายไปแค่ไม่ถึงร้อยก็เป็นเช่นนี้แล้ว ทหารเช่นนี้……”

ได้ยินหวังทงกล่าว ถานเจียงก็กระซิบตามมาว่า

“ตอนนั้นใต้เท้าถานคุมกำลังอยู่ทางเหนือ เคยบอกับพวกเราว่าทหารหมิงขี้ขลาด แต่ทหารมองโกลเองก็ขี้ขลาด อย่างไรก็สงบศึกมานาน สันติมานาน อะไรก็ล้วนอ่อนแอ ใต้เท้าชีนำกำลังออกรบที่จี้โจว บนทุ่งหญ้านั้นก็ย่อมมีชัย แต่ด้วยสัญญาสงบศึกจึงไม่อาจเคลื่อนทัพได้”

“นี่มันเทียบความเละเทะหรือไง?”

หวังทงยิ้มกล่าว หมิงและมองโกลอ่อนแอลงทุกวัน กลับเป็นพวกเผ่าหนี่ว์เจิน (ชนเผ่าดั้งเดิมพวกแมนจู) นอกด่านนั้นได้ประโยชน์ แต่ความคิดนี้ย่อมต้องเก็บไว้ในใจ หวังทงชี้ไปด้านห้ากล่าวต่อว่า

“แม้ว่าถอยไปแล้ว แต่อาศัยปืนแค่นี้ไม่อาจทำให้พวกมันตกใจหนีกันได้ ย่อมรู้สึกว่าหากยกทัพกรูกันเข้ามา ปืนใหญ่อย่างไรก็ไม่มีกระบอก ไม่อาจขวางทางพวกมันได้ แต่ตอนนี้ห่างออกไป 500 กว่าก้าว พวกมันจะบุกเข้ามาได้อย่างไร!!”

ม้าต้องวิ่งเหยาะมาสองสามร้อยก้าวจากนั้นจึงค่อยทะยานเข้าใส่ หากไม่ใช่ทะยานกันมาด้วยระยะทาง อย่างไรก็ไม่อาจเร็วได้ แม้ว่าม้าจะวิ่งมาช้า ไม่อาจทะยานเข้าใส่ กำลังก็ย่อมเรียกได้ว่าไม่เท่าไร

ยามนี้เห็นธงทัพมองโกลโบกสะบัด มีทัพม้ากองหนึ่งวิ่งวนรอบนอกรอบใหญ่ เหมือนจะโอบมาทางด้านขวา หวังทงหรี่ตามองไป ทางนั้นเหมือนเป็นพลม้าราวหนึ่งพัน การเคลื่อนไหวเช่นนี้กองหนึ่ง หากมีอีกกองที่ใหญ่กว่าวิ่งห่างออกไป ไปทางขวา

“ถานเจียง มู่เอิน เจ้าสองคนกลับไปในค่ายรถศึก ทหารทัพนั้นน่าจะจู่โจมค่ายรถเราแล้ว พวกเจ้าเข้าไปด้านในถ่ายทอดคำสั่งให้เตรียมรับมือ!”

หวังทงสั่งการเสียงเข้ม ถานปิงกับมู่เอินรีบปฏิบัติตามทันที นำทุกคนกลับเข้าไป มองไปอีกสักพัก พวกทัพมองโกลกลุ่มนั้นทะยานมาทางค่ายรถศึกจริง

“ปืนใหญ่ 3 ชั่งสามกระบอกหันปากกระบอก ไปทางขวา!!”

หวังทงออกคำสั่งไป หวังทงอยู่ทางขวาของหน่วย 2 กองปืนใหญ่อยู่ทางด้านนี้ ตำแหน่งด้านหน้าเล็กน้อย ทัพมองโกลด้านหลังที่ใหญ่กว่าล้อมหน่วย 2 ด้านขวาไว้แล้ว แต่ก็หยุดจัดทัพก่อน

ทหารปืนใหญ่และคนงานกุลีกุจอกัน นอกจากหันปืนใหญ่สามกระบอก ยังต้องย้ายตำแหน่งปืนใหญ่กระบอกอื่นด้วย ให้ทางขวาของหน่วย 2 เปิดพื้นที่ยิ่งกว้างขึ้น

“ทุกหน่วยหันขวา!!”

หลี่หู่โถวตะโกนคำสั่งดัง เสียงสัญญาณและเสียงกลองตามมา บรรดาทหารทวนยาวนำขบวนหันมาอย่างรวดเร็ว หลี่หู่โถวตะโกนดังขึ้นอีกว่า

“ก้าวไปด้านหน้า 10 ก้าว ปฏิบัติ!!”

เสียงกลองรัวดัง ทหารย่ำเท้าไป ก้าวขึ้นหน้า พอหยุดก็จัดแถวใหม่ และหน่วย 1 กลับปรับกำลัง ถอยกลับไปด้านหลัง

สองหน่วยจัดแถวเสร็จ มีค่ายรถเป็นกำบังด้านหลัง ระยะห่างระหว่างหน่วย 1 และ 2 ราว 70 ก้าว เพียงแค่หน่วย1 ขยับขึ้นหน้า หน่วย 2 เบนไปทางขวา เพื่อประสานกำลังกัน

พวกทหารพันนายที่คิดโจมตีค่ายรถ จัดแถวเสร็จ ก็เริ่มบุกเข้ามา ราวกับมีสัญญาณอันใดไว้ก่อน ทัพม้าพันนายพอขยับ ทัพม้า 2,000 ของหน่วย 2 ก็เริ่มขยับ การขยับของทั้งสอง ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปข้างหน้า พวกมองโกลสามารถบีบขึ้นหน้ามาได้

ทหารราบด้วยกันก็เบียดเสียดกัน ระยะห่างไม่มาก พวกพลม้าก็ระยะห่างกันไม่มาก นับประสาอันใดกับพวกมองโกลที่มีกำลังทหารมากกว่ากองกำลังหู่เวย หากเข้าบุกพร้อมกัน มืดฟ้ามัวดิน มองไปรอบทิศรอบเป็นพลม้า เหมือนว่ากองกงกำลังหู่เวยกำลังจะถูกกลืนกิน

“ตุ้ม ตุ้ม!” เสียงกลองดังขึ้นติดกัน ค่ายรถมีปืนใหญ่กระบอกเล็ก ก็เริ่มยิงใส่ทหารม้ามองโกลที่บุกเข้ามาหลายสิบก้าว ปืนใหญ่กระบอกเล็กราวกับไม่ได้หยุดยิงแม้สักนาที ยังมีห่าธนูราวกับห่าฝน เดิมไม่ใช่โจมตีทิศทางหลัก การบาดเจ็บล้มตายยังมาก ม้าก็เริ่มชะลอลง

“ยันไว้ ยันไว้!” อีก 200 ก้าวก็จะยิงปืนกระบอกที่ 1!!”

ทัพม้าที่เผชิญกับหน่วย 2 เริ่มชะลอลง ศัตรูยิ่งเข้าใกล้ บรรดานายทหารต่างตะโกนดังให้ทุกคนรักษาระเบียบไว้ เสียงคำสั่งอยู่ๆ เปลี่ยนเป็นจังหวะ หลี่หู่โถวชี้ทวนในมือไปด้านหน้า พลทวนยาวหน่วย 2 แต่ละแถวก็วางทวนแนวราบชี้ไปด้านหน้า กลายเป็นรูปขบวนตั้งรับทัพใหญ่

หน่วย 1 อีกฝั่งก็ยิ่งกดดัน ทหารม้าด้านหน้ามากกว่าหลายเท่า พลปืนใหญ่สี่แถวประทับปืนพร้อมเล็งไปด้านหน้า

ทัพม้าที่หน่วย 2 เผชิญเริ่มบุกก่อน เข้ามาในระยะ 200 ก้าว

“ยิง!!”

ปืนใหญ่สามกระบอกยิงดังสนั่นพร้อมกัน คนร้องม้าร้อง พลม้าที่หนาแน่นด้านหน้าก็มีหลายสิบคว่ำล้มลง พลม้าดานหลังที่ตามมาก็สะดุดล้มไปตามๆ กัน แต่ทัพใหญ่ก็ยังคงบุกไม่ถอย

“ยันไว้ พลปืนใหญ่เร่งบรรจุดินปืน!!”

หลี่หู่โถวเห็นศัตรูด้านหน้าเริ่มใกล้เข้ามา ก็ตะโกนเสียงเยียบเย็นดังขึ้น เสียงเคลื่อนไหวฝั่งตรงข้ามดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้า ปืนสามกระบอกขนาดกระสุน 5 ชั่งยิงไปแล้ว……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!