Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 512

ตอนที่ 512 ศัตรูนับหมื่นล้อมโจมตีกองทัพเรา

กองกำลังทหารราบสองกองด้านนอกมองออกไป รอบนอกมองออกไปไม่เห็นท้ายทัพพวกมองโกล แต่ละคนชูอาวุธตะโกนส่งเสียงดังเข้าประชิดมาเรื่อยๆ

อยู่ในกองทัพ ปืนใหญ่ส่งเสียงคำรามดัง เสียงฝีเท้าม้าราวกับฟ้าผ่า เหมือนถูกล้อมไปด้วยคลื่นทัพม้า คนเหมือนจะยืนไม่นิ่ง ทหารทวนยาวทุกคน ไม่ว่าอยู่แถวหน้าหรือกลางกอง แต่ละคนก็กำทวนแน่นพลางตะโกนดัง แต่เสียงตะโกนนี้กลับไม่ได้ยิน พวกเขาเขยิบเข้าใกล้กัน รู้ว่าตนเองขยับไม่ได้ ก็ไม่เคลื่อนไหวต่อ ได้แต่สู้ตาย

ปืนใหญ่สามกระบอกด้านขวาทางหน่วยสองยิงออกไป พลทหารม้าที่มากันหนาแน่นราวฝูงผึ้งก็ล้มลงทันทีหลายสิบนาย กลิ้งไปบนพื้นทำเอาทหารด้วยกันที่ตามมาสะดุดล้มลง คนหงายหลังม้าล้มคว่ำ

แต่การขัดขวางเล็กๆ แค่นี้ เหมือนว่าเป็นคลื่นเล็กๆ ท่ามกลางคลื่นใหญ่เท่านั้น ไม่ได้ส่งผลอันใดต่อการบุกขึ้นหน้าของทัพใหญ่ ทัพม้าศัตรูยังคงบุกเข้าประชิด

ทวนยาวแต่ละชั้นของหน่วย 2 เดินหน้า หลี่หู่โถวก็ยืนอยู่ด้านขวาของแถวที่หนึ่งอย่างเคร่งเครียด ยกทวนชี้ไปด้านหน้า พลทวนแถวหนึ่งและสองสวมเกราะ ด้านหลังมีเพื่อนทหารด้วยกันอาศัยหลังเกราะไปด้วย แม้ว่าเริ่มลนลาน แต่ก็ยังยืนมั่น ที่สำคัญก็คือ ทุกคนเห็นหลี่หู่โถวกับหวังทงยืนอยู่ด้านขวาหน้าสุด พวกเขาไม่กลัว ทุกคนก็ย่อมไม่ถอย

ทิศทางที่หน่วย 1 เผชิญหน้าเป็นพวกกองกำลังจู่โจมของกองทัพม้ามองโกล ปืนใหญ่กระสุน 5 ชั่งยิงไป อานุภาพแรงกว่าระดับ 3 ชั่งไม่ใช่แค่หนึ่งเท่า

ทุกกระสุนที่ยิงไปล้วนยิงลงกลางวงหน่วยจู่โจมมองโกลจนโลหิตไหลนองเต็มพื้นที่ แต่พื้นที่ว่างที่ถูกยิงนั้นก็เติมเต็มอย่างรวดเร็ว มองไม่เห็นร่องรอยบาดเจ็บล้มตายแม้แต่น้อย

ปืนขนาดกระสุน 3 ชั่งสี่กระบอกหน้าหน่วย 1 ยิงไป ก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ระยะห่างจากศัตรูตอนนี้ไม่ถึง 200 ก้าว มีคนงานขนย้ายกระสุนปืนคนหนึ่งอยู่ๆ ก็ร้องเสียงหลงก่อนจะทิ้งกระสุนและหันหน้าวิ่งเข้าไปในค่ายรถ เขาตกใจก็ขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้ว

หวังทงยกมือชี้ไป ทหารข้างกายก็ควบม้ามาถึง ไล่ตามทันในไม่กี่ก้าว ยกดาบฟันฉับ หัวหลุดจากบ่า เลือดพุ่งรดฟ้า

“หนีทัพ ตัดหัวไม่ละเว้น ทำตัวให้ดีกันหน่อย!!”

มู่เอินกลับไปบัญชาการค่ายรถ ปืนใหญ่ทางนี้ให้นายกองธงใหญ่ปฏิบัติการ เห็นคนวิ่งหนี เขาก็รู้สึกเสียหน้า ตะเบ็งเสียงดังตวาดคนงานอื่นๆ เห็นหัวเพื่อนกันกระเด็นขาด คนงานที่เหลือก็ตกใจหน้าซีดเผือด ล้วนทำงานกันอย่างไม่กล้ารอช้า

แต่เสียงตะโกนดังของนายกองธงใหญ่พลปืนใหญ่กลับไม่มีผู้ใดได้ยิน เพราะในยามนี้ พลปืนไฟแถวหน้าเริ่มยิงแล้ว

ทหารพลปืนไฟ 400 นาย แบ่งเป็น 4 กอง กองละ 100 นาย แต่ละกองมีหัวหน้าออกคำสั่ง เห็นทหารม้าด้านหน้ามาถึงระยะ 70 ก้าว หัวหน้ากองแถวแรกก็ออกคำสั่งด้วยการยกดาบในมือขึ้น

ทหารไม่ได้ยินเสียงตะโกนแต่เห็นดาบตวัดจากขวาไปซ้าย ก็บรรจงยิงไปพร้อมกัน แถวหนึ่งยิงดังติดๆ กันไม่หยุด

เสียงระเบิดราวกับเสียงเม็ดถั่วระเบิด ควันดินปืนแถวแรกหนาแน่น ทหารศัตรูที่ควบบุกมาหยุดไปสักครู่ ก่อนจะทยอยร่วงลงพื้นที่ละคน พักไปครู่หนึ่ง แถวที่สองก็ยิงพร้อมกัน ทหารที่ถูกยิงล้มลงกับพื้น ทหารด้านหลังกะว่าจะโดดข้ามไป ถึงกับเหยียบเพื่อนทหารด้วยกัน ปืนรอบสองมาอีกแล้ว แถวสาม แถวสี่……

ทหารมองโกลถูกกระสุนล้มลง ก็เห็นทหารด้านหลัง จากนั้นก็ยิงพร้อมกันอีก วนไปมาหลายรอบ พลปืนไฟยิงพวกมองโกลที่บุกมาหยุดได้ด้วยกำลังอานุภาพเช่นนี้ เห็นกลุ่มควันหนาแน่นด้านหน้า เห็นร่างเพื่อนทหารด้วยกันนอนร้องโอดโอยที่พื้น ไม่รู้ว่ายังมีปืนไฟที่ยังไม่ได้ยิงออกมาอีกไหม ด้านหน้าที่วิ่งเร็วถูกยิงล้มลงหมดแล้ว ด้านหลังก็เริ่มกระชากบังเหียนหันทิศทางกลับ

“ถอยกลับไปกลางระหว่างสองหน่วย!!”

ตามที่ตกลงกันไว้เดิม ยิงเสร็จ พลปืนไฟจะไม่บรรจุกระสุนบริเวณที่ยิง พวกขาไม่มีเวลามากพอ ทุกคนยกปืนขึ้นหันหน้าวิ่งกลับระหว่างสองหน่วย

พอวิ่งเข้าไปกลางสองหน่วย พลปืนไฟก็ปฏิบัติการต่ออย่างรวดเร็ว เริ่มบรรจุกระสุนใหม่อีกครั้ง

**************

ปืน 5 ชั่งหน้าหน่วย 1 ยิงไปสามรอบ ปืน 3 ชั่งยิงไปสองรอบ ทหารม้าศัตรูยังคงเริ่มประชิดใกล้ นายกองธงใหญ่พลปืนใหญ่ตะโกนดังว่า

“กองธงเล็กที่หนึ่งอยู่ก่อน ที่เหลือถอย รีบวิ่ง!!”

คนงานและทหารปืนใหญ่ที่เหลือล้วนทิ้งของในมือ วิ่งเข้าไปหลบตรงกลางอย่างเร็ว พลม้าศัตรูบุกเข้าใส่พลปืนใหญ่อย่างไร้สิ่งกีดขวาง โยนปืนทิ้งแล้วถอย หลังจบการรบก็ค่อยมาเอาคืนไปก็ได้

“บรรจุกระสุน พวกเขาจะระเบิดมันอีกครั้ง!!”

นายกองธงใหญ่ตะโกนดัง เมื่อครู่คนงานที่วิ่งหนี พลปืนสีหน้าซีด ทำเอานายกองธงใหญ่ผู้นี้รู้สึกเสียหน้ามาก จะต้องกู้หน้าคืนมาอีกครั้ง

พลปืนไฟถอยกลับ ทหารม้าด้านนี้ก็ห่างไม่ถึงร้อยก้าว พลปืนใหญ่ก็เตรียมกระบอกปืนอย่างบ้าคลั่ง บรรจุดินปืนเสร็จ ก็เตรียมเชือกชนวน ก่อนจะหย่อนกระสุนลงไปที่ปากกระบอก ทหารพลม้าห่างไม่ถึง 50 ก้าว นายกองธงใหญ่คว้าเหล็กเผาไฟออกมาจากกระถางไฟ ก่อนจะตะโกนดังว่า

“พวกเจ้ารีบไปเร็ว!!”

ระยะแค่นี้ เห็นหนวดเคราของศัตรูขนาดนี้ พวกพลปืนใหญ่ไม่กล้าลังเล หันหน้าวิ่งทันที นายกองธงใหญ่ตะโกนสบถด่าดังก่อนจะจุดชนวน

“ตูม” ดังสนั่นหวั่นไหว เสียงนี้ดังน้อยกว่าเสียงเมื่อครู่ก่อนหน้ามากนัก แต่แม้ว่าเสียงเบา แต่ปากกระบอกกับพวกมองโกลที่ห่างไม่ถึง 30 ก้าวตรงกันพอดี รัศมีสังหารย่อมน่าตกใจ

กระสุนเหล็กลอยมาด้วยความเร็วราวกับฝนสังหารกลางสนามรบ ไม่ว่าคนหรือม้าล้วนพากันล้มลง ครานี้ทำเอาล้มลงราบไปทั้งกอง

สนามรบเงียบลงครู่หนึ่ง พวกที่บุกเข้ามาถูกกำราบให้หยุด ไม่มีม้าวิ่งมาด้วยความเร็วอีก ไม่มีเสียงร้องตะโกนบุกอีก มองเห็นอาวุธวิบวับหนาแน่นตรงหน้า มองเห็นซากม้าและเพื่อนทหารด้วยกันขวางอยู่ด้านหน้า ทุกคนก็ไม่อยากบุกเข้าไปรนหาที่ตาย ล้วนพากันหยุดม้าไว้ เริ่มหันหน้ากลับ

นายกองธงใหญ่ที่อยู่ระยะใกล้ที่สุด หลังยิงลูกสุดท้าย ก็เห็นพลทหารม้ามองโกลกรูกันมาอีกทางหนึ่งพร้อมดาบ มือเขาถูกเหล็กเผาไหม้แดง ไม่มีอาวุธอื่นใดอีก จึงได้แต่กัดฟันโยนเหล็กแดงนั่นออกไป พอถึงไปตกหน้าพลม้าศัตรูนายหนึ่ง

เหล็กเผาไฟแดงฉานเผาเนื้อม้าสดๆ ม้าร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่สนใจอันใด เอาแต่ทะยานหนี ส่งเสียงร้องดังวิ่งอย่างไม่สนใจสิ่งใด คนบนหลังม้าร่วงลงมา แต่ทหารศัตรูอีกทางก็ยกหอกไม้ขึ้น คิดจะแทงอย่างแรง นายกองธงใหญ่ผู้นั้นนอกจากไม้ใช้กับปืนใหญ่แล้ว ก็ไม่มีอาวุธอื่นใด เขาได้แต่กัดฟันเตรียมร้องตะโกนดัง

ในตอนนั้นเอง ทหารมองโกลด้านหน้าก็หงายหลังไปทันที ธนูดอกหนึ่งแม่นจำไม่พลาดเป้าแม้แต่น้อยเจาะลงหว่างคิ้วทั้งสอง นายกองธงใหญ่อึ้งไป ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังว่า

“ถอยกลับไปที่ช่องว่างนั้น ยังมัวยืนงงทำอะไรอยู่อีก!!?”

พอหันไปมองก็เห็นหวังทงกับถานกงขี้ม้าอยู่ด้านหลัง

************

พลปืนไฟเปลี่ยนเป็น 40 คนต่อแถว เรียงกันไม่ชิดนัก ผลัดกันออกไปยิงตามช่องของทหารสองหน่วย ทหารปืนใหญ่วิ่งกลับมาถึง ก็เปลี่ยนอาวุธเป็นอาวุธยาวเช่นเดียวกับทหารในบังคับหวังทง ทหารปืนไฟก็ยิงปืนอารักขาเป็นระยะ

พลม้ามองโกลที่โจมตีหน่วย 1 ค่อยๆ เคลื่อนไหวคลี่กำลังออกเป็นแนวขวาง ล้อมรอบหน่วย 1 หาจังหวะช่องโหว่บุก

มีคนถูกปืนไฟยิงร่วงจากม้าเป็นระยะ……

***********

พลม้ารวมกำลังบุกพลราบ ตอนใกล้ประชิด พลราบที่เผชิญศัตรูด้านหน้าก็ย่อมหวาดกลัว พอมาถึงตรงหน้า ก็ย่อมกระจัดกระขาย จากนั้นก็จะถูกล่าสังหาร

แต่ไม่ว่าด้านหน้าจะบุกอย่างไร หรือว่าบุกจากด้านข้าง ทหารหมิงกองนี้ก็ยังไม่แตกแถว เห็นได้แต่ว่ามีทหารตะโกนคำสั่งเสียงดัง ถึงกับเมื่อเข้าไปใกล้ก็มองสีหน้าเคร่งเครียดของพวกหมิง

แต่ทหารหมิงก็ยังคงไม่แตกแถว ทวนยาววิบวับแวววาวยังคงไม่ขยับดังเดิม แม้ไม่อาจบีบให้แตกแถว แต่ก็มีวิธีทำลายแถวได้ ก็คือใช้สิ่งของมาแทงใส่ม้าให้เจ็บปวด จนม้าไม่สนใจสิ่งใด วิ่งเข้าใส่อย่างเดียว

แน่นอน ม้าที่วิ่งเข้าใส่ก็ย่อมต้องถูกทวนยาวที่หนาแน่นเบื้องหน้าแทง ทหารบนหลังม้าก็ย่อมล้มตาย แต่คนและม้ามีมาเสริมไม่หยุด พอที่จะเปิดช่องว่างจากแนวรบทวนยาวนี้ได้

แต่ผู้ใดก็ไม่อยากไปเสียสละชีพอย่างกล้าหาญเช่นนี้ ถวายชีวิตให้พวกนี้ก็เพื่อให้ครอบครัวได้กินดีอยู่ดี นั่นต้องให้ตนมีชีวิตอยู่ถึงจะได้ หากตายไป ลูกและเมีย สัตว์เลี้ยงที่บ้านก็ย่อมถูกพวกชนชั้นสูงริบคืนไป ไม่จำเป็นต้องสู้จนตายจะดีกว่า

พอมาถึงด้านหน้า ทุกคนก็ชักม้ากลับ คิดจะวนรอบ หน่วย 2 ไม่มีพลปืนไฟมายิงหยุดศัตรู พลม้ามองโกลจึงเข้าประชิดใกล้มาก มีบางคนคิดจะหันม้าหนี ก็ห่างจากทัพทวนยาวไม่ไกลนัก กองกำลังหู่เวยจึงได้แทงจนร่วงจากหลังม้า

บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ม้าก็ชนกันเอง แต่แต่ละทิศทางที่โจมตีเข้ามาก็ยังคงเริ่มจากซ้ายไปขวา เริ่มหมุนวน

กองทัพม้าล้อมรอบสองหน่วยไว้ แต่หน่วย 1 และ 2 ก็ยังมีค่ายรถศึกด้านหลัง ทหารม้าต้องรักษาความเป็นไปได้ในการโจมตีได้ตลอดเวลา จึงต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอด แต่พวกเขาไม่อาจควบผ่านกองกำลังหู่เวยและค่ายรถศึกไปได้ ได้แต่วนเป็นวงรอบใหญ่แทน

ทหารม้ามองโกลล้อมกองกำลังหู่เวยสองหน่วยกับค่ายรถที่จัดขบวนเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดังนั้นหากวิ่งวนรอบ ที่พวกเขาเน้นจู่โจมก็คือสองหน่วยกองกำลังหู่เวย จึงต้องวนรอบใหญ่หลายเท่านัก

*************

“ใต้เท้าน่าจี๋เท่อ ล้อมไว้เช่นนี้ สิ้นเปลืองกำลังม้าและคนมาก ถอยกลับแล้วค่อยบุกเถอะ!!”

หัวหน้าหน่วยกองพันผู้หนึ่งขอร้องน่าจี๋เท่อ พวกน่าจี๋เท่อตอนนี้ได้ไปถึงเนินดินที่สูงที่สุดในละแวกนี้แล้ว ได้ยินเช่นนี้ ก็คำรามเสียงเย็นว่า

“เมื่อครู่ปืนนั่นทำพี่น้องเราบาดเจ็บหลายร้อย กว่าจะล้อมไว้ได้ ต้องรอให้ปืนพวกมันใช้การไม่ได้ หากถอนกำลังกลับไปค่อยบุกใหม่ ใช่ว่าให้พวกมันคว้าปืนมาใช้ได้อีกหรือไง……นำกองทัพของอมมู่เอ่อเผ่าเคอเอ่อชิ่นกับทัพหน้าเราย้ายไปด้านหน้า รอให้ด้านในมีช่องโหว่ ก็บุกเข้าไป!”

ทหารม้าล้อมทหารราบ แม้ว่าต้องวิ่งอีกระยะทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ล้อมไว้แล้ว พวกทหารม้ามองโกลชินกับการรบเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องสั่งการอันใด ก็ล้วนบังคับม้ากันไว้และคว้าเอาธนูที่อานม้าออกมา พลางเอี้ยวตัวไปด้านข้างน้าวสายพร้อม ยิงเข้าไปในค่ายของกองกำลังหู่เวย

ลูกธนูทะยานมาราวห่าฝน กองกำลังหู่เวยเริ่มบาดเจ็บกันแล้ว……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!