Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 529

ตอนที่ 529 ในวังหลวง

ทั่วหล้าต่างให้ความสนใจในเรื่องระบบภาษีและเกณฑ์แรงงานใหม่ของจางจวีเจิ้ง การรบแพ้ที่เหลียวหยางไม่มีผู้ใดสนใจ นานวันก็ถูกลืมเลือน

รองแม่ทัพเฉาฝู่ถูกจับเข้าคุก แม่ทัพหลี่เฉิงเหลียงไม่ได้ถูกลงโทษใด แต่คนที่รู้เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่าไม่มีอันใดที่ผิด

*********

คนในวังตอนนี้ล้วนรู้พระอุปนิสัยฮ่องเต้ กลางวันอารมณ์ดีหรือไม่ ขอเพียงไปยังตำหนักพระสนมเอกเจิ้งก็จะแย้มสรวลเบิกบาน พระอารมณ์ดียิ่ง ทุกคนย่อมรับใช้ง่าย หากโชคดี ยังได้พระราชทานรางวัลอีกด้วย

เรื่องนี้ทุกคนรู้ แล้วก็ยังรู้ว่าตำหนักฉือหนิงกงทำงานต้องระวังให้ดี เพราะพระอารมณ์ไทเฮาฉือเซิ่งไม่ดีนัก

ตั้งแต่ฮ่องเต้หลงชิ่งยังทรงเป็นอ๋องอวี้ ไทเฮาเหรินเซิ่งพระวรกายไม่ดีนัก ล้วนอาศัยไทเฮาฉือเซิ่งดูแลในจวน พระชายาหลี่ในต้องนั้นตัดสินพระทัยในทุกเรื่อง

แต่ไทเฮาฉือเซิ่งทรงเป็นสามัญชนมาก่อน จึงทรงมีพระเมตตาต่อบรรดาขันทีนางกำนัลมาก ให้การสั่งสอนเป็นหลัก ไม่ค่อยได้ลงโทษหนัก แต่พอพ้นตรุษจีนหลังรัชสมัยว่านลี่ที่ 9 มา ขันทีน้อยทำผิดเล็กน้อยก็จะถูกโบยตายทั้งเป็นไปถึงสองคนแล้ว ยังมีนางกำนัลถูกลงโทษให้คุกเข่าทั้งวัน หนาวเหน็บจนทำลายสุขภาพภายใน

นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยมาก ในวังล้วนพากันหวาดกลัว เกรงว่าจะโชคร้ายเข้าสักวัน อย่าได้กล่าวถึงพวกขันทีนางกำนัลเท่านั้น เพราะแม้แต่เวลาฮ่องเต้ว่านลี่มาถวายคำนับก็ยังไม่กล้าอยู่นาน ต้นเดือนสาม ตอนพาหวังฮองเฮาไปร่วมเสวยพระกระยาหารด้วย ตรัสผิดไปหนึ่งคำ ก็ถูกอบรมเสียยกใหญ่

โอรสสวรรค์ยังโดน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยทีเดียว หากจะกล่าวถึงสาเหตุ ทุกคนล้วนรู้ดี แต่ผู้ใดก็ไม่อยากกล่าวออกมา และไม่กล้ากล่าว

เพราะว่าวันที่ 3 เดือนสองวันนั้น อ๋องลู่ที่พำนักในวังหลวงขอเข้าเฝ้าไทเฮา ขอออกไปนอกวังดำรงตำแหน่งอ๋องครองบรรดาศักดิ์

พูดกันตามจริง ในวังทุกคนรู้ดี ระหว่างฮ่องเต้กับอ๋องลู่ ไทเฮาทรงรักอ๋องลู่มากกว่า พี่น้องหลายคน ผู้ใหญ่ก็มักจะชอบน้องเล็กอายุน้อยสุด เป็นเรื่องปกติของโลกมนุษย์นี้

ตอนนี้ฮ่องเต้ว่านลี่ทำการใช้ก็ระมัดระวังอย่างดี ในราชสำนักแม้ว่าไม่แสดงความคิดส่วนพระองค์ แต่ในวังทุกคนรู้ดี ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ทรงเข้ากับขุนนางได้ ล้วนขัดแย้งกันเสมอ หากไทเฮาฉือเซิ่งคิดว่าขุนนางในราชสำนักล้วนจงรักภักดี จึงทรงไม่พอพระทัยฮ่องเต้ว่านลี่สักเท่าไร

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านอกราชสำนักยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเลื่อนตำแหน่งพระสนมเอกเจิ้ง ฮ่องเต้ว่านกลับไม่ทรงสนพระทัย ในเรื่องนี้ ไทเฮาหลี่ก็แอบตรัสไม่พอพระทัยอยู่ ดังนั้นพอนางกำนัลรับใช้ข้างพระวรกายพูดเรื่องนี้ออกไป ในวังก็ล้วนเป็นที่รู้กัน

เทียบกับฮ่องเต้ว่านลี่แล้ว อ๋องลู่ที่เอาแต่อ่านหนังสือเงียบๆ และศึกษาตำราขงจื๊อทั้งวัน ดูจะว่านอนสอนง่ายกว่า ทำให้คนต่างรู้สึกรักและเอ็นดู

จากที่นางกำนัลในตำหนักฉือหนิงกงเล่ามานั้น ตอนอ๋องลู่เข้าเฝ้ากราบทูลว่าถึงพระชันษาที่ต้องออกนอกวังแล้ว หากอยู่ต่อจะเป็นการผิดธรรมเนียมจารีต และในวังเองก็มีพระสนมนางกำนัลอยู่มาก มีหลายอย่างที่ไม่สะดวก ขอให้เสด็จแม่อนุญาตให้ทรงออกไปอยู่นอกวังดำรงตำแหน่งอ๋องครอบครองบรรดาศักดิ์

แต่ไทเฮาฉือเซิ่งได้ยินแล้วก็หลั่งพระอัสสุชล สะอื้นไห้ตรัสว่าไม่ทรงอนุญาต เพราะหากทรงอยากพบก็ยากยิ่ง เจ้าคิดออกไป หรือเป็นเพราะในวังมีผู้ใดกล่าวอันใดเจ้า เสด็จแม่จะจัดการให้เอง ให้พำนักในวังต่อไป

จากนั้นอ๋องลู่ก็คุกเข่าลง ทูลว่าไม่มีผู้ใดกล่าวอันใด เป็นตนเองผู้เดียว ทำให้เสด็จแม่ทรงหลั่งพระอัสสุชล เป็นลูกขาดความกตัญญู

จากนั้นเรื่องนี้ก็จบลง แต่ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ทรงถูกไทเฮาตำหนิ เพราะพอไทเฮาตรัสเรื่องนี้ขึ้น ฮ่องเตว่านลี่ตรัสต่อว่า

“อ๋องลู่เองก็เจริญชันษาแล้ว ออกไปอยู่จวนนอกวังเร็วหน่อยนับเป็นเรื่องดี คิดจะเข้าเฝ้าเสด็จแม่ก็ง่าย ลูกมีราชโองการในเรื่องนี้ได้แล้วพะยะค่ะ”

ว่ากันว่าพระดำรัสนี้ทำเอาไทเฮาพิโรธใหญ่ ค่ำคืนนี้ทำเอาฮ่องเต้ว่านลี่พระพักตร์บึ้งตึง ถึงกับมีเรื่องเล่าว่าไทเฮาทรงให้เฝิงเป่าไปตรวจสอบว่ามีผู้ใดกล่าวเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้

อ๋องลู่ผ่านเรื่องนี้ไป ก็รู้สึกว่าทรงหาเรื่องขึ้นมาก่อนเอง จึงไม่เอ่ยเรื่องนี้อีก

เรื่องจริงมีว่า ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงกริ้วในห้องทรงอักษรว่า

“อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ข้าเองก็อยู่จนเบื่อแล้ว ปล่อยเขาออกไปมีอันใดไม่ดี เสด็จแม่จะได้ไม่ทรงเอาแต่งกังวลพระทัยทุกวันเช่นนี้”

พระดำรัสนี้ย่อมไม่เผยแพร่ออกไป จางเฉิงรู้ว่าเจ้าจินเลี่ยงปิดปากสนิท แต่ก็กำชับอีกที กลัวว่าเขาจะพูดออกไป

***********

อ๋องลู่พำนักอยู่ ณ พระตำหนักด้านข้าง รองหัวหน้าสำนักอาชาหลวงหลินซูลู่กำลังถวายรับใช้อยู่ในห้องอักษร แม้ว่าหลินซูลู่เป็นขันทีข้างพระวรกาย แต่ตอนนี้มีตำแหน่งปฏิบัติงาน เวลาที่มาเข้าเฝ้าก็ย่อมน้อยลงตาม

ดีที่มาครั้งหนึ่ง อ๋องลู่ก็จะดีพระทัยอย่างยิ่งครั้งหนึ่ง ให้คนรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องถอยห่างออกไป เหลือหลินซูลู่ไว้เพียงผู้เดียว

อ๋องลู่เป็นพระอนุชาแท้ๆ ฮ่องเต้ว่านลี่ ไทเฮาฉือเซิ่งก็ให้ความสำคัญอย่างมาก เรื่องของกินของใช้ล้วนไม่ต่างจากฮ่องเต้สักเท่าไร สมบูรณ์บริบูรณ์อย่างยิ่ง

ห้องทรงอักษรก็กว้างใหญ่สว่างโล่ง ชั้นหนังสือหลายตัวก็ไม่ธรรมดา ด้านบนมีหนังสือประวัติศาสตร์ซ้อนอยู่หลายชั้น หนังสือแต่ละประเภท ผู้ที่รับใช้อ๋องลู่รู้ดีกว่า อ๋องลู่ทรงอ่านเพียงบทเรียนจากบรรพชนและตำราขงจื๊อ ไม่ทรงอ่านหนังสือตำราอื่น ท่านอ๋องไม่อ่าน แต่คนรับใช้ก็ยังต้องซื้อหามาวางไว้ในชั้นหนังสือตามระเบียบปฏิบัติ

ตอนนี้ในห้องหนังสือมีแต่อ๋องลู่และหลินซูลู่ ในมืออ๋องลู่มีหนังสือ “รวมบทกวีรื่นรมย์” ของกวีฉือแห่งราชวงศ์ซ่งอย่างเช่นหลิ่วหย่ง

หากว่าบรรดาพระอาจารย์อ๋องลู่ได้เห็น ย่อมตาถลนโมโหเดือดดาลเป็นแน่ บทกวีฉือของหลิ่วหย่งกล่าวถึงแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในความคิดของบัณฑิตลัทธิขงจื๊อ เห็นว่าเป็นบทกวีน่าอายไร้ศีลธรรม ห่างไกลความดีงาม แต่อ๋องลู่ทรงอ่านแต่ตำราปราชญ์ พระอุปนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวล ไหนเลยจะไปชอบอ่านอะไรพวกนี้ได้

เห็นสีหน้าอ๋องลู่ เขาไม่เพียงแต่ชอบอ่าน หากยังอ่านอย่างออกรสออกชาติ หลินซูลู่ข้างๆ ก็ยืนจัดเก็บโต๊ะอยู่ ในห้องหนังสือจัดเก็บได้เป็นระเบียบยิ่ง หลินซูลู่ทำไปด้วยความเคยชินที่ต้องทำเท่านั้น

พอหยุดมือ ก็เห็นหนังสือ ‘รวมบทกวีรื่นรมย์’ ในมืออ๋องลู่ หลินซูลู่ถอนหายใจกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า

“ท่านอ๋อง อ่านส่วนพระองค์นะพะยะค่ะ อ่านหนังสือพวกนี้ หากให้คนนอกรู้เข้า ก็ย่อมยุ่งยากแล้ว!”

“ปั้นปั้น นี่ก็แค่ท่านไม่ใช่หรือ หากมีคนนอก ข้าเองย่อมหยิบตำราขงจื๊อทั้งสี่ตำราห้าคัมภีร์มาอ่าน แต่หนังสือพวกนั้นช่างน่าเบื่อหน่าย……”

อ๋องลู่ยิ้มไปพูดไป สีหน้าห่างไกลจากที่อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ไทเฮาอย่างมาก แต่ท่าทางเช่นนี้นับได้ว่าเป็นท่าทางผู้น้อยที่แสดงการออดอ้อนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่มากกว่า

กล่าวจบ หลินซูลู่ก็ไอขัดจังหวะขึ้น อ๋องลู่ได้สติปิดจมูกไว้ จากนั้นก็วางหนังสือลงลุกขึ้นไปถามอย่างใส่ใจว่า

“ปั้นปั้น ท่านเป็นอย่างไรบ้าง หรือให้เชิญหมอหลวงมาดูอาการ?”

หลินซูลู่โบกมือติดๆ กัน ส่ายหน้ากล่าวว่า

“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องไม่ต้องทรงเป็นห่วง กระหม่อมก็แค่เป็นหวัดเท่านั้น”

กล่าวอย่างสบายๆ แต่ก็เดินเข้ามาดูอาการด้วยความใส่ใจ พลางลูบหลังให้หลินซูลู่ ตรัสว่า

“หลายวันก่อนฟังที่ปั้นปั้นสอนข้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ เสด็จแม่ทรงอาลัยข้าจริงๆ หากไม่ได้ปั้นปั้นแนะนำ ข้าตอนนี้ไม่รู้จะเป็นเช่นไร วันก่อนหย่งเซิ่งป๋อที่ซานซีก็ส่งยาบำรุงมา อีกเดี๋ยวปั้นปั้นจะไปก็เอาไปด้วยนะ!”

หลินซูลู่ขอบพระทัย คุยกันสักพัก ก็ขอตัวจากไป หลินซูลู๋ออกไป อ๋องลู่ก็หยิบผ้ามาเช็ดมืออย่างแรง จากนั้นก็โยนทิ้งลงพื้น หยิบหนังสือ “รวมบทกวีรื่นรมย์” สอดไว้หลังชั้นหนังสือ เรียกขันทีน้อยเข้ามา ออกคำสั่งเสียงเย็นเยียบว่า

“เอาของบนโต๊ะนี้ทิ้งไปให้หมด แล้วเช็ดพื้นให้สะอาด ตามคนเข้ามา มาเปลี่ยนชุดให้ข้าด้วย”

ขันทีน้อยที่เข้ามารู้ดีกว่าอ๋องลู่มีนิสัยประหลาดรักสะอาด จึงรีบรับคำ กำลังจะออกไปตามคนเข้ามา ก็ได้ยินอ๋องลู่ตรัสว่า

“ไม่ต้องตามใครมาทำ เจ้าทำเอง”

ของไม่มาก ขันทีน้อยรีบรับคำ อ๋องลู่ขมวดคิ้วเดินไปมาสองสามก้าวกล่าวว่า

“ที่พื้นเช็ดให้ดีๆ หน่อย อย่าให้เหลือสิ่งสกปรกไว้มาแปดเปื้อนข้าได้”

**************

หลินซูลู่ออกจากตำหนักอ๋องลู่ ให้คนแบกเกี้ยวกลับไปที่พำนักตน ในวังขันทีใหญ่ล้วนไปไหนมาไหนด้วยเกี้ยวแบก พวกขันทีเดินเส้นทางพิเศษ เป็นเส้นทางที่จะไม่ปะทะกับชนชั้นสูงในวัง ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะล่วงเกินผู้ใด

พอลงจากเกี้ยว หลินซูลู่ยังหันไปเยาะตนเองกับขันทีน้อยข้างกายว่า

“อายุมากแล้ว ทานลมหนาวไม่ไหว เมื่อก่อนข้าเดินเร็วๆ ก็กลับมาถึงแล้ว”

ขันทีน้อยได้รางวัลไป ได้ยินวาจาหลินกงกงก็ยิ้มตาม กล่าวว่า

“ผู้ใดไม่รู้ว่ากงกงสุขภาพแข็งแรง แข็งแรงกว่าพวกเราอีก!”

แต่คนในวังล้วนมีภาพหลินซูลู่ที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัย ได้ยินหลินซูลู่เยาะตนเอง ก็คงเพราะล้อเล่นเท่านั้น ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด

พอเข้าไปด้านใน ก็ได้กลิ่นควันหอมอบอวลหนาแน่น ในวังขันทีมักมีกลิ่นตัวแปลกๆ ขันทีมีสถานะก็ล้วนใช้กำยานมาดับกลิ่น กลิ่นนี้ไม่แปลก เพียงแต่หนาแน่นไปสักหน่อย เพราะว่าหนาแน่น ดังนั้นหากไม่ทันสังเกต ก็จะไม่ได้กลิ่นยาผสมอยู่ในกลิ่นกำยานหอม

พอประตูปิดลง หลินซูลู่ก็รีบยกมือปิดปาก ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนโลหิต ก่อนจะไออย่างหนักต่ออยู่ตรงนั้น เสียงดังไม่หยุด

ซวงสี่รีบออกมาประคองเข้าไป พอนั่งลงก็ยกยามาให้ชามหนึ่ง ให้หลินซูลู่ดื่มลงไป พอดื่มเสร็จ อาการไอก็หยุดลง ซวงสี่กำลังจะกล่าว ก็ถูกหลินซูลู่โบกมือให้หยุด กล่าวน้ำเสียงแหบว่า

“ยาจะต้องไปซื้อนอกเมืองหลวง เจ้านำเข้าวังมาเอง จดจำไว้ให้ดี!”

“นายท่านวางใจได้ นายท่านรองให้คนไว้ใจได้ไปจัดการ ไม่เกิดเหตุผิดพลาดเป็นแน่!”

ได้ยินเช่นนี้ หลินซูลู่ก็พยักหน้า ควักเอากล่องเหล็กหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ใช้ช้อนเงินตักยาออกมาป้ายคอ ผ่านไปครู่หนึ่ง หลินซูลู่สีหน้าซีดเหลืองก็เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาอีกหลายส่วน……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!