ตอนที่ 567 จับปูในไห หวังทงสังหารโจร
พื้นที่พักอาศัยนอกเมืองออกไปทางตะวันตกล้วนเป็นโรงบ้านของพวกคหบดีมีเงิน ครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ หลายตระกูลล้วนเลี้ยงม้ากันที่โรงบ้านนอกเมือง ต้องการใช้พื้นที่กว้างใหญ่
ในเมื่อเป็นพื้นที่ของคหบดีมีเงินมีอำนาจในเมืองหลวง ยังอยู่นอกเมือง เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ และศาลซุ่นเทียนก็ย่อมไม่มาเรื่องมากกันที่นี่ ด้วยเหตุนี้ ที่แห่งนี้จึงไม่มีกฏหมาย
ที่ใดเป็นโรงบ้านตระกูลใด ที่ใดเกี่ยวสัมพันธ์กับผู้ใด ความสัมพันธ์ซับซ้อนยิ่ง ผู้ใดก็ไม่กระจ่างในเรื่องนี้ นานวันเข้า ราษฎรและขุนนางก็รู้ว่าที่แห่งที่ไม่อาจล่วงเกินได้ เป็นของผู้ใดก็ยังสับสน
ออกนอกเมืองไปทางตะวันตก 5 ลี้ ตลอดทางมีกลิ่นควันฟืนไฟ หลายแห่งเป็นพื้นที่คนอยู่มาก อย่างไรก็เป็นรอบเมืองหลวง ดังนั้นแม้ว่าเป็นนอกเมือง แต่ก็ต่างจากที่อื่นอย่างมาก
ระยะห่างออกไปจากประตูเมือง 6 ลี้ เป็นเส้นทางหลวงจากเมืองหลวงไปเมืองเซวียนฝู่ 200 ก้าว มีโรงบ้านหนึ่งกินพื้นที่ราว 200 หมู่
โรงบ้านขนาดพื้นที่ 200 หมู่นี้ก็ไม่ต่างจากที่พักใหญ่โตทั่วไป แต่การก่อสร้างนับว่าสมบูรณ์ดี กำแพงสูง จวนอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ห้องซ้อนกันหลายชั้น เดาว่าตระกูลจากเมืองหลวงคงเอาไว้พักผ่อนยามว่างเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำกำไรอันใด
ระยะนี้ โรงบ้านนี้มีคนกลุ่มหนึ่งเข้าพัก ล้วนเป็นชายฉกรรจ์สำเสียงพูดแบบชาวซานซี นอกจากเข้ามาในเมืองเดินเล่นบ้างแล้ว ก็ล้วนอยู่กันแต่ในโรงบ้านไม่ไปไหน นี่นับเป็นเรื่องแปลก
คนนอกพื้นที่มาเมืองหลวง ทุกวันย่อมอยากอยู่แต่ในเมืองหลวงไม่ออกไปไหน เมืองหลวงราวสวรรค์เช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องน่าสนุกมากมายเท่าไร เดินครึ่งเดือนก็ใช่ว่าเดินชมหมด นับประสาอันใดกับคนพวกนี้ที่เป็นชายหนุ่มในวัยรักความสนุกสนาน แม้ว่าไม่ไปเมืองหลวง ก็ย่อมต้องเดินเล่นละแวกโรงบ้านบ้าง ละแวกนี้ก็มีนางคณิกำอยู่ มีโรงสุรา มีบ่อนพนันครบ ออกมาหาความสำราญก็ดี แต่ไม่เห็นพวกเขาออกมาอันใด
แปลกก็ส่วนแปลก ความแปลกของตระกูลใหญ่ๆ เห็นแล้วก็มองผ่าน เข้าไปเกี่ยวเนื่องด้วยย่อมนำภัยมาสู่ตัว หลายวันก่อนในเมืองมีคนมาถาม เจ้าหนุ่มรับใช้ข้างบ้านปากมาก เอาเรื่องไปบอกคนนั้นได้มาสามตำลึง ไปหาสุราและกับแกล้มดื่มกิน ปรากฏว่าตอนกลับบ้านถูกเจ้านายตบบ้องหู่ด่ากราดไปรอบหนึ่ง
วันนี้ในเมืองมาอีกหลายร้อย ยังมาพร้อมรถม้าใหญ่สองคัน ยังมีพวกขี่ม้ามาอีก แสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติ และจากเส้นทางหลวงมายังที่นี่เห็นๆ ว่าเป็นเส้นทางใหญ่ กลับไปอ้อมหมู่บ้านมา ทุกคนหลบให้ไกลหน่อยดีกว่า
**********
“โรงบ้านนั้นด้านนอกมีสี่คนเฝ้าประตู ที่เหลืออยู่ด้านในหมด”
ชายในชุดดำ สวมหมวกปิดบังใบหน้ากล่าวขึ้นเบาๆ ข้างกายยังวางหาบเร่ไว้ ท่าทางเหมือนพวกหาบเร่ค้าขาย”
“เฉินเหล่าลิ่วและพี่น้องเขาเดินสำรวจรอบๆ ที่นี่มาสามวัน ล้วนกระจ่างหมดทุกพื้นที่!”
หลี่ว์วั่นไฉในชุดขุนนางสีครามนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้กล่าวขึ้น ในห้องเงียบกริบ ล้วนเป็นชายไม่กล่าวอันใด หวังทงยืนไพล่มืออยู่ข้างโต๊ะ ถามว่า
“ข้างในมีคนเท่าไร?”
“เรื่องนี้น่าละอาย จับตาดูหลายวันไม่รู้ว่ามีผู้ใดเข้าออกบ้าง ได้แต่แอบซุ่มดูอยู่ด้านนอกเงียบๆ เท่านั้น ข้าน้อยไปถามจากคนขายเนื้อขายผักมา เดาว่าข้างในน่าจะ 70-80 คนได้”
หวังทงพยักหน้า ถานเจียงข้าง ๆ ในชุดชาวบ้าน เหมือนพ่อค้ามองดูคนผู้นั้นออกไป จึงอดไม่ได้กล่าวว่า
“นายท่าน คนพวกนี้ส่งพวกข้าน้อยไปจัดการก็ได้ เหตุใดต้องมาเสี่ยงด้วยตนเองด้วย นายท่านก็รู้ ตอนนี้ทุกแห่งจับตาดูแน่นหนา หากถูกพบเข้า ก็คงมีเรื่องยุ่งยากตามมา!”
หวังทงโบกมือ ในห้องนอกจากหลี่เหวินหย่วน หลี่ว์วั่นไฉและพวกขุนพลตระกูลถานแล้ว ก็ล้วนให้ออกไปด้านนอกหมด พอปิดประตูลง หวังทงจึงได้กล่าวว่า
“คนในนั้นล้วนเป็นทหารเชี่ยวชาญมีฝีมือจากชายแดน คนศาลซุ่นเทียนกับสำนักองครักษ์เสื้อแพรถนนทักษิณจะจัดการพวกมันก็ต้องขอให้กำลังที่อื่นเข้าช่วย พอตามคนนอกมาก็จะทำให้เป็นที่รู้มากไป อย่างไรพวกเราลงมือกันเองดีกว่า และคนพวกนี้ไม่อาจเปิดตัวต่อสาธารณะ ข้าต้องการถามบางเรื่องต่อหน้า”
กล่าวเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็ย่อมไม่อาจกล่าวอันใดต่อ หวังทงถอดชุดบุนวมตัวนอกออก กล่าวว่า
“สวมเกราะเตรียมปฏิบัติการได้ ออกเดินทางได้!”
ด้านนอกสวมเสื้อนวมหนา ก็เพราะด้านในสวมเกราะอยู่ หวังทงสวมแค่ช่วงหน้าอก แล้วก็เครื่องป้องกันแขน พอถอดนวมออกก็สวมแค่หมวกเกราะเท่านั้น
ในห้องเสียงดังเคร้งคร้างครู่หนึ่ง ทุกคนก็อยู่ในชุดเกราะพร้อมอาวุธเรียบร้อย ตอนหวังทงเดินออกมาจากห้อง แต่ละคนก็เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย
“ถานกงนำสามคนไปแอบซุ่มยิง มือปราบของใต้เท้าหลี่ว์กับทหารสำนักองครักษ์เสื้อแพรถนนทักษิณปิดท้าย คนอื่นๆ ตามข้ามา!!”
จัดการง่ายๆ ทุกคนรับคำพร้อมเพรียง หลายคนรีบวิ่งออกไป หวังทงนำคนเดินมาถึงด้านหน้ารถใหญ่ สั่งการทุกคน
“ทุกคนผลักพร้อมกัน ไปได้เร็วหน่อย!”
อากาศหนาวพื้นเป็นน้ำแข็ง แข็งราวกับเหล็กหนา ม้าวัวลากด้านหน้า รถใหญ่เคลื่อนไปได้อย่างสะดวก ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีแรงคนดันอีกแรง เคลื่อนไปข้างหน้ายิ่งเร็ว
พื้นที่แห่งนี้เดิมก็ไม่กว้างใหญ่ เคลื่อนที่เร็ว ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูโรงบ้าน ตั้งแต่สั่งการพวกถานกงให้แอบซุ่มอารักขามาถึงตอนนี้ก็ไม่ได้นานสักเท่าไร
ตลอดทางที่เข็นรถมาถึงหน้าโรงบ้าน คนเฝ้าด้านหน้าประตูโรงบ้านเห็นก็ตกใจร้องตะโกนดัง ก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าประตูไป
“ปลดสัตว์ออก เร็ว!!”
หวังทงตะโกนสั่งเสียงดัง ทหารด้านหน้ารีบปลดเชือกอานออก พวกหวังทงประคองรถสองข้างเอาไว้ พวกพลธนูของถานกงยืนอยู่ด้านหลังรถใหญ่
สัตว์ลากถูกปลดออก ผ้าคลุมรถใหญ่ถูกเปิดออก ปรากฏเป็นท่อนไม้ใหญ่ท่อนหนึ่ง ถูกท่อนไม้ตรึงไว้บนรถ หวังทงตะโกนดังว่า
“ทุกคนใช้แรงดันรถไปทางประตูใหญ่!!”
คนที่ประคองรถอยู่ก็เฮโลพร้อมกัน ออกแรงเข็นไปด้านหน้า เสียงเฮโลออกแรงดังพร้อมกัน รถใหญ่เคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
คนด้านในกำแพงมีคนตะโกนร้องไม่หยุด ระยะห่างไม่กี่สิบก้าวเช่นนี้ มีคนยืนขึ้นบนหลังกำแพงพร้อมธนูในมือ
ทางฝั่งหวังทง พวกถานกงด้านท้ายรถก็วิ่งออกมา พวกเขาน้าวสายธนูไว้ก่อนแล้ว ค่อย ๆ ยืนให้มั่น ก่อนจะยิงเรียงไปยังบนกำแพง
พวกถานกงเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว พวกบนกำแพงไม่รู้ว่าว่าด้านล่างมีคนรออยู่ การเคลื่อนไหวยังไม่นิ่งดี ธนูด้านล่างก็ยิงขึ้นมา ได้ยินเสียงร้องโหยหวนร่วงจากกำแพงติดๆ กัน ยิงร่วงไปหมดแล้ว
พวกหวังทงเข็นรถใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว มาชนกับประตูโครมใหญ่ ในเวลาสั้นๆ คนด้านในคิดจะหาสิ่งของมาดันประตูไว้ก็ไม่อาจหาได้ ไหนเลยจะดันประตูปิดอยู่ได้
‘โครม!!’ ดังสนั่น ได้ยินเสียง ‘ครืน’ ตามมา กลอนประตูและที่ค้ำยันล้วนหักระเนระนาดกับพื้น ประตูเปิดกว้าง
พอประตูเปิดออก ทุกคนก็หดหัวหนีหายกันไปหมด คนด้านหน้าสองคนคว้าโล่บังไว้ บุกเข้าไป
‘ฉึกๆ ’ ดังติดกัน ลูกธนูหลายดอกปักเข้าที่โล่ หรือไม่ก็ปลิวข้ามหัวพวกหวังทงไป คนด้านในแหวกเป็นทางระยะห่างพอควร ไม่มีผู้ใดกั้นขวางประตูอีก
เป็นทหารชำนาญการต่อสู้จริง พวกที่มาขวางหน้าประตูล้วนมาแค่เพิ่มจำนวนคนตายเท่านั้น เหลือพื้นที่ไว้สำหรับฆ่า คนสองคนด้านหน้าถือโล่บุกเข้าไป ด้านหลังก็ตามกันกรูเข้าไป
หวังทงอยู่บนรถใหญ่ได้ยินเสียงสังหารโจรในลานด้านใน หวังทงบรรจงหยิบกระเป๋าย่ามมาสะพายพาดไว้ตรงหน้าอก ใช้เชือกรัดกับชุดเกราะให้แน่น ค่อยๆ จัดให้เรียบร้อยสักหน่อย ก่อนจะก้าวเท้าๆ ยาวๆ เข้าไปลานด้านใน
ในลานแม้ว่ากว้าง แต่พอก้าวเข้าประตูไป มีประตูข้างสองด้าน เป็นเพียงไม่กี่ห้องเชื่อมกับลานด้านหลัง คิดจะบุกเข้าสังหาร ก็จำเป็นต้องทำลายปากทางนี้ก่อน
ไม่เช่นนั้นหากด้านหน้าถูกปิดกั้นไว้ พวกโจรได้หนีออกทางประตูหลังหรือไม่ก็ปีนกำแพงหนี เช่นนั้นก็กลับบ้านมือเปล่าแทน หลักการนี้หวังทงกระจ่างเป็นอย่างดี อีกฝ่ายก็ย่อมกระจ่างเช่นกัน
พอก้าวเข้าประตูใหญ่ก็มีคนสิบกว่าคนปิดทางอยู่ ตะโกนให้ต่อสู้ ทางนี้ใช้ทวนยาว อีกฝ่ายก็ใช้ทวนยาวแทงใส่เช่นกัน
“ถานกงนำพลธนูขึ้นไปด้านบน บนหลังคา!!”
พลธนูพอเข้ามาด้านในก็กลัวยิงพลาดโดนพวกเดียวกัน ไม่กล้ายิงต่อ พอขึ้นไปด้านบน ระยะมองและมุมมองก็กว้างขึ้นมาก ข้างกายหวังทงมีทั้งถานเจียงและหลี่เหวินหย่วน เหมือนกับในปีนั้นที่ล้วนใช้ทวนยาวกัน
หวังทงก้าวเดินไม่หยุด มุ่งเข้าสังหารในพื้นที่ที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เขายกสองมือขึ้นเล็ง ปืนสั้นในมือทั้งสองเล็งไปยังเป้าหมายพลางตะโกนดังว่า
“ด้านหน้าหลบไป!!”
ทหารกองกำลังหู่เวยมีสองคนบาดเจ็บ หลั่งโลหิตแล้ว แต่มีชุดเกราะกองกันอยู่ ทว่าโจรในนั้นไม่ทันตั้งตัว และยังถูกบีบให้ค่อยๆ ถอยกลับเข้าไป แต่หากปล่อยเข้าไปในห้อง อาศัยพื้นที่กำบังแล้วก็จะยุ่งยากไม่น้อย
อย่างไรก็ได้เปรียบอยู่ ยามนี้บีบให้พวกโจรหลีกทาง แต่ละคนกำลังสับสนด้วยคำสั่งทหารหนักแน่นดังภูผา หากก็ยังแหวกเป็นทางให้อย่างไม่รู้ตัว
10 กว่าคนที่ปิดทางอยู่รู้สึกว่าด้านหน้าที่กำลังตึงเริ่มเครียดผ่อนลง เห็นคนหลีกทาง กำลังคิดจะบีบล้อมเข้าไป ก็เห็นสามคนด้านหน้า ตรงกลางเป็นชายหนุ่มในชุดเกราะตั้งปืนเล็งมา
ไม่มีเชือกชนวนจุดไฟ หรือว่าไฟไม่ติด โจรหลายคนเห็นโอกาสอยู่เบื้องหน้า ตะโกนดังกรูเข้าใส่ เสียงดังโหวกเหวกในลานพร้อมกับเสียงสู้กันเป็นระยะๆ
‘ปัง ปัง’ ดังขึ้นสองเสียง ปืนสั้นยิงออกไป คนสองคนที่ขวางทางถูกยิงพอดีหน้าอกเปิดเป็นรูเลือดไหลทะลัก ล้มลงหงายตึงไปทันที
โจรเห็นว่าตายไปสองคนตรงหน้า กลับไม่ถอย ประสบการณ์มากจริง หากกลับก้าวขึ้นหน้ามากดดันต่อ อาศัยจังหวะอีกฝ่ายไร้อาวุธกรูกันเข้าใส่
หวังทงโยนปืนสั้นในมือสองกระบอกทิ้ง สองมือคว้าเอาปืนอีกสองกระบอกในย่ามสะพายออกมา ขึ้นไกปืนยิงด้วยกลไกไม่ต้องจุดไฟ แน่นอนจึงไม่ต้องเตรียมเชือกชนวนจุดไฟ
‘ปัง’ ดังขึ้น โจรคนหนึ่งถูกยิงเข้าที่หัว ครึ่งหน้าหายไปทันที ก่อนจะล้มลง อีกคนตัวสั่น ไม่ได้เป็นอันใด ปืนอีกกระบอกติดขัด โจรผู้นั้นร้องตะโกนดัง บุกเข้าใส่ต่อ
หวังทงกลับไม่รน ถอยไปสองก้าว โยนปืนสั้นในมือทิ้ง ก่อนจะควักเอาปืนออกมาอีกสองกระบอกจากกระเป๋าย่ามด้านหน้า เหนี่ยวไกปืน พอเสียงดัง ก็มีสองคนถูกยิงตาย
พวกโจรที่อุดกันอยู่ตรงโถงชั้นที่หนึ่งจะเดนตายอย่างไรก็ย่อมเกรงกลัวปืนที่ควักออกมายิงแล้วตายทันที เห็นในมือหวังทงควักลงไปในกระเป๋าย่าม แต่ละคนก็ตะโกนร้องลั่นก่อนจะหันหลังได้ก็รีบวิ่งหนีทันที
ครั้งนี้หวังทงควักมีดสั้นออกจากกระเป๋า ตัดเชือดที่ผูกย่ามกับเกราะทิ้ง ก้มลงคว้าทวนยาวขึ้นมา ตะโกนดังว่า
“บุกเข้าไปสังหารทิ้ง!!”