Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 568

ตอนที่ 568 กล้าหาญไม่อาจต้านทาน ยกขวานสับถามโจร

ในโรงบ้านนี้ไม่มีที่นา พอเข้าไปในเรือนมีหลายชั้นซ้อนกัน ทุกที่ล้วนเป็นอาคารตัวเรือน การต่อสู้ก็ซับซ้อนยิ่งขึ้น ไม่กล้ากล่าวว่าที่ใดมีโจรซ่อนอยู่บ้าง

แต่ทหารกองกำลังหู่เวยของหวังทงคุ้นเคยกับสภาพการณ์เช่นนี้ พวกโจรย่อมไม่รู้ว่าจะใช้ความได้เปรียบนี้ได้อย่างไร ประตูแรกที่เป็นเขตป้องกันถูกตีพ่าย พวกโจรได้แต่ล่าถอยไปตามทาง

พวกหวังทงมีประสบการณ์การต่อสู้มาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน พลทวนยาวในชุดเกราะอยู่ด้านหน้า พลโล่และดาบตามอยู่ข้างๆ ด้านหลังเป็นพลธนู สู้ประชิดได้ สู้ระยะไกลได้

พวกโจรแม้ว่าฮึกเหิม แต่ความรู้ในการรบก็มีอยู่ สภาพตอนนี้พื้นที่แคบ พวกเขาคิดจะกางแถวออกก็ไม่สะดวกด้วยไร้พื้นที่

เข้าไปในเรือนชั้นในก็แคบกว่าด้านหน้าอีกเล็กน้อย ด้านหน้าอย่างไรก็ปิดทางไว้แล้ว ก็ต่อเวลาให้พวกด้านหลัง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า พวกสำนักองครักษ์เสื้อแพรจะปรากฏตัวเร็วเพียงนี้

เห็นทหารบุกเข้ามา พวกที่ตกใจอยู่ก็ได้แต่ตะโกนดังเตือนให้เพื่อนด้านหลังระวังตัว ให้กำลังใจกันและกัน เตรียมสู้ตาย ไม่ใช่การต่อสู้ในเรือนชั้นนอกแล้ว ยามนี้พลธนูก็เตรียมการพร้อม พวกหวังทงไม่ได้บุกเข้าไป พลธนู 10 กว่าคนคว้าธนูขึ้นน้าวยิงไประลอกหนึ่ง

ระยะห่างไม่ถึง 30 ก้าว ลูกธนูดังห่าฝนยิงล้มไป 8 คน ที่เหลือก็คิดสู้ตาย แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็มีแต่ล้มตายลง จะต้านทานไหวได้อย่างไร ได้แต่กลับหลังหันได้ก็วิ่งหนีทันที

ในมือหวังทงถือทวนยาวไว้ ทวนยาวถูกเขาหักทิ้งไปครึ่งหนึ่ง ในห้องเช่นนี้ ทวนสั้นย่อมสำแดงฝีมือได้ง่ายกว่า

เขายิงปืนทั้งหมดแล้ว ตัวที่แบกน้ำหนักอยู่ก็เบาลงมาก ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว ในใจก็เหมือนมีความโมโห หลี่เหวินหย่วนและถานเจียงตามไปติดๆ หากก็ยังทิ้งท้ายอยู่ราวครึ่งก้าว

เพิ่งจะล้อมเรือนชั้นในชั้นที่สองประตูข้างไว้ ก็ก้าวเข้าไป ประตูข้างมีแสงดาบกระทบตา แทงเข้ามา ทหารติดตามด้านหลังไม่ทันเข้ามารับมือด้านหน้า มีคนตกใจร้องดังขึ้น หวังทงไม่อาจถอยหลัง ได้แต่ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไป ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบ

เรื่องเกิดกะทันหัน ไม่อาจตอบโต้อันใดมากนัก แต่พอเบี่ยงตัวหลบ คมดาบของอีกฝ่ายก็แทงเข้ามาแทบจะพอดีกัน ได้ยินเสียงแสบแก้วหูดังขึ้น ทวนยาวในมือหวังทงเหมือนจะแทงออกไปพร้อมกัน อีกฝ่ายไม่มีเสื้อเกราะอย่างดีเช่นนี้ จึงถูกทวนยาวแทงทะลุเข้าไหปลาร้าทันที

ครั้งนี้ไม่ได้บังคับกำลังให้ดี ทวนยาวไปติดอยู่ตรงร่องกระดูกของอีกฝ่าย โจรที่อยู่ ๆ โดนแทงใส่ก็ตายทันที ปากยังมีเลือดทะลักออกมาไม่หยุด ถึงกับใช้มือคว้าทวนยาวแน่นไม่ยอมปล่อย จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา มีคนตะโกนพุ่งเข้าใส่ หวังทงโยนทวนสั้นทิ้ง ก้มตัวหลบกลับ คว้าดาบสั้นออกมาจากชุดเกราะ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ทวนยาวไม่อาจแสดงฝีมือเต็มที่ คนด้านหลังยกดาบใหญ่ในมือขึ้น หวังทงฝึกฝนร่างกายทุกวันก็เพื่อยามนี้ยามเดียว เอี้ยวตัวย่อลง ก่อนจะใช้กำลังเต็มที่

อีกฝ่ายคิดว่าเขาจะยึดทวนยาวไว้ไม่ปล่อย คิดไม่ถึงว่ากลับปล่อยมือเบี่ยงตัวหลบแล้วพุ่งเข้ามา ดาบใหญ่ในมือไม่ได้ฟันลงไป หากถูกหวังทงจับแทงเข้าอก ดาบสั้นในมือหวังทงอยู่ด้านหน้าท้องของคนผู้นั้น คนผู้นั้นส่งเสียงร้องดังก่อนจะล้มลง

หลี่เหวินหย่วนกับถานเจียงด้านหลังออกมาจากประตูข้าง เห็นหวังทงแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า หวังทงเพิ่งจะก้มลงเก็บทวนสั้น หลี่เหวินหย่วนกับถานเจียงก็มาขวางอยู่ด้านหน้า หวังทงคิดจะเร่งเดิน แต่สองคนนั้นก็มักจะมาขวางอยู่ด้านหน้า

กลุ่มหวังทงทางนี้ผู้ใดขวางถึงแก่ชีวิต หลี่เหวินหย่วนกับถานเจียงถือทวนยาวในมือ สภาพรอบๆ และพื้นที่ว่างเหมือนไม่ส่งผลกระทบอันใด ทวนยาวทั้งสองราวกับอสรพิษร้ายเลือกฉกคน ทุกครั้งที่แทงออกไปย่อมสังหารโจรถึงชีวิต

ตั้งแต่หวังทงใช้ปืนสั้นทำลายด่านป้องกันแรกลง พวกโจรก็ไม่อาจรวมกำลังกันต่อต้านได้อีก

“พี่น้องต้านเอาไว้ ตั้งแถวสู้กันที่นี่รุกสังหารกลับไป ออกไปเช่นนี้ ด้านนอกย่อมต้องมีคนปิดกั้นเส้นทางไว้แล้ว!”

พวกหวังทงไล่ล่ามาถึงลานด้านหลัง ก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังตะโกนให้ทุกคนรวมตัวกัน หวังทงเดินเข้าไปสองสามก้าวอย่างช้าๆ สายตาเย็นเยียบมองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า รอให้ทหารตนเองออกมาครบก่อน

ไม่นานพวกพลทหารองครักษ์เสื้อแพรและกองกำลังหู่เวยก็กรูกันออกมา หวังทงหันไปกล่าวกับถานเจียงว่า

“เห็นจะเป็นพวกทหารจริง หากเป็นพวกนักเลงทั่วไป ยามนี้ก็คงแตกพ่ายกระจัดกระจายกันไปแล้ว”

ถานเจียงพยักหน้านิ่งๆ ตอนนี้ในยุคนนี้ นอกจากกองกำลังทหารแล้ว ไหนเลยจะมียุทธวิธีเช่นนี้ในการต่อสู้ได้

หวังทงยกทวนสั้นในมือขึ้นโบก เป็นสัญญาณให้จัดแถว แค่นหัวเราะเสียงเย็นกล่าวว่า

“น่าเสียดาย ชายชาติทหารมีฝีมือ กลับไม่ไปป้องกันประเทศ สู้กับพวกมองโกล”

“พวกเจ้า หากยอมวางอาวุธ บางทีอาจยังมีทางรอดชีวิต!!”

หวังทงตะโกนดังขึ้น อีกฝ่ายตั้งแถวก่อน กลับไม่ได้รวดเร็วเหมือนแถวทัพหวังทง เห็นทหารหวังทงตั้งแถวรวดเร็วเช่นนี้ แต่ละคนก็เผยสีหน้ำตกตะลึง

จัดแถวเสร็จ หวังทงก็เดินไปยังปีกขวา ยกทวนขึ้นโบก ตะโกนดังว่า

“ผู้ใดไม่ยอมวางอาวุธสังหารให้หมด!!”

กล่าวจบก็ก้าวไปด้านหน้า แม้ว่าจัดแถวเพียงไม่กี่สิบนาย แต่ดูแล้วทรงอานุภาพมาก ราวกับทหารนับพัน อีกฝ่ายหากหันหลังวิ่งหนีก็คงโดนสังหารสิ้น ยามนี้ได้แต่ร้องตะโกนดังก่อนจะบุกสู้ตาย

แต่ทว่าวาจาหวังทงให้ยอมวางอาวุธ ทำให้คนที่จิตใจไม่มั่นคงเริ่มสั่นคลอน เพื่อนรบด้านหน้าบุกเข้าไป ด้านหลังกลับมีหลายคนโยนอาวุธทิ้ง หลบออกข้าง

พวกโจรบุกขึ้นหน้าได้ไม่กี่ก้าว ลูกธนูหลายสิบดอกก็พุ่งมาอย่างเร็ว กวาดไประลอก จากนั้นก็เป็นพลทวนยาวเรียงหน้ากระดานเรียบร้อย คนน้อยต่อกรกับคนมาก กำลังแท้จริงและอานุภาพย่อมสู้ไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวอันใดอีกแล้ว

ภาพตรงหน้า พวกโจรถูกกองกำลังหู่เวยและสำนักองครักษ์เสื้อแพรปลดอาวุธทิ้ง ทางหวังทงเหมือนไม่ได้เสียหายอันใด การต่อสู้ครั้งนี้ อย่าเรียกว่าตีโต้กลับสักครั้งเลย เพราะแม้แต่วิ่งหนียังไม่มีโอกาส

เห็นรูถูกแทงโลหิตไหลทะลักออกมา ก่อนจะล้มดิ้นพราดกับพื้น ถึงกับยังมีแรงร้องโหยหวนอยู่อีกเล็กน้อย พวกที่ขี้ขลาดก็ไม่อาจทนต่อได้แล้ว

เดิมพวกเขาเป็นผู้กล้า แต่พอเห็นพวกที่แข็งแกร่งกว่าตน หลังจากปะทะกันแล้ว ก็หวาดกลัวถึงขีดสุด ความมั่นใจสูญสลายไปหมดสิ้น การต่อสู้ด้านหน้ำยามนี้หลงเหลือเพียงสนามโลหิตไหลนอง เพื่อนทหารด้วยกันส่งเสียงร้องโหยหวน ทำให้พวกเขาไม่คิดอยากต่อสู้ต่อแม้แต่น้อย ได้แต่ขอยอมแพ้

หวังทงสะบัดทวนยาวในมือ กล่าวกับหลี่เหวินหย่วนว่า

“นายกองร้อยหลี่นำทหาร 30 นายไปตรวจในโรงบ้านรอบหนึ่ง ถานเจียงนำคนไปจับตัวพวกที่ยังมีชีวิตรอดมัดเอาไว้ที่หน้าห้องหนังสือ พวกที่บาดเจ็บก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้ สังหารทิ้งให้หมด!!”

ยามนี้ ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังจากด้านนอก ประตูหลังเปิดกว้าง หลี่กุ้ยยื่นหน้าเข้ามาอย่างตื่นเต้น ตะโกนเสียงดังว่า

“ใต้เท้าหวัง หนีออกไป 4 คน ถูกพวกเราจับตัว……”

กล่าวได้ครึ่งเดียวก็เห็นศพมากมายเต็มพื้นพร้อมกลิ่นคาวเลือด รู้สึกแค่กลิ่นคาวเลือดปะทะจมูก ก็คลื่นเหียนจะอาเจียนแล้ว กุมปากวิ่งกลับออกไป มือปราบและเจ้าหน้าที่ศาลซุ่นเทียนที่เก่งฉกาจก็แค่เคยพบเห็นคดีสังหารมาไม่กี่คดี ภาพเหตุการณ์เช่นนี้จะทนรับไหวได้อย่างไร รีบออกไปอาเจียนทันที

นี่เป็นเรื่องขำๆ แทรกระหว่างปฏิบัติการเล็กๆ ทำเอาทุกคนฮาครืน หวังทงกล่าวว่า

“ถานกง เจ้านำคนไปเฝ้าข้างนอกไว้ ส่งเข้ามาทีละสองคน ไม่ให้ผู้ใดแอบฟังเด็ดขาด เจ้าก็ห่างออกไปสามก้าว”

ถานกงเอ่ยรับคำ หวังทงหันหลังกลับไปเดินต่อ

เดินไปถึงโถงด้านหน้า พลทหารสำนักองครักษ์เสื้อแพรที่มาด้วยกันก็เห็นหวังทงเดินมา ล้วนคำนับอย่างนอบน้อม สำนักองครักษ์เสื้อแพรถนนทักษิณไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ออกจากหน้าที่นี้ไปอย่างน้อยก็ได้เป็นนายกองธงเล็ก ต่อมาค่อยแย่งชิงกันเข้าไปเป็นนายกองร้อยแห่งสำนักองครักษ์เสื้อแพรถนนทักษิณ ได้โอกาสฝึก และยังได้โอกาสลืมตาอ้าปาก

คนที่เข้ามาทีหลังมีมาก ส่วนใหญ่เคยได้ยินแค่ชื่อหวังทง สิ่งที่เขาเคยพบเห็นเคยได้ยินมาในเมืองหลวงทำให้ล้วนรู้สึกว่าหวังทงเป็นขุนนางใกล้ชิดที่ทรงไว้พระทัยเพราะหาโอกาสช่องทางใกล้ชิดฝ่าบาท เปิดร้านมีความสามารถทำอาหารอร่อยล่อพระทัยฝ่าบาท แต่ความสามารถในการต่อสู้นั้นได้ยินน้อยมาก หลี่เหวินหย่วนแม้ว่าขาไม่ดี แต่ฝีมือทวนล้ำเลิศ อยู่บนหลังม้าหรือลงจากหลังม้าก็ไม่ต่างกัน ได้รับความนับถือจากพวกเขาไปมาก

ครั้งนี้คัดเลือกคนปฏิบัติงาน ได้พบหวังทง ได้เห็นบุคคลในข่าวลือ ที่ไม่ได้แปลกจากที่ว่ากัน เพียงแต่ร่างกายแข็งแรงกว่าที่คิดสักหน่อย และอายุน้อยกว่าที่คิดอยู่สักหน่อย

พอเริ่มสังหาร ทุกอย่างไม่ใช่ดังคิด หวังทงสั่งการแม่นยำไม่ว่า หากบุกด้านหน้ากล้าหาญอย่างมาก ช่างองอาจเกรียงไกรเสียจริง อาวุธจริงสังหารศัตรูจะทำให้เห็นความสามารถแท้จริงได้ดีที่สุด แม้ว่าพบกันครั้งแรก แต่ความสามารถของหวังทงทำให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดไปทั้งหมด ในใจล้วนให้การยอมรับ

หวังทงเดินอยู่เรือนด้านหน้า เก็บขวานสั้นขึ้นมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะฉีกผ้าม่านมาเช็ดหัวขวานอย่างไม่นำพาอันใด

เดินเข้าไปในห้องโถงกลาง เห็นทหารติดตามกำลังเก็บปืนสั้น หวังทงหัวเราะเดินเลี้ยวเข้าห้องหนังสือไป ที่เรียกว่าห้องหนังสือก็แค่ห้องที่เป็นเรือนด้านข้าง เป็นห้องเงียบสงบมาก

ในห้องไม่เห็นเครื่องเขียน หมึก พู่กัน แท่นฝนหมึกหรือกระดาษอันใด เป็นเพียงโต๊ะสี่เหลี่ยม หวังทงยกเท้าถีบโต๊ะและเก้าอี้ออก เช็ดสักหน่อยก่อนถานกงด้านนอกจะตะโกนบอกว่า

“นายท่าน นำตัวพวกโจรที่ยังมีชีวิตอยู่มาแล้ว!”

“ส่งเข้ามา!!”

กล่าวจบ ประตูเปิดออก คนที่ถูกมัดไว้แน่นสองคนถูกผลักเข้ามา ประตูปิดลง ถานกงกล่าวต่อว่า

“ข้าน้อยจะถอยห่างออกไป!”

เงียบไปครู่หนึ่ง หวังทงเดินไปยังหน้าคนทั้งสอง ถามเสียงเยียบเย็นว่า

“ผู้ใดใช้พวกเจ้ามา?”

สองคนล้มลงกับพื้น หัวยังไม่เงยขึ้น ก็ดิ้นรนสบตากัน ก่อนจะลังเลไม่กล่าวอันใด ได้ยินเสียงลมดังข้ามหัว หวังทงยกด้ามขวานฟันลงมาแล้ว……

“เป็นนายท่านอวี๋ เป็นหย่งเซิ่งป๋อ!!”

พวกที่ยอมวางอาวุธในสนามรบเดิมก็ไร้ความกล้าหาญอยู่แล้ว ตอนนี้ศีรษะแดงฉานไปด้วยโลหิตสดของเพื่อนข้างๆ เพื่อนข้างๆ ที่ไร้ศีรษะ โลหิตเจิ่งนอง กำลังซึมเข้าสู่เสื้อผ้าตน ไม่บ้าไปก็นับว่าไม่เลวแล้ว ไหนเลยจะยังปากแข็งต่อไปได้ ตะโกนชี้ตัวผู้บงการออกมาดังลั่น

“เก็บหัวออกไป ที่ยังรอดชีวิตให้อุดปากไว้ให้แน่น นำตัวไปเทียนจิน!”

หวังทงนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องหนังสือ ตามตัวมีเปรอะเปื้อนโลหิตสดไม่น้อย ถือขวานไปขีดเขียนพื้นไปมา กล่าวอย่างเหนื่อยล้าอยู่บ้าง หลี่ว์วั่นไฉเบี่ยงตัวหลบให้ทหารนำศพออกไป ก่อนจะยกชุดขึ้นก้าวเข้ามาถามว่า

“สืบได้ตัวบงการแล้วหรือยัง?”

“เป็นดังที่คิดไว้ เป็นทหารที่หย่งเซิ่งป๋อเลี้ยงไว้ ทว่า คนบงการพวกมันไม่ใช่ตระกูลอวี๋ ยังมีผู้อื่นอีก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!