ตอนที่ 576 นั่งดูโจรร้อนใจ ใจเรากังวลยิ่ง
“ข้าน้อยเดิมอาศัยอยู่ที่ชายทะเลนอกเมือง ในตอนนั้นเชื่อในลัทธิไตรสุริยัน ตอนเลือกคนก็เลือกคนที่ร่างกายแข็งแรง เพราะข้าน้อยพูดจาโน้มน้าวเก่ง จึงได้ถูกหัวหน้านาวา……อ้อไม่ใช่หัวหน้านาวาอันใด เป็นหัวหน้าโจร……”
คนผู้นี้เป็นขันทีที่สตรีทุกคนเรียกว่า ‘ลิ่วเหนียงจื่อ’ พอสถานะเปิดเผย ก็รีบเล่าทุกสิ่งอย่าง เดิมสตรีที่หวาดกลัวกันอยู่แล้ว พอได้ยินว่าคนปกติที่พบเจอกันถึงกับเป็นชายที่ไร้อัณฑะ ต่างรู้สึกอับอายและโมโห พากันปล่อยโฮดัง ถึงขั้นนี้ พวกนางไม่มีหน้าไปพบผู้คนแล้ว กลับบ้านไปผูกคอตายก็เป็นได้ แต่เรื่องพวกนี้เป็นศักดิ์ศรีส่วนตัว ไม่มีผู้ใดสนใจ
บรรดาสตรีที่บูชา ‘พระศรีอาริย์’ ล้วนถูกจับกุม และใช้สถานที่หนึ่งในจวนใหญ่นี้สอบปากคำ ‘ลิ่วเหนียงจื่อ’
พวกตอนตนเองนั้นล้วนมีความสับสนในพลังหยางและพลังหยิน ความเป็นชายเริ่มถอถอย แต่งกายเป็นหญิง ก็ยากจะค้นพบความจริง
“……เดิมเข้าร่วมลัทธิไตรสุริยัน นอกจากได้กินอิ่มนอนอุ่นแล้ว ทุกครั้งที่ในวังมีคัดเลือกคน ก็จะคัดเข้าวังตามเวลาที่เข้าร่วมลัทธิก่อนหลัง แต่ช่วงก่อนที่เกิดคดีที่ศาลเจ้าแม่จิ่วเสียนในเมืองหลวง ทางการมาสืบคดีหลายครั้ง เบื้องบนไม่ออกหน้า ทุกคนล้วนไร้หนทาง ต่อมาทางการถอนตัวกลับ หัวหน้าโจรก็ไม่ค่อยช่วยเหลืออันใด……ลำบากกันมาสักพัก เห็นว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว การจะได้สำเร็จกายทองคำตามแนวลัทธิไตรสุริยัน จำเป็นต้องให้ทุกคนร่วมบูชา ผู้ใดเรียกคนบูชาได้มาก ผู้นั้นก็จะสามารถได้เข้าวังไปทำงานได้เร็ว……”
มิน่า ‘ลิ่วเหนียงจื่อ’ สามารถชักนำล่อลวงให้ทุกคนเชื่อได้ วาจาโน้มน้าวเก่งกาจเช่นนี้เอง เรื่องที่เขากล่าวมานั้นทุกคนฟังแล้วไม่เห็นจะมีอันใด แต่หวังทงที่เคยทำคดีนี้มา ย่อมรู้ว่าวาจานี้จริงหรือเท็จ
“……คดีที่ศาลเจ้าแม่จิ่วเสียน พวกริมทะเลเราก็เข้าทำการหลายครั้ง สั่งสมเงินทองได้มากมาย ครั้งนี้เบื้องบนบอกว่า หากทุกคนรวบรวมเงินส่งขึ้นไป ไม่เกินสามวันจะส่งงานให้ทำ ยังมีพวกสวมชุดในวังมาเดินที่นี่รอบหนึ่งให้ดู เมื่อเป็นเช่นี้น ทุกคนก็หวั่นไหว เมืองหลวงจับตาดูแน่นหนา ทุกคนก็ออกมาทำการนอกเมืองแทน……เมื่อก่อนเป็นคนอำเภอจิ้งไห่ ต่อมาค่อยมาเทียนจิน……”
หวังทงพยักหน้า โบกมือให้คนนำตัวออกไป ออกคำสั่งว่า
“ให้จางซื่อเฉียงสอบปากคำอีกรอบ บันทึกคำให้การลงชื่อเสร็จ ส่งไปลงคุกใต้ดินในเมือง ให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไปให้ดี”
ทหารด้านหลังรับคำ หวังทงส่งสัญญาณให้ออกไปได้ นั่งคิดอยู่คนเดียวในห้องนั้นสักครู่ พอออกไปก็นำทหารกลับเข้าเมือง
ทิ้งทหารสำนักองครักษ์เสื้อแพรเกือบครึ่งไว้ที่นี่ ไปสอบถามและตักเตือนเพื่อนบ้านรอบๆ บอกว่ามาถึงเทียนจินก็ควรทำตามระเบียบที่นี่ อย่าได้ฝ่าฝืนระเบียบ หากมีคนเชื่อในพระศรีอาริย์ ศรัทธาบัวขาวอันใดอีก ก็ให้รีบมาฟ้องทางการ ทางการจะให้รางวัล หากรู้แล้วไม่รายงาน มีโทษเสมอกัน
ในใจคนทั่วไปคิดเสมอว่า ปีใหม่ทางการไม่จับโจร หากครั้งนี้หวังทงนำกำลังทหารมาจับกุมคนไปมาก ทำให้ทุกคนรู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก
การระวังตัวก็เรื่องหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพอปลายเดือนสิบสองย่างเข้าสู่ต้นปีรัชสมัยว่านลี่ 10 เวลาเดือนเดียว วัดทั้งในและนอกเมืองเทียนจิน รวมทั้งอารามเต๋าและสำนักนางนับบวชทั้งหลายล้วนถูกรายงานมาหลายรอบ การจะให้ราษฎรปกติทั่วไปแยกแยะว่าอันใดเป็นศาสนา อันใดเป็นลัทธิมาร ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
************
“ลัทธิไตรสุริยัน เริ่มจากเหอจินอิ๋น เบื้องหลังผู้นั้นยังคงหูตาไว กำลังวางไว้ทั่ว สุดท้ายทุกเรื่องล้วนมีเงาเขาอยู่เบื้องหลัง ทุกเรื่องถูกพวกเราทำลายสิ้น ถึงตอนนี้ รู้สึกว่าทำงนั้นเริ่มรู้สึกถูกบีบคั้น เริ่มลงมือไม่รอบคอบแล้ว”
หวังทงเดินวนอยู่ในห้องหนังสือตนเอง เดินไปกล่าวไปช้าๆ ทหารคนสนิทที่ร่วมอยู่ในเรื่องนี้ด้วยก็ล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว
“ปีนี้ไม่ต้องออกไปซ้อมรบ แต่พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าจะสบาย คนที่ส่งออกไปหาข่าวได้ให้ส่งออกไปให้หมด ที่อื่นช่างมัน หากเทียนจินจะต้องระวังปูพรมตรวจให้ทั่ว อย่าให้ผู้ใดหาช่องโหว่ได้ อย่าได้รอช้า ตอนนี้รีบไปจัดการด่วน!”
ทุกคนลุกขึ้นรับคำสั่ง หันหลังออกไป หลี่หู่โถวตอนกำลังจะออกไปก็ถูกหวังทงเรียกตัวไว้ กล่าวว่า
“หู่โถวอย่าเพิ่งไป ฟังข้าให้จบก่อน ไปเมืองหลวงครั้งนี้ ต้องให้เจ้าไปที่แห่งหนึ่งสักหน่อย!”
หลี่หู่โถวอึ้งไป ก่อนจะรับคำ สีหน้าหวังทงจริงจังกล่าวว่า
“ข่าวที่ส่งไปเมืองหลวงครานี้ อย่าได้ให้คนอื่นรับไปส่งต่อ หากไม่พบจางเฉิง จางกงกง ก็ต้องให้โจวอี้หรือเจ้าจินเลี่ยง นอกจากสามคนนี้แล้ว คนอื่นอย่าได้บอกไป เจ้าเข้าใจไหม?”
หลี่หู่โถวเห็นสีหน้าจริงจังของหวังทงก็รู้คำนับแบบทหารรับคำสั่งด้วยสัญชาตญาณ
หวังทงพยักหน้า หันหลังกลับไปหาหยางซือเฉินที่ยืนรออยู่ด้านหลังกล่าวว่า
“ท่านหยาง ข้าพูด ท่านจดไว้ มีฎีกาฉบับหนึ่ง……”
**************
“……ฝ่าบาท ไม่ต่างจากที่กระหม่อมเคยกราบทูล ขอเพียงฝ่าบาทยังคงมั่นคง ปฏิบัติการให้รอบคอบ กระหม่อมก็จะทำการระมัดระวัง ไม่ทำความผิดพลาด ทุกฝ่ายปฏิบัติการระวังป้องกัน ไม่เปิดช่องให้โจรชั่วลงมือ เช่นนั้นพวกมันก็ทำอันใดไม่ได้ ……พวกทำการในที่มืดและวางแผนยาวนาน ขอเพียงเราไม่เปิดโอกาสให้เกิดสถานการณ์ พวกโจรชั่วย่อมขัดขาตัวเองด้วยความร้อนใจ……เดิมบ่อนพนัน สำนักคณิกาในเมืองหลวงที่ใช้เพื่อถ่ายเทเงินทอง ยังมีการค้าบนทุ่งหญ้าเมืองต้าถงและซานซี กับการค้าริมทะเลเทียนจิน สองการค้าทำกำไรนี้ตอนนี้ล้วนถูกตัดขาดควบคุมไว้ได้ ตัดเส้นทางการเงินพวกมัน ย่อมไม่มีทางปฏิบัติการใดได้ ยิ่งบีบคั้นหนัก ก็ย่อมยิ่งให้ลูกน้องต้องออกมาหลอกต้มเงินทอง……แม้ว่าสถานการณ์กำลังดี ค่อยๆ ได้ร่องรอยโจรชั่ว แต่อย่างไรคนบงการตัวจริงก็ยังไม่เผยตัว ขอฝ่าบาทระมัดระวังขั้นสุด อย่าได้ชะล่าพระทัยไป……”
ฮ่องเต้ว่านลี่ประทับอยู่ในห้องทรงอักษร ฟังจางเฉิงอ่านฎีกาหวังทงอย่างตั้งใจ ในห้องเปิดช่องเล็กๆ เอาไว้เพื่อระบำยอากาศ นอกห้องให้เจ้าจินเลี่ยงจับตาดูความเคลื่อนไหวเอาไว้
เจ้าจินเลี่ยงจับตาดูอยู่ด้านนอก หากใจไม่อยู่ตรงนั้น เรื่องที่จางเฉิงเล่ามา เป็นข่าวที่เขาใส่ใจที่สุด ปีนั้นที่บิดามารดาถูกสังหารในคืนเดียว ตนเองเข้าวังมา เป็นความแค้นฝังลึกในใจ แต่ละปีผ่านไป ด้วยการทำงานของหวังทง เรื่องราวค่อยๆ ปรากฏออกมา
ปีนั้นเขาอายุยังน้อย เพราะเจ้าหน้าที่ศาลซุ่นเทียนปล่อยตัวคนสังหารบิดาออกจากคุก เขาคิดว่าแค้นนี้ต้องเปลี่ยนตัวให้เป็นขันทีใหญ่จึงจะมีอำนาจพอแก้แค้นได้ พอได้เข้าวังมาเป็นคนสนิทฮ่องเต้ สถานะสำคัญแล้ว ทุกคนไว้หน้าไม่ว่า หากยังได้รู้เรื่องลับมากมาย
ยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งเข้าใจ เบื้องหลังในแต่ละเรื่องนั้นล้วนมีผู้บงการในวัง และเกี่ยวพันกับอ๋องลู่อย่างแน่นอน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าจินเลี่ยงรู้สึกว่าเร่งร้อนไปไม่ได้
เจ้าจินเลี่ยงเข้าใจสถานการณ์ในวัง รู้ว่าไทเฮาทรงรักอ๋องลู่มาก หากว่าเกิดเรื่องจริง ตัวการย่อมถูกลงโทษหนัก แต่คนที่เกี่ยวข้องก็ย่อมถูกให้ร้ายว่าเป็นตัวการทำลายความสัมพันธ์แม่ลูกและพี่น้อง ก่อนตัวบงการจะถูกลงโทษ คนเปิดโปงนั้นย่อมถูกกำจัดก่อน
จะเป็นผู้ใดกัน จะเป็นอ๋องลู่ที่ไม่ว่าผู้ใดในวังก็ให้เกียรติอย่างมาก หรือว่าเป็นมหาขันทีทรงอำนาจพวกนั้น เจ้าจินเลี่ยงคิดไตร่ตรองอย่างหนัก ก็คิดอันใดไม่ออก
“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่า องครักษ์ติดตามในวังแม้ว่าเป็นลูกหลานชนชั้นสูงในเมืองหลวง มีประวัติตระกูลขาวสะอาดมาหลายชั่วคน มีผู้ที่อยากมาทำหน้าที่นี้ หากก็มีความลำบากอย่างมากเรื่องสถานะตระกูล จึงทำให้คนนอกฉวยโอกาสได้ เมื่อหวังทงทูลให้ฝ่าบาททรงระวังรอบคอบ ข้างพระวรกายต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ กระหม่อมคิดแล้ว เมืองหลวงที่ไว้ใจได้เต็มร้อยก็มีเพียงตระกูลเฉิน เซี่ยงเฉิงป๋อ บิดาของเฉินซือเป่า กับถังซื่อไห่แห่งร้านค้าตระกูลถังที่ค้าขายกับวังหลวงพวกนี้แล้ว ในนี้มี 12 คนเคยร่วมฝึกที่ลานฝึกหู่เวยก่อนเข้าวังมาดำรงตำแหน่ง คนพวกนี้ใกล้ชิดกับฝ่าบาททุกวันคืน ยังได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาทส่งเสริม จะต้องภักดีอย่างมาก……หลี่หู่โถวก็อยู่เมืองหลวง เตรียมตัวว่าหลังปีใหม่จะกลับเทียนจิน ความภักดีของเขาไม่ต้องพูดถึง ฝีมือสูงส่ง สามารถ……”
“ไม่ต้อง หู่โถวให้กลับเทียนจินไป เขาไม่อาจละทิ้งทหารในมือมาได้ จัดการพวกเฉินซือเป่ามารับหน้าที่ก็แล้วกัน”
ฮ่องเต้ว่านลี่ตัดบทข้อเสนอจางเฉิง จางเฉิงอึ้งไป รับถวายคำนับรับพระบัญชา เจ้าจินเลี่ยงแง้มประตูออก โผล่หน้าเข้ามาดูทูลว่า
“ฝ่าบาท วันนี้ฝ่าบาทพระราชทานเลี้ยงหม่าต้งแห่งเมืองต้าถง ยังมีเวลาอีกหนึ่งเค่อ จะทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์หรือไม่พะยะค่ะ?”
ฮ่องเต้ว่านลี่พยักหน้า จางเฉิงกล่าวว่า
“เตรียมให้ความอุ่นในห้องเลี้ยงด้วย เจ้าให้คนไปดูรอบๆ ให้ดี อย่าให้เรื่องที่เราพูดตอนเช้าตอนบ่ายก็คนขายผักที่ทงโจวก็รู้กันไปหมดแล้ว”
สองคนรับคำพระบัญชาออกไป
*************
“ปีรัชศกเจิ้งถ่ง ฮ่องเต้รุ่ยนำทัพออกศึก เหตุการณ์ป้อมถู่มู่ไม่ต้องพูดถึง เป็นเรื่องอัปยศยิ่งแห่งราชวงศ์หมิง”
ตำหนักอุ่นทางตะวันตกของวังหลวงเป็นสถานที่ที่ฮ่องเต้ให้ขุนนางเข้าเฝ้าในฤดูหนาว ตอนนนี้กำลังจัดงานเลี้ยง ฮ่องเต้กับขุนนางนั่งตรงข้ามกัน ที่รับใช้อยู่ข้าง ๆ มีเพียงจางเฉิง
อาหารบนโต๊ะเรียบง่ายอย่างมาก นี่เป็นเรื่องปกติ คนที่อยู่ที่นี่ได้ ผู้ใดล้วนไม่ขาดสุราอาหาร แต่นี่เป็นเพียงพิธีการเท่านั้น หม่าต้งที่นั่งไม่เต็มก้นตัวเกร็งอยู่ก็เริ่มงง จางเฉิงแห่งสำนักส่วนพระองค์สถานะเช่นนี้ระดับไหนแล้ว เหตุใดยังมายืนรับใช้ในสถานที่เช่นนนี้
รอจนได้ยินฮ่องเต้ว่านลี่เล่าเรื่องวันวาน ก็ยิ่งงง ฮ่องเต้รุ่ยก็คือฮ่องเต้อิงจง นำทัพไปปราบข้าศึกในสงครามถู่มู่ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้กัน และก็ยังเรียกได้ว่าเป็นความอัปยศใหญ่ ไม่มีผู้ใดไม่รู้ แต่เอามากล่าวในงานเลี้ยงเช่นนี้ ทำให้รู้สึกแปลกใจยิ่ง
“สงครามถู่มู่ เมืองต้าถงไม่ส่งทหารมาช่วย ถึงกับแม้แต่ข่าวคราวก็ไม่เคยส่งมา นั่งมองดูฮ่องเต้ถูกจับเป็นเชลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในสมัยฮ่องเต้เจียจิ้ง มองโกลเผ่าอันต๋ารุกรานแผ่นดิน เมืองต้าถงกลับแอบมีสนธิสัญญากับเผ่าอันต๋า เปิดทางให้ผ่าน ขอเพียงไม่แตะต้องเมืองต้าถง มีตัวอย่างก่อนหน้าเช่นนี้ เราก็ไม่ค่อยวางใจเมืองต้าถงสักเท่าไร”
ฮ่องเต้ว่านลี่สุรเสียงนิ่งเรียบ หม่าต้งเบื้องหน้าเหงื่อเย็นไหลโทรมกายเปียกทะลุหลัง นั่งตัวแข็งเกร็ง รีบลนลานลุกจากเก้าอี้ คุกเข่าลงถวายคำนับเบื้องหน้าพระพักตร์