ตอนที่ 580 ป้องกันเหตุยังไม่เกิด ความผูกพันสายเลือดยากสลัดทิ้ง
“เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดเอง!”
ในวังเป็นเรื่องเช่นนี้ หวังทงที่เทียนจินก็ไม่อาจรู้สึกได้ถึงบรรยากาศปีใหม่นัก พอได้รับข่าวจากโจวอี้แห่งสำนักรักษาความสงบ หวังทงอ่านประโยคแรกจบลงก็กล่าวโทษตนเอง
เพราะการเปลี่ยนองครักษ์ ทำให้ไทเฮาและฮ่อ่งเต้หมางพระทัยกัน ช่องว่างที่เกินขึ้นเกรงว่าอาจมีคนคิดฉวยโอกาสได้
“เพราะเกรงว่าในวังจะเกิดเหตุผิดพลาด พอเป็นเช่นนี้ไป ก็เหมือนทำให้คนพวกนั้นระวังตัว ทำให้ฝ่าบาทและไทเฮาทรงหมางพระทัยกันด้วย”
หวังทงกำลังเอาแต่โทษตนเอง ไช่หนานข้างๆ ก็เงียบไปก่อนจะกล่าวว่า
“ใต้เท้าหวังกล่าวเช่นนี้ผิดแล้ว พวกที่คิดการไม่ซื่อนั้นอยู่ที่ใดกัน พวกเราไม่อาจรู้ได้ แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ กลับทำให้แน่ชัดว่าคนผู้นี้อยู่ในวัง หากไม่ย้ายพวกเฉินซือเป่าเข้าไป หรือว่าจางกงกงทางนั้นจะไม่มีคนที่ไว้ใจได้หรืออย่างไร?”
“ไช่กงกงกล่าวได้ถูกต้อง ข้ายังคิดว่า ฝ่าบาทผ่านเรื่องนี้ไปก็ย่อมยิ่งทรงระวังพระองค์ เมื่อก่อนใต้เท้าทูลเตือน แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงระวัง แต่นานวันก็ย่อมผ่อนลง มักคิดว่าใต้เท้ากล่าววาจาเกินจริง ย่อมไม่ระวังพระองคดังเดิม แต่มีเรื่องเช่นนี้ กลับทำให้ต้องระวังระวังมากเดิมอีกหลายส่วน”
หยางซือเฉินข้างๆ กล่าวขึ้น หวังทงคิดแล้วก็พยักหน้า ค่อยๆ กล่าวว่า
“พวกเจ้าสองคนกล่าวไม่ผิด เมื่อก่อนตอนยังไม่รู้ว่าอย่างไร ฝ่าบาทก็ป้องกันรอบด้านแล้ว ตอนนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง การป้องกันความปลอดภัยก็ยิ่งทุ่มเทมากขึ้น”
ถานเจียงรินน้ำชาให้หวังทง กล่าวว่า
“ขุนพลที่มาจากลานฝึกหู่เวย คิดว่าย่อมเป็นคนของจางกงกง ทางนั้นมีคงใช้การได้ นายท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปนัก”
“ตอนนี้นอกจากพี่น้องจากลานฝึกหู่เวย ข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรไว้ใจผู้ใดได้อีก ในวัง ในวังนั้นเหมือนกับกระบุงรั่วไปแล้ว”
วาจาแม้แต่รุนแรง แต่ก็เป็นความจริง หวังทงรู้แก่ใจว่า แม้ว่าตอนนี้ไม่ได้คนที่ไว้ใจได้เต็มร้อยมาอารักขา แต่ในเวลาสั้นๆ ก็คงไม่เกิดเหตุอันใด อย่างไรทางจางเฉิงเองก็ย่อมต้องป้องกันแน่นหนา
หวังทงกล่าวจบอย่างดุเดือด กวาดตามองคนในห้องเงียบๆ ซุนต้าไห่ จางซื่อเฉียง ไช่หนาน หยางซือเฉิน ถานเจียง ห้าคนนี้ล้วนฝากอนาคตไว้ที่ตน พวกเขาไม่มีทางทรยศตน เป็นคนที่ไว้ใจได้ที่สุด คิดถึงเรื่องนี้ ในใจหวังทงก็อดไม่ได้ที่จะวูบไหว ตนเองแท้จริงแล้วเป็นอะไรกัน จึงได้ถึงกับลังเลสงสัย
พอตั้งสติได้ หวังทงก็สั่งการจางซื่อเฉียงว่า
“คนที่ใช้การได้ในเมืองหลวงและในวัง ใช้ให้หมด เงินทองจ่ายไปมากหน่อย ข่าวอันใดต้องให้มาถึงเร็วที่สุด”
จางซื่อเฉียงพยักหน้ารับคำสั่ง หวังทงกล่าวต่อว่า
“สถานีพักม้าเส้นทางเทียนจิน-เมืองหลวงต้องจับตาดูให้ดี หากคนขาดให้รีบเติมคนเข้าไป อย่าได้ทำให้การส่งข่าวล่าช้า!”
กล่าวจบ หวังทงก็ลุกขึ้นยืน เดินไปสองก้าวก็กล่าวว่า
“จางซื่อเฉียง พรุ่งนี้เจ้าไปเมืองหลวง ต้องไปพบหลี่ว์วั่นไฉกับโจวอี้ บอกพวกเขาว่า ตรวจสอบลัทธิมารให้ละเอียดทุกซอกมุม ในเมืองหลวงต้องจับตาดูให้ดี ตอนนี้ศัตรูอยู่ที่ลับ เราอยู่ที่แจ้ง พวกเราได้แต่ทำสิ่งที่เราทำได้ให้ดี อย่าเปิดช่องให้ผู้อื่นได้”
จางซื่อเฉียงน้อมตัวลงประสานมือคำนับ รับคำสั่งหนักแน่น หวังทงกล่าวว่า
“เทียนจินพอออกปูพรมตรวจรอบหนึ่ง เจอทั้งบัวขาว ศรีอาริย์ ยังมีอีกสองลัทธิมาร ปกติเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างไร!?”
น้ำเสียงดุดัน คนอื่นคิดจะเข้ามาอธิบาย หากหวังทงโบกมือปฏิเสธ ค่อยๆ กล่าวต่อว่า
“เจ้าหน้าที่น้อย เทียนจินคนมาก ก็ไม่อาจโทษพวกเขา จางซื่อเฉียง ทหารองครักษ์เสื้อแพรหลายคนก่อนพวกเรามาเทียนจิน ตอนนี้ทำงานอยู่กับเจ้าใช่ไหม!”
พวกหังต้าเฉียวราว 400 ล้วนปฏิบัติงานเก็บภาษีที่คลองส่งน้ำ พวกเขาคอยคุมสถานการณ์ได้ดี อย่างไรพวกองครักษ์เสื้อแพรก็เคยรับการฝึกมา เห็นการทำงานมามาก ปฏิบัติงานก็ย่อมชำนาญการ
“ส่งมาให้ต้าไห่ให้หมด คนศาลชิงจวินพวกนั้นไม่อาจหวังอันใดได้ ให้ใช้คนในพื้นที่เดิมที่เคยอยู่เทียนจินมาสืบ ให้พวกเขานำกำลังสำนักรักษาความปลอดภัยปูพรมตรวจ ข้าไม่เชื่อว่า ทางการจับโจร ใช้สรรพกำลังลงไปจะไม่อาจจับโจรได้เชียวหรือ?”
ซุนต้าไห่กับจางซื่อเฉียงประสานมือรับคำสั่งพร้อมกัน หวังทงถอนหายใจยาวนั่งลง หันไปกล่าวกับหยางซือเฉินว่า
“จำได้ไหมว่าข้าเมื่อก่อนเคยกล่าวถึงเรื่องสำมโนครัว?”
หยางซือเฉินอึ้งไป ก่อนจะกล่าวตามมาด้วยว่า
“จำได้ ใต้เท้าบอกวว่าพวกที่ตั้งรกรากในเทียนจินควรมีสมุดบันทึกไว้ ที่บ้านมีกี่คน เดิมมาจากไหน ตอนนี้อยู่ที่ไหน ต้องบันทึกให้กระจ่าง ให้กองพันสำนักองครักษ์เสื้อแพรจัดการให้เป็นระบบ ……”
“เรื่องสำมโนครัว รีบดำเนินการ หลังเดือนสองให้จัดการกันแล้วเสร็จ ยังมีอีก ให้ตั้งกฎว่าทำผิดรับโทษพร้อมหน้า หากไม่แจ้งทางการก่อน ราษฎรให้ดูแลหิมะหน้าบ้านตนเอง[1]กำชับไปหลายรอบหน่อย บ้านใกล้เรือนเคียงจุดธูปรวมกลุ่มกันกลับไม่รู้จักมาแจ้งทางการ จะใช้ระบบรับโทษพร้อมหน้า จะได้ทำให้พวกเขารู้จักระวังรอบตัว!”
หยางซือเฉินรีบพยักหน้ารับคำ จดลงในสมุดข้างกายตน หวังทงเพิ่งล้มพิงพนักเก้าอี้ ก็นั่งตัวตรงขึ้นมาอีก สั่งเสียงเย็นว่า
“พวกที่เกี่ยวข้องกับลัทธิมารพวกนี้ ให้ยึดทรัพย์ให้หมด ขับไล่ออกจากเทียนจิน ร้านค้าใดกล้ารับไว้ มีความผิดเสมอกัน เรื่องนี้ ท่านหยางรีบเขียนเป็นประกาศ พรุ่งนี้ให้คนไปอ่านประกาศตามถนนหนทางเส้นต่างๆ พอประกาศจบ ก็เริ่มขับไล่ได้!!”
หวังทงกล่าวอย่างดุเดือด หยางซือเฉินลังเลครู่หนึ่งก่อนจะจดลงไป หลายเรื่องจบลง หวังทงให้ทุกคนกลับออกไป ให้พวกเขาได้ไปทำงานของตน
หยางซือเฉินจงใจออกไปเป็นคนสุดท้าย รอทุกคนออกไป เขาก็ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะหันมาปิดประตู วางเอกสารในมือลง เข้าไปคำนับ กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“มีวาจาหนึ่งไม่รู้ว่าควรพูดกับใต้เท้าหรือไม่?”
เห็นหวังทงพยักหน้า หยางซือเฉินก็จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย กล่าวเป็นการเป็นงานว่า
“ใต้เท้ามาเทียนจินหลายปีแล้ว ปฏิบัติการยิ่งใหญ่ ราษฎรเทียนจินล้วนร่ำรวยกินดีอยู่ดี ใต้เท้าชื่อเสียงเกรียงไกร แม้ว่าพวกบัณฑิตจะว่าร้าย แต่ก็มีวาจาชมเชยอยู่เช่นกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวาจาสรรเสริญจากพ่อค้าราษฎรเทียนจิน ลัทธิมารครานี้ นอกจากตัวหัวหน้าแล้ว ก็เป็นเพียงราษฎรโง่เขลา คนพวกนี้ไม่ได้มีความผิดร้ายแรง สั่งสอนพอสมควรก็พอแล้ว ไยต้องทำลายล้างตระกูลสิ้น ใต้เท้าทำการครั้งนี้รุนแรงไป จบเรื่องเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงใต้เท้า!”
หวังทงมองหยางซือเฉิน ส่ายหน้ากล่าวว่า
“ท่านหยาง ที่ท่านว่ามาเป็นหลักการคุณธรรมใหญ่ ข้าเคยได้ยินมาเช่นกัน แต่ราษฎรบริสุทธิ์พวกนี้เหตุใดจึงทำผิด ไม่รักษาตนเองให้อยู่ในทำนองคลองธรรม ไม่หาเงินเลี้ยงดูครอบครัวไปดีๆ นี่ก็คือความผิด ปีนั้นหลิวลิ่วหลิวชีในสมัยฮ่องเต้อู่จงนำพวกกองกำลังม้าชุดขาวออกปล้นคนรวยช่วยคนจนที่เขตปกครองเหนือในแถบซานตง ทางการกวาดล้างสังหารโจรชั่วปล้นชิงพวกนี้ หรือว่าไม่ใช่กวาดล้างราษฎรบริสุทธิ์หรือ ท่านหยางไม่ต้องกล่าวอันใดแล้ว การปล่อยให้งมงายจนเกิดเป็นภัยใหญ่ ไม่สู้ให้ข้ากวาดล้างรุนแรงครั้งเดียว ต่อไปไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนอีกจะดีกว่า!”
หวังทงคัดค้านอย่างหนักแน่น ทำให้หยางซือเฉินไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรต่อ หวังทงก้าวเข้าไปตบบ่า กล่าวว่า
“เมื่อครู่ข้าก็แค่ต้องการกล่าวเหตุผลตรงไปตรงมา มิได้ต้องการมุ่งต่อความคิดท่านหยาง ราษฎรราวกับแพะน้อย ขุนนางควบคุมไว้ ดูแลเลี้ยงดู หากไร้แส้ลงโบย ไหนเลยจะรักษาสันติภาพความสงบสุขไว้ได้”
เห็นหวังทงกล่าวผ่อนลงเช่นนี้ หยางซือเฉินก็ยิ้มเฝื่อน ก้มลงคำนับกล่าวว่า
“ใต้เท้ากล่าวมามีเหตุผล แต่ข้าก็ยังรับไม่ค่อยได้นัก ขอกลับไปคิดสักครา แต่ทว่า ขอใต้เท้าวางใจ คำสั่งใต้เท้าข้าไม่อาจฝ่าฝืน จะต้องปฏิบัติตามอย่างแน่นอน”
พอหยางซือเฉินออกไป จางซื่อเฉียงก็เดินเข้ามา พอเข้ามาก็กระซิบเบาๆ ว่า
“ตอนข้าออกไป มีคนรออยู่ข้างนอก บอกว่าวันนี้เสิ่นหวั่งมาเทียนจิน เข้าไปในจวน ทำอันใด กล่าวอันใด เดาว่าพรุ่งนี้คงรู้ข่าว บ่าวรับใช้กับสาวใช้ที่เราจัดไว้พรุ่งนี้คงออกมามารายงาน”
หวังทงพยักหน้า นั่งกับที่กล่าวว่า
“หากมาเยี่ยมเยือนภรรยาและบุตรบ่อยๆ แสดงให้เห็นว่าเสิ่นหวั่งไม่ใช่ภัยคุกคามเทียนจินอีกต่อไปแล้ว จับตาดูก็พอ ข้ายังคิดว่าเขาจะมาตอนปีใหม่เสียอีก หากมาหลังปีใหม่ตั้งแปดวัน น่าแปลกจริง”
**************
เสิ่นหวั่งถูกศัตรูสังหารล้างตระกูลไป จึงให้ต้องออกทะเลสร้างฐานะ มักจะรวมตัวพักอยู่ริมทะเลกัน พักกันที่เมืองไถโจว มณฑลเจ้อเจียงสักแห่งหนึ่ง แต่งกับหญิงที่เป็นใหญ่เข้มแข็งนางหนึ่งในพื้นที่ ที่เรียกว่าเป็นใหญ่ในไถโจว แปดเก้าส่วนก็มักเกี่ยวข้องกับพวกโจรสลัดหรือเป็นโจรสลัดเสียเอง
หลังแต่งกับหญิงผู้นี้ สามีภรรยารักใคร่ปรองดอง แต่เมื่อจดจำเหตุการณ์อดีตเป็นบทเรียน เสิ่นหวั่งไม่กล้าให้อยู่ในรังโจรของตน เกรงว่าจะถูกคนนำมาบังคับขู่เข็ญหรือแก้แค้น
แต่ที่เจียงหนานนี้ บนบนและบนทะเลมีกำลังหลายฝ่าย บางฝ่ายอยู่กับราชาไตรธารา บางฝ่ายเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลก หากปล่อยครอบครัวตั้งรกรากทางใต้ ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะมีคนพบเห็น
ทัพเรือราชาไตรธาราตั้งฐานที่ผิงฮู่ ประเทศวัว เดินทางไปมาทั่วเขตปกครองใต้ เจ้อเจียง ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง ค่อนข้างไกล ทางซานตงเป็นเขตอิทธิพลตนเอง ยังมีเมืองซุ่นเทียน มีท่าเรือเทียนจิน เมืองซุ่นเทียนเป็นเมืองอันดับหนึ่งใต้หล้า เป็นสถานที่สงบสุขอันดับหนึ่ง
การตั้งครอบครัวอยู่ในอำเภอเซียงเหอ เมืองซุ่นเทียน ไม่ว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่า หัวหน้าโจรสลัดยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเลจะตั้งรกรากอยู่ตอนเหนือได้ ยังใกล้เมืองหลวงเช่นนี้
เสิ่นหวั่งมีชื่อเสียงในวงการทั่วไปว่า มีทรัพย์สินมากมายราวกับภูเขาทองทะเลเงิน กิจการใหญ่โตเช่นนี้ย่อมไม่คิดว่าพอตนแก่ตายไปจะเอาลงโลงไปด้วย ยิ่งไม่คิดว่าจะมอบให้กับลูกน้องได้ไปง่ายดาย ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับผู้สืบทอดอย่างมาก แต่เขาอายุ 40 กว่าแล้ว รอนแรมกลางทะเลมานานปี การได้บุตรชายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เขาคิดสืบทอดให้บุตรชาย นับวันได้ถูกต้อง ส่งสายไปจับตาดูหญิงสาวไว้ล้วนกล่าวว่าราบรื่นดี เสิ่นหวั่งดีใจอย่างดีที่สุด
เห็นทารกน้อยอ้วนจ้ำม่ำ เสิ่นหวั่งลืมเลือนเรื่องทุกข์กังวลไปสิ้น ที่ดีการค้าเทียนจินรุ่งเรือง ยังมีสัญญาที่ร้านประกันภัย เป็นการอ้างว่ามาตรวจสอบการค้า เสิ่นหวั่งไปอำเภอเซียงเหอมากครั้งขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าแต่ละครั้งจะระมัดระวังตัวเต็มที่ แต่เมื่อสำนักองครักษ์เสื้อแพรจับตาดู ตรวจสอบแน่นหนา อย่างไรก็มีคนพบเห็น ภรรยาและบุตรถูกกันไว้เป็นตัวประกัน……
ผู้คิดการใหญ่ได้นั้นล้วนต้องสามารถทอดทิ้งภรรยาและลูกในช่วงเวลาสำคัญได้ หากความรักผูกพันนั้นยากจะก้าวผ่าน วันที่ 7 เดือนหนึ่ง เสิ่นหวั่งมายังเทียนจิน
———————-
[1] สำนวนจีน กวาดหิมะหน้าบ้านตนเอง หมายถึง ให้ดูแลเรื่องของตนเองให้ดี