Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 602

ตอนที่ 602 เข้าวัง

ความมืดเข้าครอบงำ รอบๆ มืดสนิท ราวกับมีแสงลอดแต่มองไม่เห็น หวังทงนิ่งไม่ขยับ ราวกับแม้แต่หายใจยังยาก เสียงกุกกักด้านนอก ร่างกายเหมือนเขยื้อนเล็กน้อย จากนั้นก็เงียบลง

“ทุกท่าน นี่เป็นของบรรณาการที่ใต้เท้าหวังแห่งเทียนจินทูลถวายฝ่าบาท!”

“เอารายการของมา!”

“อะไรกัน เรื่องนี้เจ้าก็ยังต้องตรวจสอบหรือ?”

“หึๆ ขออภัยด้วย ทำตามหน้าที่ ตอนนี้ในวังเข้มงวด พวกเราไม่อาจบกพร่องต่อหน้าที่ได้!”

เสียงจอกแจกดังขึ้นบนหัว ยังมีเสียงนับเบาๆ ไม่นานก็เงียบลง ได้ยินเสียงคนด้านนอกดังมาว่า

“ปล่อยไป กงกงทุกท่านอย่าได้ถือสา เรื่องตรวจเข้มนี้เป็นคำสั่งเฝิงกงกงกับจางกงกงกำชับมา!”

“ใต้เท้าหวังช่างจงรักภักดี ของมากมายเช่นนี้ เห็นแล้วอยากได้……”

เสียงกุกกักดัง แต่ไม่ไล่ตรวจทุกสิ่ง ได้ยินแต่เสียงทุกคนหัวเราะวิพากษ์วิจารณ์กันว่า

“เฮ้ๆ ของบนรถนี้น้ำหนักไม่เบาเลยนะ!”

“หวังทงแห่งเทียนจินก็มือหนักไม่เบา กล่องนี้ดีไม่ดีก็เป็นทองคำเพชรพลอยมีค่า!!”

“ย่อมเป็นของดี สิบกว่าหีบใหญ่ เจ้าคิดดู ทุกปีหวังทงส่งเงินก้อนจินฮวาเข้าวังล้านสองแสนตำลึง เขาเองไม่รู้เข้ากระเป๋าตัวเองเท่าไร”

“พวกเราเปิดหีบออกหยิบสักอย่างสองอย่างไม่เป็นไรหรอกมั้ง!”

“เจ้าเบื่อหัวบนบ่าหรือ บรรพชนรองจับตาอยู่ ถึงตอนนั้นยังต้องตรวจสอบตามรายการ หากหวังทงนั่นเอ่ยถึงอันใดกับฝ่าบาทล่ะ!”

“ข้าก็แค่ล้อเล่น อย่างไรยังมีองครักษ์อีกสิบกว่า หากลงมือจริง พวกเขาคงได้เด็ดหัวข้าทิ้งสิ!”

ทุกคนพากันหัวเราะดังลั่น……… “เงียบหน่อย ใกล้ถึงแล้ว”

“พวกเราไม่ควรส่งไปยังตำหนักพระสนมเอกเจิ้ง แบกไปห้องทรงอักษรดีไหม?”

“เจ้าลูกหมา พูดมากจริง เบื้องบนสั่งการมาอย่างไร พวกเราทำตามไปก็พอ”

……

“รบกวนแจ้งเจ้ากงกง นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรหวังทงแห่งเทียนจินนำบรรณาการมาทูลถวายฝ่าบาท”

……

“ยกเข้ามา ๆ เอารายการออกมาดู ข้าจะตรวจนับทีละชิ้น!”

……

“เป็นยังไงล่ะ หากไม่เตือน ตอนนี้เจ้าได้หัวหลุดจากบ่าไปแล้ว……”

“พี่ชาย……ไม่สิ ท่านปู่ อย่าพูดอีกได้ไหม หากถูกได้ยินเข้า……”

……

“ออกไปให้หมด ด้านนอกปิดประตูด้วย ฝ่าบาทจะทรงดูของบรรณาการหวังทง พวกเจ้าอย่าได้รบกวนพระองค์ พวกแบกของมา มอบเงินให้ไปดื่มสุรากัน”

“ขอบคุณเจ้ากงกง พวกข้าน้อยขอลา”

*****************

ในมือเจ้าจินเลี่ยงมีรายการของขวัญ ‘กล่องเบอร์ห้าพรมเปอร์เซียสองผืน’ เขาอ่านพึมพำเบาๆ เปิดกล่องใบนั้นออก

พรมเปอร์เซียส่งเข้าวังย่อมเป็นสินค้าชั้นยอด ยาวเกือบเท่าเจ้าจินเลี่ยงสองคนรวมกัน น้ำหนักไม่น้อย เจ้าจินเลี่ยงเอื้อมมือไปจับ ไม่ขยับแม้แต่น้อย

เขาจึงดึงมุมด้านหนึ่งของพรม กระตุกคลี่สะบัดออก พรมประณีตถูกกระชากออก เห็นข้างในเป็นลวดลายหญิงชาววังต่างเมือง

ยาวขึ้นเรื่อยๆ พรมหนาขนยาวยาวไปจรดอีกฟากพื้น ในห้องทรงอักษรย่อมเก็บกวาดสะอาดยิ่ง พื้นหินเขียวลาดปูนั้นสะอาดยิ่ง แต่พรมนั้นกลิ้งไปตามพื้นก็ยังคงเปื้อนฝุ่นอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเป็นคหบดีชั้นสูงระดับสูงสุดในเมืองหลวงเห็นเช่นนี้ก็ย่อมต้องกระทืบเท้าด่าทอด้วยความโมโหเป็นแน่

พรมเช่นนี้เอาไปแลกโรงบ้านในเมืองหลวงได้อย่างสบาย หากขันทีน้อยนี่กลับทำลายของล้ำค่าเช่นนี้ ช่างเหยียบย่ำของมีค่าเสียจริง

ฮ่องเต้ว่านลี่กับจางเฉิงเดินไปที่ประตู มองเจ้าจินเลี่ยงพยายามสะบัดไปมาอย่างนั้นอย่างยากลำบาก จากนั้นก็คว้าผืนที่สองออกมาทำเหมือนเดิม

หีบที่บรรจุพรมมายาวเท่าคน ความสูงเท่าเอวของเจ้าจินเลี่ยง หีบนี้ด้านล่างยังมีอีกชั้นรองอยู่ ฝีมือประณีตอย่างมาก หากอยู่ในบ้านชาวบ้านทั่วไป อาจจะเอาไปทำเป็นเครื่องเรือนออกหน้าออกตาได้เลยทีเดียว

พรมคลี่ออกมาหมด พื้นหีบก็มีผ้าป่านแพลมออกมา เจ้าจินเลี่ยงหันหน้าวิ่งเข้าไปในห้องทรงอักษรหยิบกรรไกรออกมา ตัดผ้าป่านออก

พอผ้าป่านฉีกออก ก็เห็นพื้นหีบไม้ สี่มุมมีตัวขัดไว้ เจ้าจินเลี่ยงใช้แรงดึงตัวสลักขัดออกมา จากนั้นก็ตบพื้นหีบ

ฮ่องเต้ว่านลี่กับจางเฉิงมองอย่างสงสัย จางเฉิงสังเกตเห็นความสงสัยของฮ่องเต้ว่านลี่ ก็กระซิบทูลเบาๆ ว่า

“ฝ่าบาท เมื่อวานมีจดหมายลับส่งเข้ามาให้พวกเราทำเช่นนี้ อาจจะมีอันใดแอบซ่อนอยู่กระมัง!”

“นี่มันเวลาอันใดแล้ว หวังทงยังมัวเล่นอันใดอยู่อีก!”

ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสอย่างหงุดหงิดพระทัย พอตรัสจบ ก็เห็นเจ้าจินเลี่ยงผงะถอยหลัง สะดุดพรมที่ม้วนออกนั้นล้มไปด้านหลัง

ดีที่ที่มีพรมรองพื้นอยู่ จึงไม่เจ็บ ฮ่องเต้ว่านลี่กับจางเฉิงตะลึงงัน ตามมาด้วยรู้ทันทีว่าเหตุใดเจ้าจินเลี่ยงจึงตกใจล้มลง พื้นหีบไม้นั่นยกขึ้นได้

ย่อมไม่ใช่ยกขึ้นอย่างไรเหตุผล ใต้พื้นหีบถึงกับมีคน……

***************

หมอบอยู่ใต้หีบนานหลายชั่วยาม สมองหวังทงก็มึนงงอยู่บ้าง ปวดเมื่อยไปทั้งตัวอย่างมาก เขากลับไม่กล้านอนหลับ เกรงว่าจะส่งเสียงกรนหรือละเมอกล่าวอันใดออกมา

ได้ยินด้านบนตบหีบ แรงกดที่ด้านหลังทับไว้ก็ดีดตัว หวังทงรีบใช้มือยันกายลุกขึ้น หวังทงปีนออกจากหีบไม้

ยังไม่ทันได้ยินยืดเส้นให้ตรง ก็เห็นฮ่องเต้ว่านลี่กับจางเฉิงอ้าปากมองตาค้าง อย่างไรก็ต้องรีบเข้ามาคุกเข่าถวายบังคมก่อน หากมิได้เสียงดังเช่นยามปกติว่า ‘ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี’ เช่นนั้น หากทูลเบาๆ ว่า

“ฝ่าบาทอย่าตกพระทัยไป รอให้กระหม่อมจัดการหีบพวกนี้ก่อน ค่อยเล่าให้ฝ่าบาทฟังอย่างละเอียด”

ฮ่องเต้ว่านลี่พยักพระพักตร์ท่าทางแข็งทื่อ เหมือนยังไม่ทรงได้พระสติคืนมา หันไปมองหวังทงและเจ้าจินเลี่ยงที่กำลังยืนตะลึงแล้วค่อยๆ เปิดหีบออกทีละใบ ขนสินค้าด้านในออกมา เปิดชั้นล่างสุดที่ซ้อนใต้หีบออก

หลี่หู่โถว ลี่เทา ซุนซิง ทุกคนมาจากลานฝึกหู่เวยด้วยกัน ก้าวออกมาจากหีบ ทุกคนที่ก้าวออกมามีท่าทางเหมือนกัน คือยืดเส้นยืดสาย ขดตัวอยู่เป็นนานเช่นนั้น ลำบากมากจริงๆ ปวดเมื่อยไปหมด

ฮ่องเต้ว่านลี่เอาแต่จ้องมองด้วยความอึ้ง จางเฉิงข้างๆ ถอนหายใจยาวเตือนให้รู้พระองค์ ว่านลี่เอียงหน้าไปมองจางเฉิง จางเฉิงหลายวันนี้ท่าทีดูร้อนใจ ตอนนี้ผ่อนคลายได้แล้ว

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

หวังทงนำทุกคนถวายบังคม เสียงเบายิ่ง ฮ่องเต้ว่านลี่สะดุ้ง หันไปมอง ยกพระหัตถ์ตบพระพักตร์ไปมาสองสามทีก่อนจะหันกลับมาตรัสว่า

“ลุกขึ้นได้ๆ !!”

พระองค์ไม่ทรงรู้สึกพระองค์เองว่าสุรเสียงสั่นอยู่เล็กน้อย เมื่อครู่ขยี้พระเนตรจนแดงก่ำ

ฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ไม่ทันรู้พระองค์ว่าตอนนี้ผ่อนคลายลงมาก หลายวันมานี้ อาการป่วยหนักของจางจวีเจิ้งทำให้บรรยากาศในวังนอกวังนั้นแปลกออกไปกว่าปกติ แม้ว่าทุกวันในการประชุมราชสำนักจะยังคงเป็นปกติ แม้ว่าในและนอกวังจะยังปกติมากอยู่ก็ตาม

พระองค์ก็ยังทรงรู้สึกได้ ทุกอย่างไม่อยู่ในการควบคุมของพระองค์ จางเฉิงเตรียมการไปมากมาย หากก็ไร้ประโยชน์ ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม

การอารักขาในวังหลวงถึงกับแม้แต่การเปลี่ยนขันทีเฝ้าเวรยังต้องถูกตำหนักฉือหนิงกงควบคุมไว้ เสด็จแม่ย่อมไม่ทำร้ายพระองค์ ฮ่องเต้ว่านลี่ไม่เพียงแต่บอกกับจางเฉิง พระองค์เองยังบอกกับพระองค์เองเช่นเดียวกันด้วย แต่ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ยังคงไม่วางพระทัย ทรงเป็นฮ่องเต้ ความสัมพันธ์สายเลือดไม่ได้เชื่อใจได้เหมือนคนปกติทั่วไป

ในห้วงเวลาสำคัญเช่นนี้ พระองค์ไม่อาจทรงควบคุมได้ ได้แต่รอให้คนอื่นจัดการให้ ก็เท่ากับในฐานะประมุขแห่งแผ่นดิน เช่นนี้ย่อมทำให้ไม่สบายใจยิ่ง ทุกวันล้วนรู้สึกราวแขวนอยู่กลางอากาศ ไม่มีที่ลง มีภัยที่อาจร่วงหล่นลงเหวลึกเมื่อใดก็ย่อมได้

ตอนนี้เห็นสภาพของเละเทะตรงหน้า เห็นพวกหวังทงที่ยืดเส้นยืดสายกันอย่างระมัดระวัง ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ทรงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาในพระทัยทันที

“ฝ่าบาทเสด็จด้านในก่อน พวกกระหม่อมเก็บของให้เรียบร้อยก่อน!”

หวังทงเขยิบเข้าไปกระซิบใกล้ๆ ฮ่องเต้ว่านลี่อึ้งไปก่อนจะพยักหน้า ตรัสว่า

“ที่นี่ให้พวกเจ้าจัดการไป เราไปรอด้านใน”

ตรัสเช่นนี้ หากเสด็จได้สองก้าว ก็ยังหยุดดูทุกคนวุ่นกันการเก็บกวาด ว่านลี่ต้องการเช่นนี้ หวังทงก็ไม่บังคับ เข้าไปกราบทูลว่า

“ฝ่าบาท ของหลายอย่างขอกองอยู่ในห้องทรงอักษร พวกกระหม่อมก็ต้องแอบซ่อนอยู่ในห้องทรงอักษรสักหลายวันหน่อย อาจต้องระคายพระยุคลบาทบ้าง ขอทรงอภัย!!”

“คิดมากเช่นนั้นทำไมกัน หากว่าล่วงเกินเรา คนพวกนี้ล่วงเกินเราที่ลานฝึกหู่เวยน้อยเสียเมื่อไร พวกเจ้าทำงานพวกเจ้าไป เราดูเฉยๆ ก็พอ เราแค่ได้ดูก็ดีใจ!!”

ฮ่องเต้ว่านลี่โบกพระหัตถ์อย่างไม่สนใจ แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นไร หวังทงจึงได้พยักหน้า หลี่หู่โถวยิ้มร่าเข้ามาหาฮ่องเต้ว่านลี่ ซุนซิงกับลี่เทาก้มหน้าอย่างนอบน้อม คนที่เหลือก้มหน้านอบน้อมเช่นกัน ฮ่องเต้ว่านลี่แย้มสรวลพยักหน้าพอพระทัย

ทั้งหมดหลบอยู่ในหีบ 11 ใบ ยังมีอีกหลายหีบใหญ่ที่มีอาวุธเสื้อเกราะซ่อนอยู่ชั้นล่าง ฮ่องเต้ว่านลี่จึงได้คิดถึงของขวัญในรายการ ปืนสั้น 24 กระบอกประดับพลอย ปืนยาว 12 กระบอก ยังมีชุดเกราะแบบชาวตะวันตกทำด้วยเงินแท้ เดิมคิดว่าเอาไว้โชว์ หากปืนและกระสุนทั้งหมดถูกขนมายังห้องทรงอักษร ดาบและชุดเกราะวางกลับเข้าไปแสดงว่ามีของอยู่ไปอย่างนั้น ดูแล้วเหมือนประดับมากกว่า ยังเอาหีบปิดกลับ เอาพรมและของอื่นๆ วางกลับเข้าไป เช่นนี้จึงจะอำพรางได้

ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย พวกหวังทงเหงื่อตก ทุกคนเข้าไปในห้องด้านในห้องทรงอักษร ในนี้แม้ว่ากว้าง แต่คนมาเบียดกันมาก ก็ย่อมรู้สึกแคบไปสักหน่อย

“ขอจางกงกงช่วยไปขอชุดจากหูกงกงในวังมาหน่อย ทุกคนอย่างไรต้องแต่งกายอำพรางตัว ยังมี อาหารสองสามวันนี้รบกวนกงกงคิดหาวิธีด้วย เรื่องที่พัก ก็อยู่ในห้องทรงอักษรไปก่อน”

หวังทงกล่าวกับจางเฉิง จางเฉิงย่อมพยักหน้าไม่รอช้า หวังทงขอบคุณก่อนจะหันไปกราบทูลฮ่องเต้ว่านลี่

“ที่กระหม่อมเสี่ยงภัยมานี้ หนึ่ง ข่าวในเมืองหลวง อีกเรื่องก็คือนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรต่งช่วงสี่แห่งซานตง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version