Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 603

ตอนที่ 603 คนเราอย่างไรก็มีวันตาย

กลางเดือนหกในเมืองหลวงเริ่มร้อนแล้ว คนปกติอยู่บ้านก็ย่อมเปิดหน้าต่างให้ลมถ่ายเท แต่ห้องพักจางจวีเจิ้งกลับปิดหน้าต่างสนิท บรรดาหมอหลวงกำชับว่า คนป่วยไม่อาจต้องลม

จางจิ้งซิวที่ได้เลื่อนตำแหน่งใหม่ในกรมพิธีการนั่งอยู่ข้างเตียง หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในห้องกลิ่นยารุนแรงแสบจมูก

หมอหลวงอายุน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง สีหน้าคับแค้น จางจวีเจิ้งหลับนานขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าไม่ได้สติตื่นมาสักเท่าไร เรื่องถึงขั้นนี้ หมอหลวงที่มีประสบการณ์ล้วนกลับไปกันหมด ทิ้งให้เขาที่อายุน้อยหนีไปไหนไม่ได้ ได้แต่เฝ้าอยู่เช่นนี้

อิ๋วชีในชุดสีครามเดินไปมาในห้อง ร้อนใจอย่างมาก ทุกวันได้เห็นจางจวีเจิ้งสลบไสล สีหน้ากังวลอย่างมาก

ในห้องเงียบผิดปกติ แต่นอกห้องมีเสียงสะอื้นไห้ดังแว่วมา อิ๋วชีขมวดคิ้วฟัง ค่อยๆ เดินไปหยุดหน้าจางจิ้นซิว กระซิบว่า

“นายท่าน ให้นายรองกับพวกผู้หญิงในจวนเงียบหน่อยเถอะ จวนเรายังมีคนนอกวังในวังอยู่ด้วย แสดงออกเช่นนี้ เกรงว่าคนจะเข้าใจผิด!”

แม้จางจิ้งซิวดูไม่อันใดกับวงการขุนนาง หากก็ยังเข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจรับมือได้ดีเท่าอิ๋วชี ตอนนี้เขายังมึนงงไม่รู้จะทำอย่างไรดี พอได้ยินก็พยักหน้าหงึก ลุกขึ้นไปยังห้องข้างๆ

เดินไปหน้าประตู ได้ยินเสียงคนบนเตียงพึมพำว่า

“ร้อน……”

แม้น้ำเสียงอ่อนแรงอย่างมาก แต่ทุกคนในห้องล้วนได้สติทันที เป็นจางจวีเจิ้งตื่นขึ้น จางจิ้งซิวไม่ในใจเสียงร่ำไห้ห้องข้างๆ อีก รีบเข้าไปหน้าเตียง

จางจวีเจิ้งที่สลบไปหลายชั่วยามลืมตาขึ้น แต่ก็เพียงเลื่อนลอย ไร้จุดหมาย จางจิ้งซิวข้างเตียงร้องเรียกอย่างร้อนใจว่า

“ท่านพ่อ……”

น้ำเสียงดังพอควร แต่จางจวีเจิ้งก็เหมือนไม่ได้ยิน กล่าวเพียงแต่ว่า

“ร้อน……”

จางจิ้งซิวกับอิ๋วชีมองไปยังหมอหลวงด้านหลัง หมอหลวงย่อมเห็นอาการจางจวีเจิ้ง อดส่ายหน้าไม่ได้ มองสายตาเป็นคำถามของทั้งสองก็ลังเลกล่าวขึ้นว่า

“เปิดหน้าต่างก็ได้”

ได้ยินเช่นนี้ จางจิ้งซิวหันหน้าหนีไม่สนใจ สีหน้าอิ๋วชีกลับนิ่งลง เดินไปเปิดหน้าต่างออก พอลมพัดเข้ามา อากาศในห้องก็ดีขึ้นไม่น้อย อาการจางจวีเจิ้งเหมือนค่อยๆ ดีขึ้น สายตาที่เลื่อนลอยเริ่มมีจุดหมาย จางจิ้งซิวจิตใจสับสนยิ่ง สีหน้าอิ๋วชีนิ่งลงมาก จางจิ้งซิวตะโกนดังว่า

“ท่านพ่อ……”

เหมือนว่าพอจางจวีเจิ้งตื่น จางเจี่ยนซิวและคนอื่นๆ ในห้องข้างๆ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวผิดปกติ พากันเบียดตัวเข้ามา ร้องเรียกจางจวีเจิ้งกันยกใหญ่ มีคนอดไม่ได้ถึงกับส่งเสียงร้องไห้ดังขึ้น

“ร้องอันใด!! นายท่านยังไม่ตาย!! เงียบเดี๋ยวนี้!!!”

อิ๋วชีทนไม่ไหว คำรามขึ้นเบาๆ ยามกำลังชุลมุน ขาดผู้นำ พออิ๋วชีตวาดดัง กลับทำให้เงียบลงได้

สองตาจางจวีเจิ้งมองเหม่อขึ้นด้านบน ไม่สนใจความวุ่นวายคนรอบข้างๆ พึมพำเบาๆ ว่า

“……ประวัติจารึกข้าเช่นไร………เทียบกับเซียวเหอ……เทียบหวังเต่า……หรือหวังอันสือ…หรือเหยียนเฟินอี๋……มหาอำมาตย์……วันนั้นมองท่านอำมาตย์ วันนี้มองข้า……”

จางจวีเจิ้งน้ำเสียงขาดห้วง แต่ความหมายพอเดาได้ ก็คือกังวลว่าหลังจากจากไปผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์เขาเช่นไร ที่เอ่ยนามมาล้วนเป็นมหาอำมาตย์ชื่อดังในประวัติศาสตร์ กล่าวถึงสุดท้าย สีหน้าจางจวีเจิ้งเหมือนมีรอยยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เขาเอ่ยถึงเหยียนเฟินอี๋ ก็คือชื่อรองของมหาอำมาตย์เหยียนซงในสมัยฮ่องเต้เจียจิ้ง ที่คนปัจจุบันเรียกเขาว่า ขุนนางชั่วแห่งแผ่นดิน จางจวีเจิ้งเข้าสู่วงการขุนนางตอนนั้น เหยียนซงเป็นมหาอำมาตย์ ร่วมงานกันนานไม่น้อย

วาจาสุดท้าย ล้วนทำให้คนรู้สึกงง ล้วนกล่าวว่าวาจำที่หลุดออกมาก่อนจากล้วนเป็นวาจาจากใจ วาจานี้หมายถึงสิ่งใดกัน ที่เขาเอ่ยถึงว่า ท่านอำมาตย์ คือผู้ใดกัน ทุกคนรู้สึกไม่เข้าใจ แต่มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า ไม่ได้เอ่ยถึงตนเอง……

ในห้องเริ่มวุ่นวาย พอเขากล่าวจบ ก็เงียบไปนาน รอยยิ้มบนใบหน้าจางจวีเจิ้งเริ่มจางลง เปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่ยินยอม หายใจเริ่มหนักหน่วง ถึงกับค่อยๆ ยกแขนขึ้นไขว่คว้าอากาศ แขนสั่นระริก ในห้องเงียบกริบ จ้องมองแขนเขา

“……หากว่า……หากมีอีกสิบปี……”

กล่าวจบ แขนก็ตกลงข้างเตียง เสียงทุกอย่างหยุดนิ่ง คนในครอบครัวจางจวีเจิ้งยังคงเงียบกริบ ผ่านไปครู่หนึ่ง พบว่าจางจวีเจิ้งไม่หายใจแล้ว นอนตัวแข็งอยู่บนเตียงแล้ว

“นายท่าน……”

คนที่ได้สติก่อนก็คืออิ๋วชี เขาส่งเสียงแหบพร่า คุกเข่าลงร้องไห้ โขกศีรษะดังไม่หยุด พอเขาตะโกนขึ้น คนตระกูลจางทั้งหมดก็ได้สติทันที ส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังไปทั่วบริเวณ เสียงร่ำไห้ในห้องดังไปยังห้องด้านข้าง พวกผู้หญิงก็เริ่มประสานเสียงร่ำไห้

อิ๋วชีปล่อยโฮสักครู่หนึ่งก็ยกมือขยี้ตา ลุกขึ้นไปบอกหมอหลวงว่า

“ท่านหมอตามข้าออกไปห้องข้างๆ ก่อน ให้พวกผู้หญิงเข้ามา”

หมอหลวงเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ได้แต่กุมหน้าอยู่อีกทาง พอได้ยินย่อมพยักหน้า สองคนออกจากห้องไป อิ๋วชีจัดการไม่นานก็รีบออกจากห้องไป

จวนจางนั้นใหญ่โต อิ๋วชีเป็นพ่อบ้านอันดับหนึ่งในจวน ดังนั้นที่พักย่อมไม่ธรรมดา ต้องไกลออกไปอีกหน่อย ทั้งจวนตกอยู่ในภาวะเศร้าโศก ทุกคนไม่ก็วิ่งเข้าไปด้านใน ก็ล้มลงร่ำไห้ทันที ภาพนี้ทำให้อิ๋วชีรีบเดินยิ่งเร็วขึ้น สุดท้ายกลายเป็นวิ่งเหยาะๆ แทน

อิ๋วชีมีบุตรธิดาสามคน คนโตอิ๋วจิ้นเสวียอายุ 13 ตอนนี้เชิญอาจารย์มาสอนหนังสือ หลุดพ้นสถานะบ่าวแล้ว สามารถร่วมสอบบัณฑิตได้แล้ว บุตรสาวรองอายุ 6 ขวบกว่า อีกคน 7 ขวบกว่า อิ๋วชีรู้จักเล่นการเมือง ฐานะครอบครัวร่ำรวย แต่อย่างไรก็เป็นบ่าวท่านจาง มีบางเรื่องไม่อาจทำได้ เลี้ยงดูนางเล็ก ๆ ไว้ข้างนอกเท่าไรไม่ต้องพูดถึง หากภรรยาที่แต่งกันออกหน้าก็มีเพียงหนึ่ง

พอเข้าไปในเรือนพักตน อิ๋วชีก็เรียกทุกคนมา ปิดห้องพูดกับภรรยาตนว่า

“เจ้าเปลี่ยนเป็นชุดหญิงสามัญ ให้จิ้นเสวียเปลี่ยนเป็นชุดคนงาน พาต้าฮัวกับเสี่ยวฮัวไปด้วย ออกจากจวนไปตอนนี้เลย”

จิ้นเสวียกับธิดาทั้งสองรู้ความอยู่บ้าง ภรรยาอิ๋วชีก็รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้น อิ๋วชีกล่าวว่า

“ไปที่จวนถนนทักษิณ เอาแต่ทองไป เงินกับเหรียญทองแดงเอาไปสิบกว่าตำลึงพอใช้พอ รถม้าเตรียมไว้แล้ว วันนี้ไปเลย ไปเทียนจิน เอาสัญญาที่ดินไปที่ร้านเราที่ซื้อไว้”

ภรรยาเขาพยักหน้าหงึกๆ อิ๋วชีกัดฟันกล่าวว่า

“หากร้านนั่นไม่ยอมให้เรา เจ้าเอาสัญญาไปหาหวังทงฟ้องเอา หวังทงไม่ถูกกับนายท่านเรา แต่เรื่องนี้ตามเหตุผลแล้ว เขาต้องปกป้องพวกเจ้า……”

“ท่านพี่ แล้วท่านเล่า?”

“ยังจะอย่างไรได้ ข้าก็เหมือนลิงค่างที่ถูกผูกไว้กับต้นไม้ ต้นไม้ล้ม คนอื่นหนีได้ ข้าจะหนีได้หรือ? รีบไปๆ ไปเทียนจิน หากมีคนมาหาเรื่องพวกเจ้า พวกเจ้าก็ไปร้องไห้ที่หวังทง เขาอายุยังน้อย คงไม่อาจทนเห็นการตัดรากถอนโคนได้!!”

ผู้ใดจะคิดว่าจะต้องจากเป็นในยามนี้ ภรรยาอิ๋วชีอดหลั่งน้ำตาไม่ได้ อิ๋วชีสองตาแดงก่ำ แต่ก็เข้าไปตบหน้าทีหนึ่งด่าว่า

“รีบไปสิ รีบไป จะร้องก็ให้ไปถึงเทียนจินก่อนค่อยร้องให้ข้าก็ได้!!”

*************

“เจ้ากงกง แป้งเปี๊ยะ ผักดองและเนื้อวัวที่ท่านต้องการมาแล้ว ไม้ไผ่สะอาดด้านบนมีผ้ากันฝุ่น ท่านตรวจดูก่อน?”

ขันทีสองสามคนขนของใส่รถลากมายังหน้าเรือนพักเจ้าจินเลี่ยง ก้มหน้านอบกายนอบน้อมกล่าวขึ้น ด้านหลังเจ้าจินเลี่ยงมีขันทีร่างกายกำยำหลายคน กำลังยืนก้มหน้าอยู่

เจ้าจินเลี่ยงพยักหน้า กล่าวว่า

“รถม้าของกินทิ้งไว้ที่นี่ พวกเจ้ากลับไปได้ บอกเสิ่นกงกงกับกุ้ยกงกงว่าข้ารับไปแล้ว แล้วค่อยเอารถม้าไปแลกคืน!”

ขันทีห้องเครื่องสองสามคนรีบยิ้มพยักหน้า พากันอำลาจากไป เจ้าจินเลี่ยงสั่งการให้ขันทีร่างกายกำยำสองสามคนเริ่มขนของ ขันทีห้องเครื่องที่มาส่งของกลับออกไป ก็กระซิบกระซาบกันว่า

“อายุน้อยๆ ถึงกับเลียนแบบพวกนิรนามไปบริจาค จะเลียนแบบคนอื่นเอาโจ๊กไปแจกทานให้ได้หรือไง ยังมีแป้งเปี๊ยะขาว เนื้อวัวตุ๋น ต้องเสียเงินตั้งเท่าไรกัน!”

“เจ้าพูดให้น้อยๆ หน่อย เจ้าจินเลี่ยงเป็นใคร เป็นคนสนิทฝ่าบาทเชียวนะ อยู่ข้างพระวรกายทั้งวัน เจ้าไม่เห็นหรือว่าแค่อ้าปาก กุ้ยกงกงเราก็รีบจัดการให้ทันทีไหม?”

“แป้งเปี๊ยะขาว เนื้อวัวตุ๋น ให้พวกนิรนามกิน น่าเสียดาย……”

“เจ้าไม่ใช่มาจากพวกนิรนามหรือไง?”

“แล้วยังไง หากไม่ใช่ว่าข้าอดทนอดกลั้นจะถูกเลือกเข้ามาได้อย่างไร”

ของกินขนเข้าไปเป็นตระกร้าๆ ซุนซิงในชุดขันทีมองในห้องแล้วกล่าวว่า

“ที่นี่แม้อากาศยังเย็นไม่ต้องแสงแดด แต่อากาศก็ร้อนแล้ว ของกินอยู่ได้อย่างมากก็สามวัน หลังจากสามวันค่อยหาหนทาง”

“อีกสามวันค่อยหาทางให้พวกเขาส่งมาอีกก็แล้วกัน”

เจ้าจินเลี่ยงกล่าวอย่างมั่นใจ

**************

หากมีคนเข้าใกล้ห้องทรงอักษรจะต้องตกใจ ในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยอาวุธ คนหลายคนในชุดขันทีกำลังขัดเช็ดจัดเก็บให้เรียบร้อย ที่น่ำตกใจก็คือ ฮ่องเต้ว่านลี่ถึงกับถลกแขนเสื้อช่วยเช็ดด้วย ทุกคนกำลังคุยไปยิ้มไป

“หวังทงคิดได้นะ พวกเจ้าไม่มีหนวดเครา ดูแล้วก็เหมือนขันที แต่งกายแบบนี้ ผู้ใดจะจำพวกเจ้าได้”

“ฝ่าบาท ตอนกระหม่อมก่อนเข้าวังยังหาช่างโกนหนวดมาโกนโดยเฉพาะ ยังมีเคราอีกนะ!”

ทุกคนอายุไม่น้อย หนวดเคราเป็นหนึ่งในสิ่งแสดงความเป็นผู้ใหญ่ ว่านลี่กล่าวเช่นนี้ หลี่หู่โถวอดไม่ได้โต้ขึ้น เสียงหัวเราะเฮฮาดังอยู่นั้น ด้านนอกก็มีเสียงรายงานดังมา จางเฉิงกับหวังทงที่สวมชุดขันทีเช่นกันเดินเข้ามา พอหวังทงเข้ามาก็ปาดเหงื่อ ทูลว่า

“ฝ่าบาท ในห้องทรงอักษร อย่างไรก็ไม่อาจนอนค้างได้ ไปดูที่ตำหนักพระสนมกับที่พักจางกงกงมา สามารถอาศัยพักได้อยู่”

ฮ่องเต้ว่านลี่โบกพระหัตถ์ปัดฝุ่น ชี้ไปยังอาวุธที่พื้นตรัสว่า

“พวกนี้ทำไงดี?”

จางเฉิงรีบทูลว่า

“เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล บอกว่าเป็นบรรณาการจากเทียนจินถวายแด่พระสนมเจิ้ง……”

ในยามนั้นเอง ด้านนอกก็รายงานดังมา เจ้าจินเลี่ยงกระหืดกระหอบวิ่งมา พอเข้ามาก็คุกเข่าลงกราบทูลดังว่า

“ฝ่าบาท ฝ่าบาท คนตระกูลจางจวีเจิ้งขอเข้าวังกราบทูลเรื่องท่านจางจากไปแล้ว……”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version