Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 620

ตอนที่ 620 อยากพักก็ไม่ได้

ตั้งแต่หลี่หู่โถวเข้ามาในลานฝึกหู่เวยได้รู้จักฮ่องเต้ว่านลี่ก็เท่ากับอำนาจวาสนามาถึงตัวแล้ว อนาคตยิ่งใหญ่ แรกสุดได้เป็นนายกองพัน ต่อมาเป็นรองแม่ทัพ อย่างไรก็ตำแหน่งสูงกว่าหลี่เหวินหย่วน บิดาเขา

เหตุการณ์จลาจลในเมืองหลวงครานี้ ตระกูลหลี่พ่อลูกล้วนมีความชอบ แต่ข้างนอกนั้นหลี่เหวินหย่วนปราบเพียงพวกนิรนามที่ก่อการ ก็แค่สู้กับลูกเป็ดลูกไก่ หากพวกหลี่หู่โถวอารักขาในวัง สิบกว่าคนต้านทานโจรบ้าคลั่งหลายร้อย ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ล้วนเทียบกันไม่ได้

กอปรกับน้ำพระทัยที่ฮ่องเต้ว่านลี่มีให้หลี่หู่โถว แน่นอนกว่ารางวัลและการเลื่อนตำแหน่งย่อมได้มากกว่าหลี่เหวินหย่วน แต่คนในครอบครัวได้ดี หลี่เหวินหย่วนเองก็มิได้โกรธ เป็นเรื่องแซวกันพอขำขันเท่านั้น

ในห้องสามคนล้วนเหน็ดเหนื่อย แต่สภาพจิตใจไม่เลว หลี่ว์วั่นไฉคว้าพัดจีบขึ้นมาพัดไปสองสามทีก่อนจะยิ้มถามหวังทงว่า

“อย่ามัวแต่พูดถึงพวกเราเลย น้องหวังได้รางวัลอันใดในครานี้หรือ?”

หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“ฝ่าบาทแต่งตั้งข้าให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาสำนักองครักษ์เสื้อแพร แต่ก็เป็นเพียงพระดำรัส”

“วันหน้าคงต้องเรียกร้องหวังว่า ท่านผู้บัญชาการแล้ว ตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์หมิงมา ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรไม่เคยอายุน้อยเพียงนี้ ยินดีด้วย น่ายินดี ๆ !!”

หลี่ว์วั่นไฉยิ้มอวยพรขึ้น หวังทงก็พยักหน้ากล่าวว่า

“แต่ตำแหน่งนี้ยังต้องรอให้มหาอำมาตย์ตัดสินเลือกมาด้วย อีกสองวันกลับเทียนจิน ไปรอรับราชโองการที่เทียนจิน!”

ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรเป็นตำแหน่งใหญ่ คณะเสนาบดีใหญ่เลือกคน สำนักส่วนพระองค์ลงชาดอนุมัติ ออกหนังสือเป็นทางการ ขาดขั้นตอนใดย่อมไม่ได้ หวังทงเองก็ไม่ร้อนใจอันใด อย่างไรก็อยู่เทียนจินมานานได้หลายปีแล้ว

“……หอรุ่งเรืองมาส่งอาหารแล้ว……”

ในตอนนั้นเอง หลี่หู่โถวด้านนอกก็ตะโกนดังเข้ามา ทุกคนหยุดหัวข้อสนทนา พากันเดินออกจากห้องไป

ลานด้านหน้าบ้านหลี่เหวินหย่วนแม้จะแคบ แต่ทุกวันมีทหารองครักษ์เสื้อแพรมาปัดกวาด จึงสะอาดเรียบร้อยมาก จัดโต๊ะเลี้ยงสองโต๊ะก็ย่อมเหมาะสม

หอรุ่งเรืองไม่เพียงแต่ส่งอาหารมา แม้แต่เก้าอี้และโต๊ะก็ให้รถใหญ่ขนมาด้วย อย่างไรก็เป็นเถ้าแก่เจ้าของร้านจัดงานเอง ย่อมตั้งใจเป็นพิเศษ ตอนพวกหวังทงออกมา โต๊ะเก้าอี้จัดเสร็จแล้ว อาหารก็จัดวางเรียบร้อย ใช้ผ้าแพรบางคลุมไว้ อีกด้านหนึ่งยังมีโคมไฟตั้งอยู่หลายจุด ส่องสว่างไปทั้งลาน มุมหนึ่งยังจุดกำยานหอม ด้านในเป็นกำยานหอมไล่ยุง

ตอนหวังทงเดินออกมา พวกลี่เทาก็มาถึงแล้ว เฉินต้าเหอก็มาด้วย ที่ไหล่ใช้ผ้าขาวพันแผลเอาไว้แน่นหนาพร้อมห้อยผ้าคล้องไว้ หวังทงมองเขาพลางยิ้มกล่าวว่า

“พวกเนื้อวัว เนื้อแพะ และกุ้งปลา ของไม่ดีพวกนี้เจ้าก็อย่าได้แตะต้องเลย แผลจะได้หายเร็ว!”

เฉินต้าเหอรับคำ เมื่อคืนในเวลานี้ยังเตรียมป้องกันเคร่งเครียด คืนนี้ทุกคนมารวมตัวกันร่วมงานเลี้ยงพร้อมหน้า ขุนพลกองกำลังหู่เวยอายุน้อย อดตื่นเต้นไม่ได้

โต๊ะเลี้ยงสองโต๊ะ ย่อมไม่ใช่แค่สำหรับคนหวังทงที่พามาจากเทียนจินเท่านั้น เฉินซือเป่า ถังซื่อไห่ ยังมีหลี่กุ้ยและหวังซื่อจากศาลซุ่นเทียนก็ล้วนเรียกมา ตอนนี้ล้วนมาถึงแล้ว นายกองร้อยสองกองร้อยเถียนหรงหาวก็มา นับว่าเป็นงานเลี้ยงใหญ่ของบรรดาคนสนิทหวังทง

เรื่องเมื่อคืนแม้ว่าอันตรายยิ่ง แต่ทุกคนตอนนี้ล้วนได้ประโยชน์ วันดีๆ ก็กำลังจะมาถึง ทุกคนย่อมยินดีปรีดายิ่ง สีหน้าแย้มยิ้มกว้าง บรรยากาศแห่งความสุขอย่างที่สุด

นายกองร้อยเถียนหรงหาวแห่งถนนทักษิณกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางผู้คน ห้าปีก่อนเกรงว่าตำแหน่งเขาน่าจะสูงสุด แต่ตอนนี้เขานับว่าเป็นตำแหน่งธรรมดาที่สุด ทว่าเถียนหรงหาวอุปนิสัยสุขุมอยู่มาก ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจคับแค้นใจแต่อย่างใด ยังคงคุยสรวลเสเฮฮากับทุกคนได้สนิทอย่างมาก

พอหวังทงมาถึง เห็นเถียนหรงหาวก็รู้สึกแปลกๆ ปีนั้นตนเองเป็นทหารชั้นธรรมดาสุดในองครักษ์เสื้อแพร ต้องหาเรื่องมาเอาใจนายกองร้อยเถียนมากมาย ถึงกับต้องเอาสมบัติบิดาที่เหลือไว้ให้ครึ่งหนึ่งให้ไป ปีนั้นตนเองมองตำแหน่งนายกองร้อยเถียนด้วยความเลื่อมใส่ ตอนนี้กลับกัน คนเราช่างเปลี่ยนแปลงยากคาดเดา

“นายกองร้อยเถียน อีกสักครู่ข้าจะไปที่จวนเจ้าสักหน่อย ไปไหว้ลุงเถียน จุดธูปไหว้สักหน่อย!”

คิดถึงตรงนี้ หวังทงก็หันไปกล่าวกับนายกองร้อยเถียน พอนายกองร้อยเถียนได้ยินก็สะดุ้ง ลุกขึ้นก้มกายคำนับกล่าวว่า

“ข้าน้อยขอบคุณใต้เท้า!”

หวังทงยิ้มพยักหน้า ในใจก็รู้สึกงง แค่ใจคิดจะรำลึกเรื่องเก่า ไยต้องคำนับนอบน้อมเช่นนี้ด้วย หลี่ว์วั่นไฉข้างๆ กลับเห็นบางอย่างในวาจานี้ เข้าไปกระซิบว่า

“น้องหวังลืมแล้วหรือ? ลุงเถียนเคยเป็นคนรับใช้เก่าแก่ในจวนจางจวีเจิ้ง ลุงเถียนจากไป แต่ทุกคนก็ยังเห็นแก่จางจวีเจิ้ง ตอนนี้จางจวีเจิ้งก็จากไปแล้ว ยังมีผู้ใดสนใจเขากัน น้องหวังไปเยี่ยมเยือน ก็เท่ากับเป็นการให้ยันต์คุ้มกันเขาไว้!”

หวังทงยิ้มค้าง คิดไม่ถึงเรื่องนี้เลย

คืนนี้ ทุกคนร่วมวงสนทนาเฮฮาก่อนจาก

************

วันที่ 21 เดือนหก เมืองหลวงปลดระดับการป้องกัน ท้องถนนล้วนเริ่มคึกคัก ราษฎรค้นพบเรื่องหนึ่งด้วยความแปลกใจ ถนนหนทางไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด หากไม่มีร่องรอยกำแพงพังอยู่บ้าง เกรงว่าทุกคนคงคิดว่าเหตุเมื่อคืนเป็นเพียงฝันไป

มีคนวิเคราะห์คาดเดาว่า หลังเหตุเมื่อคืน ขุนนางในเมืองล้วนมีปฏิกิริยาฉับไว ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด

มีคนนอกเมืองเข้ามาเล่าในเมืองว่า นอกเมืองหลายแห่งถูกทำลายหนัก มีการเผาบ้านเรือนหลายร้อย ว่ากันว่าตอนเกิดเรื่อง มีนายทหารเมืองหลวงคิดจะเข้ามาช่วย หากถูกรองขุนพลเมืองหลวงเซี่ยหยวนเฉิงตำหนิกลับไป ว่าไม่ใช่เรื่องด่วน ไม่อาจเคลื่อนกำลังพลการได้

เจ้าดูเสนาบดีกรมพิธีการใต้เท้าเซินสิ พอเห็นเหตุการณ์วุ่นวาย ก็ไม่กลัวเกรงภัยออกไปยังจวนชนชั้นสูงรวบรวมกำลังคนงานทหารในจวนต่างๆ ร่วมมือกับทางการปราบเหตุจลาจลลงได้ มิน่าเซี่ยหยวนเฉิงตอนนี้จึงถูกจำคุก เป็นคนชั่วคิดคดจริงๆ

ร้านสุราร้านอาหารทุกแห่งล้วนวิพากษ์วิจารณ์กันปากต่อมา เรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดก็คือเรื่องราวจากบรรดาขันทีในวังที่เล่าต่อๆ กันมา เช่นว่าฮ่องเต้ว่านลี่ทรงพระปรีชามองการณ์ไกล ไทเฮาทรงพระปรีชาตัดสินพระทัยเฉียบขาด ให้เรียกตัวหวังทงขุนพลกล้าเข้าวัง จึงได้ทำลายพวกชั่วร้ายสิ้นซากลงได้

ข่าวแพร่กระจาย นอกจากเล่าถึงหวังทง ยังมีความกล้าของเสนาบดีกรมพิธีการเซินสือหังที่มากกว่าคนปกติ รวบรวมกำลังจากจวนชนชั้นสูงต่างๆ ออกปราบจลาจลได้ ส่วนเรื่องเสนาบดีกรมหทารจางซื่อเหวยทำนั้น ก็แค่งานที่ทำไปตามคำสั่งราชสำนัก ไม่มีค่าควรแก่การเอ่ยถึงอันใด

ราษฎรว่ากันเช่นนี้ แต่พอผ่านไปวันหนึ่ง บรรดาบัณฑิตในเมืองหลวงกลับเล่าไม่เหมือนกัน บทความนอกจากสรรเสริญพระปรีชาฮ่องเต้ว่านลี่แล้ว ยังบอกเล่าถึงความกล้าหาญและปัญญาของจางซื่อเหวย ไม่เกรงกลัวภัย ปราบจลาจลลงได้ เป็นเสาค้ำแห่งแผ่นดินหมิง

พวกที่เข้าใจการเมืองของเมืองหลวงก็ย่อมรับลูกที่บรรดาบัณฑิตพวกนี้กล่าวขึ้นมาทันที บอกว่าจางซื่อเหวยกล้าหาญและมีปัญญา บอกว่าเป็นเสาค้ำแผ่นดินหมิง คิดโยงไปถึงตำแหน่งมหาอำมาตย์ที่ว่างลง ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ

แต่ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายนัก ก่อนหน้าเรื่องจางจวีเจิ้งไว้ทุกข์ บรรดาขุนนางบัณฑิตก็วิพากษ์วิจารณ์กัน แต่พอจัดการเด็ดขาด ก็ควบคุมให้เงียบลงได้

จางซื่อเหวยเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของจางจวีเจิ้ง แอบอยู่หลังจางจวีเจิ้งมาตลอด การที่สามารถดึงเสียงขุนนางบัณฑิตพวกนี้มาไว้ข้างตนได้ ฝีมือไม่เลวเลยจริงๆ

เมื่อคืนหวังทงไปไหว้ลุงเถียน กลับมาก็ล้างหน้าบ้วนปากง่ายๆ ก่อนเข้านอน ตอนตื่นมาฟ้าก็สว่างแล้ว ที่ไหล่ยังรู้สึกหนักๆ แต่ก็ไม่ได้ปวดอันใด คิดว่าฤทธิ์สุรานวดคงได้ผล

หลี่เหวินหย่วนออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว หลี่หู่โถวตื่นเช้า มาก็ไปวิ่งเล่นบนถนนทักษิณ ที่ลานด้านหน้ามีแต่หวังทงคนเดียว แต่มีคนรออยู่สามคน

หวังทงผลักประตูออกมาก็เห็นหยางซือเฉินอยู่ในโถงรับแขก พอเห็นหวังทงออกมา หยางซือเฉินก็รีบคำนับ หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“หากไม่ใช่ท่านหยางไปจวนใต้เท้าเซิน หลายเรื่องก็คงไม่สำเร็จสมบูรณ์เช่นนี้ได้ ลำบากท่านหยางแล้ว!”

คืนนั้นมีพวกก่อการเท่าไรกันแน่ ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้ หวังทงจำเป็นต้องใช้สรรพกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด กำลังของฉินซือเป่ากับถังซื่อไห่ก็ต้องคิดก่อน แต่หากไม่มีกำลังคนศาลซุ่นเทียนหรือองครักษ์เสื้อแพรร่วมด้วย เกรงว่าคงเกิดเหตุกลับตาลปัตรได้

หากพอเสนาบดีกรมพิธีการเซินสือหังไปเยือนถึงจวน ก็ย่อมแตกต่าง ไม่กล่าวถึงเรื่องอื่น แค่ในวัง ฮ่องเต้ว่านลี่สอบถามตัวเลือกมหาอำมาตย์ แค่คำถามนี้ การที่หยางซือเฉินไปเยือนถึงจวนย่อมนำประโยชน์ใหญ่ไปให้

ได้ยินเช่นนี้ หยางซือเฉินก็ยิ้มเฝื่อนๆ ลุกขึ้นยืน มองไปยังคนสองคนข้างๆ หนึ่งเป็นนายกองร้อยสำนักบูรพาเซวียจานเยี่ย อีกหนึ่งเป็นขันทีแปลกหน้าอายุน้อย เซวียจานเยี่ยสบตากับขันที เซวียจานเยี่ยยิ้มกล่าวว่า

“ท่านหยางมาก่อน ให้พูดก่อน ข้ากับเมิ่งกงกงออกไปตากแดดข้างนอก”

สองคนออกกไป หยางซือเฉินก้าวเข้าไปใกล้กล่าวว่า

“ใต้เท้าเซินมีวาจาให้ข้านำมาบอกใต้เท้าหวัง เกรงว่าตำแหน่งมหาอำมาตย์คงเป็นจางซื่อเหวยแล้ว จางซื่อเหวยนั่งตำแหน่งนี้ เกรงว่าใต้เท้าคงต้องเตรียมป้องกัน”

ได้ยินวาจาหยางซือเฉิน หวังทงขมวดคิ้ว กล่าวว่า

“ฝ่าบาทบอกกับข้าในวังแล้วว่า เซินสือหังกับจางซื่อเหวย ให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์ ฝ่าบาทเองก็เห็นชอบใต้เท้าเซิน หรือว่าใต้เท้าเซินคาดการณ์ผิด……”

หวังทงแค่นเสียงเย็นหัวเราะกล่าวว่า

“วาจาขุนนางบัณฑิตพวกนี้พ่นอันใดกัน ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

“ใต้เท้า วาจาขุนนางบัณฑิตพวกนี้ไม่น่าให้ค่าอันใด การทำงานของจางซื่อเหวย หากไม่มั่นใจถึงเก้าส่วน เขาจะกล้าให้คนเหล่านี้ออกมาสร้างกระแสหรือ ใต้เท้าเซินอยู่เมืองหลวงไม่มีหูไม่มีตา แต่ก็รู้ว่าหลายวันนี้จางซื่อเหวยไปยังจวนอู่ชิงโหวและเข้าหาเฝิงเป่าหลายรอบ ใต้เท้า ท่านลองคิดดูว่าเบื้องหลังนี้คืออันใด”

“ใต้เท้ายังอยู่เมืองหลวง รีบวางแผนก่อน จางซื่อเหวยยังอาจกล่าวถึงใต้เท้าดีๆ ในราชสำนัก……”

หากเขารวมตัวกับไทเฮาและเฝิงเป่าเป็นพันธมิตรได้ ตนเองจะไปทำอันใดได้ หวังทงหงุดหงิดกัดฟันกล่าวว่า

“กำลังเช่นจางจวีเจิ้งข้ายังผ่านพ้นมาได้ จางซื่อเหวยจะสักเท่าไร!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!