Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 66

ตอนที่ 66 ลงมือให้หนัก

ปัจจุบันไม่มีประชาชนคนธรรมดาไปกินอาหารที่หอเลิศรสอีกแล้ว ตอนนี้ล้วนเป็นบรรดาขันทีและทหารองครักษ์วังหลวง ขุนนางใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงและทหารองครักษ์วังหลวงล้วนเป็นตำแหน่งสืบทอดจากบรรพบุรุษ สังคมจึงแคบมาก

เรื่องที่เฝิงเป่าและจางจวีเจิ้งเคยไปที่หอเลิศรส ก็เป็นเรื่องที่เล่ากันอยู่ในวงแคบ ผู้ที่รู้หากไม่กล้าเอ่ยถึง ก็ไม่อยากเอ่ยถึง

ดังนั้นสายตาคนนอกมองหวังทงแล้วก็คิดว่าเป็นแค่โชคดี หนึ่งได้เลื่อนเป็นนายกองธงใหญ่ สองได้ทำการค้ากับคนในวัง เรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่นั้นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้

เสียงที่ดังขึ้นหลังกลุ่มชายชุดดำก็คือเหอจินอิ๋น พอเขาปรากฏกายขึ้น บรรดาชายชุดดำที่ท่าทีอ่อนลงก็กลับฮึกเหิมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนถืออาวุธในมือเขยิบเข้าประชิดพร้อมลงมือ

จากที่โดนยัดข้อหา ‘สังหารขุนนาง ก่อการกบฏ’ ทำเอาบรรดาชายชุดดำกลัวจนหัวหด แต่วาจาห้าวหาญของเหอจินอิ๋น กลับทำให้จิตใจพวกเขาฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง

จะว่าไปก็แปลก องครักษ์เสื้อแพรในชุดมัจฉาเวหา 12 นาย พร้อมมือปราบจากศาลซุ่นเทียน 2 นาย กลับสยบบรรดาชายชุดดำ 20 กว่าคนเบื้องหน้าที่ไม่ใช่คนดีนี้ได้

“เหอจินอิ๋น ข้ามาสอบคดีที่นี่ มีเรื่องต้องการถามเจ้า”

“น่าขัน ข้ามีคดีอะไรกัน ใต้เท้าทุกท่าน บ่อนของข้าน้อยยังต้องทำมาหากิน หากขาดตกบกพร่องอะไรไป ข้าน้อยจะนำไปมอบให้วันหลัง หากไม่จบไม่สิ้น ฟ้องร้องกันขึ้นมา คิดว่าข้าน้อยไม่รู้จักใต้เท้าผู้ใหญ่ในเมืองหลวงนี้หรืออย่างไร?”

พอพูดจบ บรรดาชายชุดดำเบื้องหน้าก็เขยิบเข้ามาอีกก้าว ไม้พลองยาวของหลี่เหวินหย่วนขวางอยู่ที่พื้นเบื้องหน้า เมื่อมีคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาใกล้ห่างราวสามก้าว ไม้พลองในมือหลี่เหวินหย่วนก็เหมือนกับงูที่มีชีวิตดีดใส่ทันที ทะลวงเข้าหว่างขาของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว ตวัดขึ้นบนหนึ่งที ก่อนจะฟาดซ้ายทีขวาที

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นคราหนึ่ง ผู้นั้นก็กุมหว่างขาล้มลงทันที

“ใต้เท้าหวัง อย่าได้เล่นกันไม่รู้จักขอบเขต!!”

เหอจินอิ๋นที่อยู่ด้านหลังคนเหล่านั้นส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห หวังทงยามนี้ก็โมโหมากเช่นกัน จึงปรี่เข้าใส่พร้อมกับไม้พลองในมือ บรรดาคนที่ถืออาวุธประจันอยู่เบื้องหน้าก็พากันกรูเข้าใส่กัน

หากกล่าวถึงเรื่องฝีมือโจมตี หวังทงมากสุดก็แค่ระดับผิวเผิน แต่ประสบการณ์ต่อสู้บนท้องถนนก็ไม่ด้อยไปว่าผู้ใด แม้ว่าในยุคนี้เขาไม่เคยต่อสู้กับใครมาก่อนก็ตาม

การต่อสู้บนท้องถนน หนึ่งต้องเร็ว สองต้องแรง อาวุธในมือคนเบื้องหน้าตีโดนแขนซ้ายของเขา พลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นทันใด แต่หวังทงก็สะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ กระแทกไม้พลองในมือใส่หน้าอกคนผู้นั้นอย่างแรง จุดที่ตีลงไปทำเอาหายใจไม่ออกในทันที หวังทงใช้เท้าถีบตามไปที่ท้องน้อยทีหนึ่ง ล้มลงไปทันทีหนึ่งคน

บรรดาชายชุดดำแม้ใจกล้า แต่เบื้องหน้าอย่างไรก็เป็นขุนนาง องครักษ์เสื้อแพรกับมือปราบศาลซุ่นเทียนในเมืองหลวง เป็นพวกน่าเกรงขาม หากลงไม้ลงมือกันจริงก็ต้องคิดให้มาก

เกิดอะไรกันขึ้นย่อมต้องเสียเปรียบเป็นแน่ ทางนั้นพอเห็นหวังทงรุกเข้าใส่ ซุนต้าไห่และคนอื่นๆ ก็ร้องตะโกนกันอย่างพร้อมเพรียง บุกเข้าใส่ทันที

แม้ว่าขาหลี่เหวินหย่วนจะไม่ดี แต่ก็ยังก้าวเข้าใส่ แต่ใครก็คาดไม่ถึงว่า ผู้ที่บุกอยู่ด้านหน้าสุดกลับเป็นหม่าซานเปียว

ฝีเท้าก้าวยาว ร่างกายบึกบึน ก้าวไม่กี่ก้าวจากด้านหลังขบวนก็บุกมาอยู่ด้านหน้า หม่าซานเปียวยกไม้พลองในมือขวางไว้ด้านหน้า ส่งเสียงคำรามดังก้องพุ่งเข้าใส่ทันที ข่มขวัญคู่ต่อสู้อย่างมาก จิตใจของผู้ที่ประจันอยู่ด้านหน้ารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แต่จะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว

การพุ่งเข้าใส่ของหม่าซานเปียวซัดล้มลงไปสาม เปิดพื้นที่ข้างตัวเอาไว้ นายกองธงเล็กซุนต้าไห่มียุทธวิธีมากกว่า ซุนต้าไห่กับองครักษ์ผู้ที่ร่างกายกำยำอีกผู้หนึ่ง ขวางไว้ด้านหน้า ด้านหลังมีอีกสองสามคนคอยป้องกันเอาไว้ พอรุกเข้าด้านหน้า ก็จะมีคนปะทะกับซุนต้าไห่กับอีกคนด้านหน้า ส่วนคนประชิดอยู่ด้านหลังก็จะรีบตีตลบหลัง จากนั้นก็จะหันหาเป้าหมายที่สอง

หลังจากหวังทงฟาดล้มไปหนึ่งคน ชายชุดดำก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง รีบร้องตะโกนให้ล้อมเอาไว้ แต่ไม้พลองยาวในมือหลี่เหวินหย่วนที่ใช้วิธีการโจมตีระยะไกล ลีลาตวัดฟาดจากบนตวัดขึ้นจากล่าง ครู่เดียวก็ล้มไปอีกสอง!

“เหอจินอิ๋น มุดออกมาเดี๋ยวนี้ หน้าตัวเมียแอบซ่อนอยู่หลังผู้อื่นทำตัวเป็นผีหรืออย่างไร!”

หวังทงไม่สนใจความเจ็บที่แขน กลับตวาดเสียงดังลั่น

ชายชุดดำแค่ 20 กว่าคนเท่านั้น เมื่อครู่ลงมือก็ล้มลงไปไม่น้อย คนที่เหลือยังจะกล้าอะไรอีก หลีกทางกระจัดกระจายเปิดทางทันที

หากจะกล่าวทำตัวเป็นผีก็ดูเหมือนจะใส่ร้ายเหอจินอิ๋นอยู่บ้าง เมื่อครู่ชาย 20 กว่าคนปิดทางเอาไว้ เผชิญหน้ากันเคร่งเครียด หากเหอจินอิ๋นจะก้าวมาด้านหน้าก็ยากอยู่ จึงได้ตะโกนอยู่ด้านหลัง

เหอจินอิ๋นอยู่ห่างจากหวังทงเจ็ดแปดก้าว สีหน้าโมโหสุดขีด จ้องหน้าหวังทงอย่างดุร้าย ตอนนี้เขาเผยตัวออกมาให้เห็นแล้ว หวังทงรีบหันไปเรียกหาเจ้าจินเลี่ยง

“หม่าซานเปียว ให้เจ้าอุ้มเด็ก เจ้าบุกมาด้านหน้าทำไม!”

พอเห็นหม่าซานเปียวยืนถือไม้พลองอยู่ด้านหน้าท่าทางดุดัน หวังทงก็อดตวาดขึ้นอย่างโมโหไม่ได้ พอหันไปมองก็เห็นหลี่หู่โถวจูงเจ้าจินเลี่ยงเดินออกมาด้านหน้าด้วยสีหน้าไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

ที่น่าแปลกใจก็คือ เจ้าจินเลี่ยงไม่ได้หวาดกลัวอะไร กลับเอาแต่จ้องมองเหอจินอิ๋นที่อยู่หลังกลุ่มคนตาไม่กระพริบ หวังทงไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ เอ่ยถามเสียงนิ่งเรียบว่า

“เสี่ยวเลี่ยง ใช่ลุงหัวล้านผู้นี้หรือไม่?”

ฤดูหนาวอากาศหนาวเหน็บ แต่เหอจินอิ๋นไม่กลัวหนาว เปิดหัวล้านออกมาเดินข้างนอก เจ้าจินเลี่ยงจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ จากนั้นก็พยักหน้ารับพูดเสียงสั่นเครือว่า

“ท่านลุงหัวล้านผู้นี้!”

เหอจินอิ่นสบตากับหวังทงและคนอื่นด้วยความโกรธ มือจับด้ามดาบ รู้สึกงงเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ เขาจ้องมองเจ้าจินเลี่ยง แต่ดูเหมือนจะจำไม่ได้

หวังทงสะบัดแขนข้างที่โดนตี ใช้ไม้พลองชี้ไปที่เหอจินอิ๋นกล่าวว่า

“เหอจินอิ๋น สามีภรรยาแซ่เจ้าร้านสินค้าแดนใต้เมื่อวานผูกคอตาย คดีนี้เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?”

พอได้ยิน เหอจินอิ๋นสีหน้าพลันเปลี่ยน คำรามเสียงดังว่า

“ข้าน้อยทำมาหากินสุจริต จะไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ใต้เท้ายังบอกเองว่าฆ่าตัวตาย สองสามีภรรยาคิดไม่ตกผูกคอตายเอง ข้าน้อยจะกล่าวอะไรได้?”

ชายชุดดำผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาลงมือ หม่าซานเปียวก็ไม่รอช้า ฟาดไม้พลองในมือเข้าใส่อย่างแรงทันที ผู้นั้นหลบแต่ก็หลบไม่พ้น คุกเข่าลงกับพื้นกุมแขนร้องโอดโอยทันที

ทางฝั่งหวังทงดูได้เปรียบขึ้นมาอีกหลายส่วน เหอจินอิ๋นถามกลับเช่นนี้ หวังซื่อมือปราบจากศาลซุ่นเทียนก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า

“สร้างสถานการณ์บีบคั้นให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายก็มีโทษหนักจับขังคุกตัดหัวเหมือนกัน เจ้าซ่องสุมโจรต่อต้านการทำงานเจ้าหน้าที่ ตอนนี้ยังกล่าววาจาปิดบัง น่าสงสัยยิ่งนัก!!”

สถานการณ์ยามนี้กลับสามารถกล่าวคำพูดเป็นการเป็นงานได้ แต่วาจาเช่นนี้กลับยิ่งบีบให้เหอจินอิ๋นเข้าสู่มุมอับ คิดไม่ถึงว่าพอพูดออกไป เหอจินอิ๋นกลับถลึงตาจ้องสองมือปราบ ก่อนจะจ้องหน้าหวังทงกัดฟันตอบว่า

“ใต้เท้าหวัง บ่อนเราทำการค้ามาหลายปี ขอเตือนท่านสักประโยค อย่าได้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หากเดาไม่ผิด นายกองพันโจวหลินปิ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของใต้เท้าหวัง ใต้เท้าโจวนั้น ข้าน้อยไปมาหาสู่อยู่เสมอ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!