Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 671

ตอนที่ 671 องครักษ์เสื้อแพรเกียจคร้าน ยิ้มรับมือ

เช้าวันที่ 12 เดือนสอง อากาศยังคงหนาวเย็นอยู่ แต่พระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็อบอุ่นขึ้นมาก

หวังทงยืนอยู่บนเวทีไม้ ข้างกายมีนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรสองนาย หนึ่งก็คือโจวหลินปิ่งที่เคยเป็นนายหวังทงมาก่อน อีกหนึ่งก็คือนายกองพันเก่อลี่ที่เคยเจอกันหลายครั้ง

โจวหลินปิ่งนั้นตั้งแต่หวังทงเริ่มรุ่งเรืองก็เริ่มคบหากันมาแล้ว นับว่าเป็นองครักษ์เสื้อแพรไม่กี่คนในเมืองหลวงที่รู้เบื้องหลังหวังทง ย่อมไม่กล้าล่วงเกิน ส่วนนายกองพันเก่อนั้น ถูกจัดการมาครั้งหนึ่งที่หอฉินก่วน ไปเทียนจินยังโดนจัดอย่างไม่เกรงใจอีกรอบหนึ่ง ตอนนี้หวังทงเป็นนายของเขา ย่อมเกรงกลัวอย่างมาก

ทหารของหวังทงล้วนอยู่ด้านล่างเวที พื้นที่ว่างด้านหน้าใช้ปูนขาววาดเป็นช่อง มีคนมา ทหารหวังทงก็ถามที่มาที่ไป จากนั้นก็จัดให้ไปยืนตามแถวที่กำหนด ก็คือจัดแบ่งไปตามกองร้อยที่สังกัด

ที่หวังทงเลือกโรงบ้านนี้ก็เพราะว่าโรงบ้านนี้กว้างใหญ่ สองพันคนจุได้ไร้ปัญหา แต่ตอนนี้พื้นที่ว่างหน้าเวทีมีคนน้อยมาก

“ข้าลองนับดูแล้วก็ราว 600 คน นายกองร้อยสังกัดท่านทั้งสองย่อมมาแล้ว คนใกล้ชิดก็มาแล้ว คนที่เหลือจัดการไม่ได้งั้นหรือ?”

หวังทงมองไปยังพื้นที่ว่างตรงหน้ายิ้มถาม เขายิ้มถาม แต่ก็ทำเอาโจวหลินปิ่งและเก่อลี่เริ่มเครียดขึ้นมาทันที โจวหลินปิ่งลังเลครู่หนึ่งก็เข้าไปใกล้กระซิบว่า

“ใต้เท้าโปรดอภัย ทหารในสังกัดข้าน้อยก็เป็นเช่นนี้ ควบคุมมากไปก็ย่อมล่วงเกินเข้า นายเบื้องบนอาจไม่พอใจตำหนิเอาได้!”

เก่อลี่ข้างๆ ก็พยักหน้ำตาม หวังทงค่อยๆ ส่ายหน้า วันนั้นตอนเข้าเป็นนายกองร้อยอยู่ถนนทักษิณ นายกองร้อยเถียนหรงหาวอำนาจไม่น้อย ทำอะไรก็ไม่เกรงใจผู้ใดนัก หลายเรื่องโจวหลินปิ่งก็ไม่อาจข้องเกี่ยวได้

หวังทงตอนนี้ตำแหน่งไม่เหมือนเดิม เข้าใจเรื่องราวก็มากขึ้น รู้ว่านายกองพันเอานายกองร้อยไม่อยู่ ก็เพราะมีอำนาจเหนือขึ้นไปอีก มีบางคนสามารถกุมอำนาจนายกองพันเอาไว้ในอุ้งมือได้ สถานที่สำคัญเช่นเมืองหลวงนี้ ก็ย่อมมีปัญหาที่แอบซ่อนมากมาย ดังนั้นองครักษ์เสื้อแพรไม่รู้เมื่อไรที่เป็นระบบนำยกองร้อยเข้มแข็ง นายกองพันอ่อนแอ คนนอกคิดว่าตำแหน่งต่างกัน ย่อมมีเจ้านายลูกน้อง กลับไม่รู้ว่าองครักษ์เสื้อแพรนั้นต่างออกไป

เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้ให้หวังทงมาจัดการ ธรรมเนียมเดิมย่อมไม่อาจเป็นดังเดิม แต่ก็ไม่อาจโทษโจวหลินปิ่งกับเก่อลี่ได้ หวังทงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปว่า

“นายกองพันโจวมีทหารใหม่ 670 นายกองพันเก่อมี 460 ในจำนวนนี้มีนายกองร้อย 5 คน นายกองธงใหญ่ 9 คน เหตุใดจึงมีพลทหารมากเพียงนี้”

โจวหลินปิ่งส่งสายตาให้เก่อลี่ ต่อหน้านายไม่ควรให้คนหนึ่งพูดคนเดียว เก่อลี่กระแอมไอกล่าวว่า

“ใต้เท้าตอนนี้ทหารใหม่เข้าสังกัด ในยามสงบสุขไม่มีคดีอันใด ไม่มีงานให้ทำมาก ก็อยู่ไปอย่างนี้สิบปี รอให้คุ้นเคยกับงาน สามารถปฏิบัติหน้าที่เองได้ ก็อายุราว 40 ขึ้นไป คนพวกนี้ใช้งานได้วางใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะก่อเรื่องในเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจึงยังต้องพึ่งพาพวกเขาอยู่!”

“ทำไมไม่ให้พวกเขามาสอน ไม่ให้คนใหม่เรียนรู้ ให้พวกเขาทนๆ กันไปอย่างนี้ เสียงานเสียการไปมากเท่าไรแล้ว!”

“……ใต้เท้าหากถามเช่นนี้ ข้าน้อยก็ขอล่วงเกินตอบแล้ว หลายเรื่องไม่สู้น้อยเรื่อง พวกข้าน้อยแม้คิดเช่นนี้ แต่หัวหน้าเบื้องบนไม่อนุมัติ!”

หวังทงส่ายหน้าหลุดหัวเราะออกมาว่า

“หน่วยงานขุนนางบู๊อย่างเรา ทำเอาเป็นพวกขุนนางบุ๋นไปได้ แต่ก็นะ ก็ไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่เป็น ผู้ใดไม่เป็นบ้าง!”

พูดไปเรื่อยเปื่อยสักครู่ หวังทงก็หันไปมองตารางเวลาชั่วคราวที่จัดให้ ยิ้มกล่าวว่า

“เรื่องเวลา แจ้งให้คนของเจ้ารับทราบแล้วใช่ไหม!!”

ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ โจวหลินปิ่งกับเก่อลี่ก็พากันถอนหายใจโล่งอก เมื่อครู่รุกถามเช่นนั้น แม้ว่ายืนอยู่ด้านนอก แต่สองคนก็รู้สึกถึงเหงื่อไหลโทรมกาย

“เรียนใต้เท้า แจ้งให้ทราบไปหมดแล้ว เริ่มต้นด้วยการเรียกประชุมนายกองร้อยแต่ละแห่ง จากนั้นก็ขี่ม้าตามไปดูพวกเขาประกาศ”

“ข้าน้อยทางนั้นจัดให้คนที่ไว้ใจได้ไปจับตาดูทุกแห่ง ล้วนแจ้งให้ทราบหมดแล้ว!”

สองคนรีบตอบอย่างไม่กล้าชักช้า หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า

“ยามเหม่า[1]เปิดประตูเมือง ยามเฉิน[2]ครึ่งมารวมตัวกันที่นี่ กฎทหารเป็นเช่นนี้กระมัง!”

“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง กฏทหารเป็นเช่นนี้”

เขาสองคนไม่ทันสังเกต หวังทงใช้คำว่า “กฎทหาร” แทนคำว่า “กฎระเบียบ” ล้วนพากันตอบรับคำ หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“ยามเฉินครึ่งแล้ว”

โจวหลินปิ่งหันไปมองนาฬิกาแดด ก่อนจะลงไปยืนด้านล่างเวทีพร้อมกับเก่อลี่

พื้นที่ว่างหน้าเวทีมีคนยืนอยู่ราว 600 กว่าคน แต่ยืนกันแบบสองสามคนกลุ่ม สิบกว่าคนกลุ่ม กระจัดกระจาย เกือบจะยืนไปเต็มพื้นที่กว้างทั้งหมด ไม่มีผู้ใดมองมาทางเวที พากันยืนคุยหัวเราะไป ยังมีบางคนคว้าดาบปักวสันต์ออกมาวาดพื้นเก็บก้อนหินมาเล่นหมากรุก รอบๆ กลุ่มนี้นับว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง

ตอนแรกทหารหวังทงจัดตำแหน่งให้ ไม่มีผู้ใดสนใจ เสียงเอะอะโหวกเหวกดังไปทั่วบริเวณ ไม่นานก็มีคนส่งเสียงหัวเราะบ้าง ร้องโวยวายบ้าง ท่าทางผ่อนคลายสนุกสนานอย่างมาก

“วันในฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ หากหลับตา ยังคิดว่าริมทะเลเที่ยวเล่นที่เทียนจินเสียอีก”

หวังทงไพล่มือยืนบนเวทีไม้ยิ้มกล่าวขึ้น ด้านหน้าเขาก็คือเฉินต้าเหอ เฉินต้าเหอหันหลังให้หวังทง พอได้ยินก็หันไปกล่าวฮึดฮัดว่า

“ใต้เท้า ตอนแรกคิดว่าเมืองหลวงนี่จะสักเท่าไร คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นพวกราวกระสอบหญ้าเช่นนี้ได้ ไร้วินัยเช่นนี้หากอยู่ค่ายฝึกเทียนจินเราเกรงว่าคงโดนไปหลายกระบองแล้ว!”

“ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ นับว่าเจ้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว เจ้าคิดว่าใต้หล้านี้จะเหมือนเทียนจินเรางั้นหรือ?”

หวังทงยิ้มตอบ มองซ้ายมองขวา เงยหน้ามองไปยังพระอาทิตย์ กล่าวเสียงดังกังวานว่า

“เฉินต้าเหอ ให้ทุกคนที่เข้าฝึกไปยืนทางตะวันตก เกลี้ยกล่อม อย่าใช้อารมณ์ อย่าลงมือ!!”

เฉินต้าเหอรับคำ เข้าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความงง ทหารหวังทงได้รับคำสั่งก้าวเข้าไป เริ่มมีคนทยอยไปทางตะวันตก หวังทงออกคำสั่งไป ทหารใหม่ที่เข้ารับการฝึกแม้จะไม่พอใจแต่ก็ทำตามโดยดี

ยืนบนเวที มองเห็นข้างล่างชัดเจน ทหารองครักษ์เสื้อแพรที่กำลังคุยสนุกสนานอยู่มีคนมาขัดจัดหวะก็ไม่พอใจ แต่ทหารหวังทงพูดดีด้วย พวกเขาจึงได้แต่สบถบ่น หากก็ยอมไปรวมตัวทางตะวันตกแต่โดยดี คนข้างนอกเข้ามาใหม่ก็ไปเข้าทางประตูตะวันออก

“ต้าเหอ คนทางตะวันตกต้อนไป จัดคนเฝ้าให้ดี ตอนนี้ไม่ให้คนใหม่ไปทางนั้นอีก อย่าให้คนปะปนกันได้!!”

เฉินต้าเหอที่เพิ่งเดินกลับมารับคำสั่งต่อที่เวทีก็งง หากก็ออกไปจัดการตามคำสั่ง ทหาร 20 กว่าคนเรียงตัวเป็นแถวยาวตอนลึกจัดให้คนหลายร้อยทางตะวันตกยืนให้ดี นับว่ากั้นแยกออกจากกันแล้ว

หวังทงเปลี่ยนท่า ไพล่มือยืนตรงบนเวที เดิมคนพวกนี้ก็แค่หรี่ตามอง จากนั้นก็ทำเหมือนเดิม ไม่สนใจ ด้านนอกเข้ามาทีละคนสองคน

คนมาใหม่ก็แค่หรี่ตามอง จากนั้นก็มองหาเพื่อนสนิทจะเข้าไปรวมตัวกัน ตะโกนโหวกเหวกทักทายจะเข้าไป หากถูกทหารหวังทงขวางไว้ พวกเขาด่าทอเสียงดัง เห็นว่าไม่ให้ไป ก็อย่าหาว่าไม่เกรงใจ คนใหม่กับคนมาใหม่ก็รวมตัวกัน หรือไม่ก็มีทหารหวังทงคั่นกลาง คุยกันข้ามไปมาหัวเราะสนุกสนาน

“ได้ยินไหม หวังทงสวมเกราะขี่ม้ามารับตำแหน่ง ตลอดทางโดนหัวเราะเยาะ ยังทำให้พวกผู้บัญชาการลั่วที่รอต้อนรับตกใจสะดุ้ง ขายหน้าทหารอย่างเราเสียจริง!”

“เจ้าดูสิ ไพล่มือยืนตัวตรงบนเวที วางท่าวางทางซะนั่น เล่นอะไรอีกเนี่ย!!”

“ตอนข้าเพิ่งมารับเป็นองครักษ์เสื้อแพร เคยสนทนากับบิดาเขา บิดาเขาคุยกับผู้ใดก็ระวังตัวนอบน้อมยิ่ง หลายปีผ่านมา เจ้าเด็กนี้สานสัมพันธ์กับฝ่าบาทเสียได้!!”

“ข้าว่าเขาคงอยู่ไม่นานหรอก ใต้เท้าในราชสำนักผู้ใดรู้สึกดีกับเขาบ้าง เจ้าดูสิ ก่อเรื่องเช่นนี้ได้ อากาศอย่างนี้ เราพี่น้องได้อยู่ในร้านน้ำชาฟังงิ้วจิบชาก็คงดี……”

“ก็ใช่น่ะสิ เราไม่ได้ร่วมสนทนากันนานแล้ว คืนนี้ไปรวมตัวกันที่หอหมิงชุนดีกว่า ว่ากันว่ามีแม่นางจากเขตปกครองใต้ ร้องงิ้ว……”

พากันวิพากษ์วิจารณ์คนละคำสองคำย่อมมีไม่น้อยเข้าหูทหารหวังทง บางวาจาเกรงว่าคงตั้งใจให้ได้ยิน ทหารก็โมโหกันจนหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น แต่เพราะคำสั่งหวังทง พวกเขาจึงได้แต่อดทนเอาไว้

ผ่านไปครู่หนึ่ง หวังทงก็หันไปมองนาฬิกาแดด ยิ้มกล่าวว่า

“ได้เวลาแล้ว!”

กล่าวจบ น้ำเสียงหวังทงก็ยิ่งดังขึ้น ประกาศว่า

“ปิดประตูโรงบ้าน ไม่ให้ผู้ใดเข้ามา”

คนด้านล่างก็รีบปฏิบัติตาม คนที่ปฏิบัติหน้าที่วิ่งไปก็ล้วนเป็นคนของหวังทงทั้งสิ้น ออกคำสั่งไป ก็มีคนวิ่งไปปิดประตู ยามนี้ทหารด้านนอกอยากจะเข้ามา ประตูปิดลง พวกเขาคิดข้ามา คนหวังทงย่อมไม่ยอม คนพวกนี้มาสายได้แต่ด่าทอเสียงดัง ก่อนจะสะบัดหน้าจากไป ถึงกับมีคนตะโกนเข้ามาด้านใน เสียงดังโหวกเหวกยิ่งว่า

“พี่น้อง ข้าไปดื่มชาแล้ว พวกเจ้าเล่นละครลิงกันต่อไปเถอะ!!”

ด้านในมีคนส่งเสียงหัวเราะดัง มีคนด่าทอ วุ่นวายไปหมด แต่ประตูปิดแล้ว หวังทงมองไปทางประตูที่ปิดลง ยิ้มพยักหน้ากล่าวว่า

“ให้ทุกคนเงียบ ข้ามีเรื่องจะกล่าว!!”

พอได้ยินคำสั่ง ทุกคนก็เริ่มเดินไปลานด้านหน้า ตะโกนให้ทุกคนเงียบ คนหวังทงตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้นุ่มนวลมาตลอด ทหารที่มารับการฝึกก็ย่อมไม่เกรงกลัว แต่ในเมื่อมาประชิดตัว ก็ได้แต่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายพร้อมหัวเราะเยาะใส่หน้า

โจวหลินปิ่งและเก่อลี่พากันแอบมองหวังทงบนเวที คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขารู้ว่านายท่านน้อยผู้นี้ระดับไหนแล้ว คิดไม่ถึงว่าหวังทงจะเอาแต่ยิ้มเย็น

ใช้เวลากันมาเกือบหนึ่งก้านธูป เสียงเอะอะจึงได้สงบลง หวังทงมองซ้ายมองขวา กระแอมในลำคอก่อนจะกล่าวขึ้นว่า

“นับดูแล้วก็น่าจะได้เวลากินข้าวกลางวันแล้ว เวลาน้อย ข้าขอแค่คำสั่งเดียวละกัน!!”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็หัวเราะฮาลั่น หวังทงตะโกนดังขึ้นอีกว่า

“ทหารที่มาสาย ให้ลงโทษโบย 30 ทีตามกฎทหาร จัดการ!!”

…………………….

[1] ราว 5-7 โมงเช้า

[2] ราว 7-9 โมงเช้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version