Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 675

ตอนที่ 675 ปฏิกิริยาแตกต่างกัน

“จากนี้ไป ให้ปลดจากตำแหน่งนายกองธงใหญ่ ให้เริ่มจากเป็นพลทหารก่อน ดูผลการทำงานก่อน หลิวซื่อเต๋อ เจ้าเข้าใจไหม?”

ได้ยินหวังทงบนหลังม้าถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น นายกองร้อยเบื้องล่างที่กำลังหวาดกลัวก็รีบก้มคำนับ เหรินชุนไหลนอนเปลือยคว่ำอยู่บนพื้น ตั้งแต่หลังถึงต้นขาเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อเละไปหมด หายใจพะงาบ

“พรุ่งนี้แบกไปที่ลานฝึก!”

หวังทงกล่าวจบก็หันหลังควบม้าจากไป นำคนทั้งหมดจากไปอย่างไม่ยี่หระสิ่งใด คนมุงรอบๆ มีทั้งราษฎรและทหารองครักษ์เสื้อแพรสังกัดนายร้อยคนนี้ พอเห็นสภาพเหรินชุนไหล ไม่เพียงแต่ไม่มีคนสงสาร ยังแอบส่งเสียงเชียร์กันไม่น้อย

เจ็บก็เจ็บ หากก็มองแผ่นหลังหวังทงจากไป ในใจก็สะดุ้งวาบ รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรคนใหม่ผู้นี้ช่างน่ากลัวเสียจริง

ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว หวังทงขี่ม้าผ่านถนนหลายสายในเขตทักษิณ ยามนี้จะได้เห็นทหารผูกผ้าแดงที่แขนขวานำพวกทหารสังกัดเดียวกันที่ด่าทอขัดขืนโบยต่อหน้า โยนลงพื้น โบยไม้ 30 ทีและแส้ 10 ที พอลงมือเสร็จก็ยืนกันไม่ขึ้น คนในครอบครัวส่งเสียงร่ำไห้พากันประคองกลับบ้านไป

ยามเช้าประตูเมืองเปิด ทหารอารักขาหวังทงกับคนของหลี่เหวินหย่วนก็คัดเลือกทหารที่มีฝีมือเข้าเมืองมาจัดการตามรายชื่อที่ได้มาเมื่อวาน ไปตามหากตัวมาจัดการลงโทษตามวินัยทีละคน

รายชื่อเกือบสองร้อย เมื่อวานที่ไม่ไปเข้ารับการฝึก บ้างก็ไปสายถูกกันไว้ด้านนอก คนพวกนี้เมื่อวานได้รับแจ้งจากเพื่อนทหารที่โดนลงโทษไปแล้ว ร้อนใจกันราวกับมดแตกรัง พอมีคนมาหาถึงที่ก็ยังเตรียมใจกันไม่พร้อม มีคนไม่สนใจ ยังคิดว่าคงปล่อยให้ผ่านเองได้ รอจนทหารมาลงโทษถึงที่ ก็ลนลานแตกตื่น คิดจะเอาเรื่องก็ไม่ไหว คนทางนั้นมากกว่า จะสู้ไหวได้อย่างไร ได้แต่ถูกลากออกไปลงโทษกลางถนนตาปริบๆ

เจ้าหน้าที่ศาลซุ่นเทียนคุมแรงได้ดี คนที่โดนลงโทษห้าวันก็ลุกจากเตียงได้ สิบแส้ที่เฆี่ยนไปแม้ทำเนื้อแตก แต่พอกยาแล้วก็ไม่เป็นอันใดมาก แต่หน้ำตานี่ถูกฉีกหมดสิ้นสิเรื่องใหญ่ บรรดาทหารองครักษ์เสื้อแพรเขตทักษิณพวกนี้เป็นพวกเหิมเกริมวางอำนาจยิ่ง ปกติก็คิดว่าตนใหญ่เป็นโตในพื้นที่ ชาวบ้านในพื้นที่เห็นแล้วก็ต้องนอบน้อมคารวะ

ตอนนี้มาถูกถอดกางเกงโบยกลางถนน หน้ำตาหมดสิ้นแล้ว วันหน้าเกรงว่าคงไม่มีหน้าไปพบผู้ใดแล้ว หลังจากโบยเสร็จ พวกที่ด่าทอก็มีไม่มาก สุดท้ายได้แต่ก้มหน้าก้มตาถูกแบกกลับไปเป็นส่วนใหญ่

พอโบยเสร็จ คนในครอบครัวก็รีบไปยังร้านรถม้ากับร้านช่างไม้ เพราะทหารลงทัณฑ์บอกว่าพรุ่งนี้ต้องไปเข้ารับการฝึกนอกเมือง โดนตีเป็นแบบนี้จะให้ขี่ม้าได้อย่างไร รีบไปเช่ารถไว้ก่อนหรือไม่ก็หาเครื่องแบกแบกไปก็แล้วกัน!

เดินไปถึงท้ายถนนเฉิงหวงเขตทักษิณ หวังทงดึงม้าให้หยุด ด้านหน้าส่งเสียงเอะอะดังอย่างมาก และเขายังเห็นคนของตนกำลังยืนงงไม่รู้จะจัดการอย่างไร

หวังทงขี่ม้าเข้าไปดู เห็นเข้าก็โมโหจนต้องหัวเราะออกมา เห็นหญิงท่าทางหยาบคายนางหนึ่ง มือขวาถือไม้นวดแป้ง มือซ้ายถือไม้กวาด กำลังยืนอยู่กลางวงด่าสาดเสียเทเสีย ทหารลงทัณฑ์รอบ ๆ กับเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ด้านหน้า หญิงผู้นี้เดินหน้าเข้าใส่พร้อมอาวุธในมือ

หน้าประตูมีเพียงชายร่างผอมสองคน ในชุดทหารองครักษ์เสื้อแพร ก็ร่วมด่าด้วย ชายร่างผอมน่าจะเป็นคนที่กำลังจะโดนจับ

ที่อื่นล้อมดูกันเงียบกริบ มีแต่ที่นี่ล้อมดูกันเฮฮา เหตุการณ์นี้ทำเอาทุกคนพากันขำดัง

ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังมา ก็มีคนหันไปมองเห็นหวังทง ทหารกลุ่มหนึ่งรีบคำนับ สีหน้าละอายใจ หวังทงบนหลังม้าส่ายหน้ากล่าวว่า

“กองกำลังหู่เวยฝึกฝนมานานปี กลับถูกผู้หญิงขวางไว้ได้ หากแพร่ออกไปใช่ว่าเป็นเรื่องขายหน้าแย่หรอกหรือนี่”

หญิงผู้นั้นหันไปเห็นพวกหวังทงก็รู้สึกว่าไม่ได้การ จึงเงียบไปชั่วขณะ ชายร่างผอมรีบถดไปด้านหลัง

พอหวังทงถาม เจ้าหน้าที่ก็เริ่มหน้าแดง ไม่รู้ว่าจะกล่าวอันใดดี หวังทงกำลังจะพูด ถานเจียงบนหลังม้าข้างๆ ก็กล่าวว่า

“นี่เป็นเพราะวินัยใต้เท้าได้ผล ทหารกองกำลังหู่เวยแม้ปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่กล้าลงมือกับราษฎรบริสุทธิ์”

“ก็แค่ไร้ประสบการณ์ ถูกผู้หญิงใจกล้าขัดขวาง ถึงกับไม่อาจปฏิบัติหน้าที่!”

หวังทงส่ายหน้าตอบไป ก่อนถามขึ้น

“ผู้นี้คือใคร?”

“เรียนใต้เท้า ผู้นี้คือโหววั่นไฉ นายกองธงเล็กของกองร้อยที่สาม เมื่อวานไม่ได้ไป!”

“โหววั่นไฉ เจ้าอย่าได้เอาแต่ให้ภรรยาออกหน้าอย่างนี้ หรือจะให้โบยเจ้าพร้อมภรรยาด้วยกัน ให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข เจ้าว่าดีไหม?”

ได้ยินลูกน้องตอบ หวังทงบนหลังม้าก็ถามเสียงเย็นเยียบ ทหารองครักษ์เสื้อแพรได้ยินหวังทงถาม ก้าวเข้าไปสองก้าว หญิงอ้วนจ้องมองอย่างกินเลือดกินเนื้อ

คนพวกนี้เคยผ่านสมรภูมิรบมา จะรับมือผู้หญิงไม่ได้ได้อย่างไร แต่กฎกองกำลังหู่เวยเข้มงวด ห้ามลงมือกับราษฎร หากลงมือโหววั่นไฉพวกเขาไม่กลัว แต่ภรรยาเขานี่สิ หากต้องลงมือจะทำได้อย่างไร

การลงโทษก็คือถอดกางเกงโบยกลางถนน หญิงต่อให้ใจกล้าเพียงใด ก็ไม่อาจเสียหน้าเช่นนี้ได้ หญิงผู้นั้นได้ยินหวังทงถามเสียงเย็นเยียบ เหมือนไม่สนใจอาการบ้าคลั่งเอาเรื่องของนาง ก็ลนลานมองซ้ายมองขวา หันไปมองคนของตน ก่อนจะโยนไม้กวาดและไม้นวดแป้งลง ด่าฮึดฮัดสองสามคำก่อนจะหันหลังปรี่เข้าบ้านไป

“ใต้เท้าหวัง ใต้เท้าหวัง ข้าน้อยเป็นหลานของนายกองโหวแห่งกองเอกสารสำนักองครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหวังโปรดเมตตาๆ”

เห็นคนลงทัณฑ์ก้าวเข้ามาใกล้ โหววั่นไฉก็มือไม้ลนลาน รีบกล่าวขึ้น หวังทงไม่สนใจ กระชากม้าจากไป ตะโกนดังว่า

“หากนายกองโหวมาขวางหน้าเจ้า ก็จะจับโบยไปด้วยกัน นี่ยังไว้หน้าภรรยาเจ้า โบก 20 ไม้!!”

พวกหวังทงยังไม่ออกไปจากถนนสายนี้ ก็ได้ยินเสียงไม้โบยกระทบเนื้อดังมา โหววั่นไฉส่งเสียงร้องเจ็บปวด

**************

ในบรรดาคนที่ไม่มาเมื่อวาน มีทหารองครักษ์เสื้อแพรทุกระดับทั้งพลทหารและนายกองธงเล็ก ล้วนให้กลุ่มลงทัณฑ์ไปจัดการลงโทษ หากมีนายกองธงใหญ่สี่คนที่หวังทงนำคนไปจัดการด้วยตนเอง

จัดการเหรินชุนไหลเสร็จ เรื่องตระกูลโหวที่เกิดระหว่างทางทำให้เสียเวลาไปพักหนึ่ง ลำดับถัดมาเป็นนายกองธงใหญ่แซ่เฉิง นายกองธงใหญ่ผู้นี้เมื่อวานไปงานเลี้ยงแต่งงานญาติ ดื่มจนเมามาย ไม่สนใจเรื่องไปเข้ารับการฝึกแม้แต่น้อย

โจวหลินปิ่งกับเก่อลี่ส่งคนมานำทางหวังทง มาจนถึงบ้านนายกองธงใหญ่เฉิงไม่ยาก แต่พอใกล้จะถึง ก็เห็นหน้าประตูบ้านมีคนมาออกันมากมาย

พวกหวังทงพากันงง คิดว่าบ้านนี้ยังไม่ได้มาลงทัณฑ์ เหตุใดจึงมีคนมายืนออกันแล้ว หรือว่าก็มีหญิงอ้วนแบบเมื่อครู่

ไม่ทันเข้าใกล้ก็ได้ได้ยินเสียงด่าทอดังมา

“รีบไสหัวไปๆ เรื่องของนายท่านเรา พวกเจ้ามามุงดูกันได้หรือไง”

คนมุงกระจัดกระจายไปคนละทิศ มองไปไกลๆ หวังทงจึงได้เห็น บ้านนายกองธงใหญ่เฉิง ถึงกับมีคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ และยังถอดเสื้อเปลือยท่อนบน

เห็นหวังทงมา ชายเปลือยท่อนบนก็โขกศีรษะทันที กล่าวว่า

“ข้าน้อยไม่รู้ดีชั่ว ฝ่าฝืนกฎ ข้าน้อยขอรับผิด ขอใต้เท้าลงโทษ!!”

กล่าวจบก็โขกศีรษะติดๆ กัน อากาศเดือนสองแม้ว่าเริ่มอบอุ่น แต่ก็ยังหนาวอยู่ นายกองธงใหญ่เฉิงเปลือยท่อนบนคุกเข่าอยู่ด้านนอกมาระยะหนึ่ง บนหลังยังแบกเอากิ่งไม้ไว้หลายกิ่ง เรียกได้ว่าไม่สบายนัก นี่ก็คือสำนวนที่ว่า แบกไม้หวายขอรับผิดนั่นเอง มิน่าจึงมีคนมามุงดูกันมากมายเช่นนี้

หวังทงลงโทษมา เพิ่งมาเจอยอมรับโทษโดนดีครั้งแรก คนที่เหลือล้วนไม่ยอม พากันป่าวประกาศนายเบื้องหลังตนออกมา กล่าวให้ดีก็คือไม่มีผู้ใดยอมรับผิด

เดิมคิดว่ายังต้องมีเรื่องอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่านายกองธงใหญ่เฉิงถึงกับรู้งานเช่นนี้ หวังทงบนหลังม้ามองมา สีหน้าผ่อนลง ถามขึ้น

“เฉิงโยว ข้าจำได้ว่าอาหญิงเจ้าแต่งกับท่านป๋อไหนสักคนหนึ่ง เหตุใดจึงไม่แจ้งนามมา?”

ถูกหวังทงถามเช่นนี้ เฉิงโยวตัวสั่น รีบโขกศีรษะกล่าวว่า

“ข้าน้อยทำผิด ก็ต้องรับผิด ไม่กล้าขอให้ละเว้น”

แม้กล่าวถึงตำแหน่งป๋อ หวังทงอย่างไรก็คงไม่สนใจ ได้ยินเฉิงโยวกระจ่างเช่นนี้ หวังทงบนหลังม้าก็ยิ้มกล่าวว่า

“เจ้านี่รู้กระจ่างดี แต่ละเมิดกฎอย่างไรก็ต้องลงโทษ เรื่องนี้ละเว้นไม่ได้ โบย 30 ไม้ แส้ 10 ที พรุ่งนี้ให้เดินไปนอกเมือง”

เจ้าหน้าที่ที่ตามมาลงจากหลังม้า วาจานี้ย่อมเข้าใจดี โบยต้องโบย แต่ให้ลงมือเบา พรุ่งนี้ให้เดินไปนอกเมืองได้ ก็คือให้รู้แค่เจ็บพอหลาบจำ

เฉิงโยวก็รู้คุณ รีบโขกศีรษะกล่าวขอบคุณไม่หยุด ไม่ได้ต่อต้านขัดขืนอันใด โบยอย่างเร็ว ได้ยินเสียงไปกระทบก้นดัง ‘ป้าบๆ ’ แต่พอโบยเสร็จ ไม่ต้องให้คนเข้าประคอง ก็ลุกขึ้นยืนได้ ใช้แรงน้อยจริงๆ

“ด่านนี้เจ้าผ่าน วันหน้ายังอีกยาวไกล หวังว่าเจ้าจะคิดได้เช่นนี้!!”

หวังทงกล่าวจบ ก็ไม่อยู่ต่อ กระชากม้าออกไปทันที เฉิงโยวคุกเข่าโขกศีรษะ

“ใต้เท้า นายกองธงใหญ่เจียงเฟิงในสังกัดกองร้อยที่ 2 ของนายกองพันเก่อป่วยจริง พาหมอมาตรวจดูแล้ว”

ขี่ม้าออกจากตรอก ก็มีม้าหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน หวังทงพยักหน้า คนนำทางด้านหน้าได้ยินก็หันกลับไปถามว่า

“ใต้เท้า เช่นนั้นก็นายกองธงใหญ่หานกังแล้ว”

หวังทงขมวดคิ้ว ยิ้มกล่าวว่า

“คนผู้นี้ เก่อลี่แอบบอกว่า ยุ่งยากมาก ไป พวกเราไปดูความยุ่งยากนี้กัน!!”

************

“มารดามันสิน่า เข้ารับการฝึกบ้าบออะไร คิดจะทรมานข้ารึ ไม่มีทาง!!”

พวกหวังทงอยู่ด้านนอกก็ได้ยินเสียงด้านในคำรามดัง พร้อมเสียงเจ็บปวดดังออกมา หากไม่ใช้เสียงจากผู้คำรามดังเมื่อครู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!