Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 688

ตอนที่ 688 กลายเป็นฝ่ายเดียวกัน

ฮ่องเต้เป็นประธานแห่งใต้หล้า แต่ชีจี้กวงมีชื่อเสียงมาเกือบ 30 ปี กุมอำนาจแสนกว่านาย อยู่ในพื้นที่ใกล้เมืองหลวง เป็นคนยิ่งใหญ่ระดับใดกัน ฮ่องเต้ว่านลี่หลังพระกระยาหาร ก็เปลี่ยนที่สนทนาใหม่

ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสจบ ก็ทำเป็นหลับพระเนตรพัก แต่พระเนตรหรี่เล็กน้อยเพื่อดูปฏิกิริยาหวังทง สีหน้าหวังทงยังคงไม่แปรเปลี่ยน นั่งนิ่งทูลว่า

“ลี่เทาสองพ่อลูกล้วนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากฝ่าบาท ย่อมต้องจงรักภักดีต่อฝ่าบาท”

ฮ่องเต้ว่านลี่แย้มสรวลพยักพระพักตร์ตรัสว่า

“เราเองก็คิดถึงเรื่องนี้ ชีจี้กวงเป็นคนของจางจวีเจิ้ง ได้รับการดูแลจากเฝิงเป่าไม่น้อย เราเองก็เชื่อในความจงรักภักดีของชีจี้กวง แต่เขาอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็ยากจะรับประกันได้ว่าจะยังคงจิตใจเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ป้องกันไว้ดีกว่า เมืองจี้โจวจัดการได้เป็นรูปร่างดีแล้ว ลี่อวิ๋นไหลผู้นี้ไม่อาจเรียกได้ว่าสามารถ แต่เรามองเขาแล้วอุ่นใจก็พอแล้ว จะว่าไปลี่เทาก็เป็นคนสนิทเรา บิดาเขาไปอยู่เมืองจี้โจว เราก็วางใจ”

***********

“ฝ่าบาทเตรียมให้ขุนนางฝ่ายนอกเสนอขึ้นก่อน จากนั้นค่อยย้ายชีจี้กวงไปที่อื่น”

“ฝ่าบาททรงต้องการให้บรรดาขุนนางบัณฑิตชิงหลิว……วิธีนี้แม้ว่าดี……แต่เกรงว่าวันหน้าจะทำให้พวกนี้ได้ใจใหญ่ไป!”

พอหวังทงเข้าเมืองหลวงมา หลายคนในสำนักรักษาความสงบก็ไม่ค่อยได้รวมตัวกัน หวังทงกลับจากงานเลี้ยงในวัง ตอนอาหารค่ำ ก็มานั่งที่หอรุ่งเรืองกับหลี่ว์วั่นไฉและหลี่เหวินหย่วน

ตอนนี้โจวอี้เป็นรองหัวหน้าสำนักอาชาหลวง ย่อมไม่สะดวกออกมาข้างนอกไปมาหาสู่กับขุนนางนอกวังนัก สถานการณ์ตอนนี้เขาก็ย่อมไม่สะดวกมา ดังนั้นจึงมีกันแค่สามคน

ได้ยินหวังทงเล่าถึงแนวทางของฮ่องเต้ว่านลี่ หลี่ว์วั่นไฉก็มีท่าทีบอกไม่ถูก หากก็แสดงความกังวลของตนออกมา ขุนนางบัณฑิตชิงหลิวพวกนั้นหากให้พวกเขายื่นฎีกาชีจี้กวง แล้วให้ราชสำนักจัดการอีกที อย่างไรในสายตาคนนอกก็ไม่ใช่ราชสำนักจัดการขุนนางมีความชอบ แต่เป็นเพราะขุนนางผู้นี้มีข้อผิดพลาดจริง

แต่หลี่ว์วั่นไฉกลับเห็นต่าง หลังใช้งานขุนนางบัณฑิตชิงหลิว ก็ไม่ได้ใช้ฟรี บางคนย่อมได้เลื่อนตำแหน่ง วันหน้าก็ยิ่งให้ความสำคัญกับเสียงของคนเหล่านี้ หากเป็นเช่นนี้ ขุนนางบัณฑิตชิงหลิวก็ย่อมเป็นกลุ่มทรงอำนาจแผ่อิทธิพล

“คนพวกนี้อายุยังน้อย ความกล้านับว่ามีอยู่ ขาดแค่ประสบการณ์และสติยั้งคิด หมายหวังก็สูง เกรงว่าจะรับมือได้ยาก ถึงตอนนั้นแม้แต่ฝ่าบาทเองก็คงต้องปวดหัว”

หลี่ว์วั่นไฉกางพัดเสียงดัง ‘พรืด’ กล่าวขึ้น หลี่เหวินหย่วนกล่าวว่า

“ฝ่าบาททำเช่นนี้ ดีระยะหนึ่ง แต่นานไปย่อมยุ่งยาก ใต้เท้าหวังควรทูลทัดทาน”

หลี่เหวินหย่วนทำงานค่อยข้างมีหลักการ แต่ก็ค่อนข้างยึดมั่น หวังทงยกจอกสุราขึ้น ยิ้มเฝื่อน ๆ กล่าวว่า

“ฮ่องเต้คิดปลดขุนพล ไหนเลยมีที่ให้ข้าแทรก เรื่องนี้หากไม่ระวัง ย่อมถูกบดขยี้แหลกสลายแทน ตอนนี้ไม่ใช่สมัยที่เราเคยอยู่ลานฝึกด้วยกันแล้ว!”

หวังทงกล่าวอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ทุกคนล้วนไม่มีอันใดกล่าวต่อ

************

ทุกวันหวังทงจะไปสนามฝึกนอกเมืองหลวงแต่เช้าวิ่งรอบหนึ่ง จากนั้นก็จะกลับมายังห้องทำงานจัดการเอกสารแล้วค่อยกลับจวน แต่พอกลับจวนก็ไม่ได้ว่าง เอกสารแต่ละแห่งก็เข้ามากันมากมาย

ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนอยู่เมืองหลวงครานั้น ตอนนั้นหวังทงมีลูกน้องแค่ไม่กี่สิบคน หาเช่าบ้านละแวกใกล้ก็อยู่กันพอ ตอนนี้มีลูกน้องร่วมหลายร้อย แยกกันพักคนละแห่ง ไม่สะดวกยิ่งนัก

หลี่ว์วั่นไฉออกหน้าจัดการจวนใหญ่บริเวณเขตทักษิณที่ติดกับเขตบูรพาหลังหนึ่งมาให้ หวังทงก็ไม่ได้มีทีท่าห้ามทุกคนย้ายเข้าไป การใช้ชีวิตและทำงานล้วนต้องการที่เช่นนี้

กลางเดือนสาม กลางวันหากอากาศดี ก็จะเปิดประตูหน้าต่าง ขณะกำลังผ่อนคลาย สามกองร้อยสังกัดโจวหลินปิ่งก็สามารถสำเร็จหลักสูตรการฝึกได้ ตอนนี้ต้องการให้พวกเขาฝึก 10 วัน ปฏิบัติงาน 10 วัน

ทหารผ่านคุณสมบัติของกองลาดตระเวนรุ่นแรกก็ออกปฏิบัติหน้าที่ได้ คนพวกนี้สองคนเป็นหนึ่งกลุ่ม แต่งกายชุดมัจฉาเวหา ออกเดินลาดตระเวนตามท้องถนนเส้นต่างๆ เห็นพฤติกรรมผิดกฎหมายต้องเข้าจัดการทั้งหมด ยังต้องช่วยงานมือปราบศาลซุ่นเทียน ทั้งสองคนแขวนนกหวีดเอาไว้ด้วย

หากมีเรื่องที่สองคนรวมกันจัดการไม่ได้ ก็ให้เป่านกหวีดให้ดัง เพื่อนทหารละแวกใกล้เคียงพอได้ยินเสียงนกหวีดก็จะรีบมาช่วย หากยังจัดการไม่ได้ ก็ให้รีบแจ้งกองลาดตระเวน พลจากหน่วยวินัยทหารจะออกหน้า ทหารหน่วยวินัยทหารไม่ใช่ทหารตรวจวินัยธรรมดา หากตอนนี้พวกเขายังเป็นทหารที่เก่งกล้าที่สุดของหน่วยองครักษ์เสื้อแพร

หน่วยวินัยทหารดำเนินการแล้ว หน่วยฝึกทหารดำเนินการแล้ว กองลาดตระเวนก็ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่าง หวังทงรู้สึกผ่อนคลายลงมามาก ครอบครัวหม่าซานเปียวก็ย้ายมาแล้ว มาอยู่ติดกับบ้านหวังทง นางหม่ามักมาดูแลบ้านให้หวังทง ทำหน้าที่เหมือนพ่อบ้าน คนอื่นจึงหาเหตุค้านไม่ได้ เพราะปกติดำรงสถานะมารดาหัวหน้าทหารใหญ่ของหวังทง สูงศักดิ์อยู่ไม่น้อย หม่าซานเปียวตอนนี้เป็นถึงนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพร

ตอนหวังทงอยู่บ้าน ชอบไปนั่งอยู่ที่ห้องหนังสือด้านหลังบ้านที่สุด เพราะตอนนี้ด้านหลังทำเป็นลานฝึกโดยเฉพาะ หน้าต่างห้องหนังสือเปิดกว้าง ก็สามารถเห็นเด็กหนุ่มพวกนั้นฝึกอยู่กลางสนาม ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา

แม้ว่าทุกวันหวังทงจะฝึกอย่างแข็งขัน แต่คนก็ยังวิพากษ์วิจารณ์ ว่าใต้เท้าหวังก็แค่เพิ่งจะ 20 เอาแต่นั่งยิ้มมองดูทหารฝึกด้านนอก แต่ทำไมดูแล้วรู้สึกเหมือนคนอายุ 40 กันนะ แน่นอนวาจาไม่อาจกล่าวต่อหน้า ไม่กล้ากล่าวเปิดเผย

*************

“ด้านนอกฝึกกลางสนาม ไม่ให้มีฝุ่นปลิวเข้ามาคงยาก ห้องนี้ต้องทำความสะอาดทุกวัน ท่านหยางหากไม่ชิน ก็ปิดหน้าต่างค่อยคุยกันก็ได้”

“ใต้เท้า ไม่ต้องเกรงใจข้าน้อย อากาศใบไม้ผลิกำลังดี ปิดหน้าต่างก็มองไม่เห็น จะว่าไป ตอนนี้หากอยู่เทียนจิน นับว่าเป็นเวลาที่อากาศกำลังดี”

ด้านนอกส่งเสียงตะโกนดัง ทหารรู้ว่าใต้เท้าหวังมองจากหน้าต่าง ทุกคนย่อมฝึกไม่ย่อหย่อน ในห้องมีแค่หวังทงกับหยางซือเฉินสองคน ตั้งแต่เซินสือหังเป็นมหาอำมาตย์ หวังทงกลับมาเมืองหลวง ไม่ว่าเป็นความต้องการของหวังทงเอง หรือว่าเป็นความตั้งใจของหยางซือเฉิน ก็ล้วนอยากให้หยางซือเฉินเข้าสอบขุนนาง จากนั้นก็เดินเส้นทางขุนนางบัณฑิต

อย่างไรก็มีเส้นสายมหาอำมาตย์ ยังมีหวังทงหนุนหลัง สนามขุนนางนี้ย่อมราบรื่น อยู่กับหวังทงเป็นที่ปรึกษาเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ได้ช่วยให้ยิ่งใหญ่ได้เหมือนเดินเส้นทางขุนนาง

แต่ตอนนี้สีหน้าหยางซือเฉินไม่ดีนัก ปกติเขาใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกมาก ตอนทำงานก็จะแสดงท่าทีเป็นการเป็นงาน หากตอนนี้ดูแล้ว ผ้าโพกศีรษะเหมือนจะเอียงไปหน่อย หนวดเคราดูแล้วก็ไม่ได้จัดการตัดเล็มมาหลายวัน เสื้อผ้าก็มีร่องรอยสกปรกหลายจุด ดูแล้วเหมือนบัณฑิตตกยาก

“ท่านหยาง วันนั้นก็บอกกับท่านแล้วว่า ทางนั้นหากไม่ได้กลับมาก็ได้ ทางนี้อย่างไรก็มีตำแหน่งนี้ให้ท่าน ท่านคิดมากไปแล้ว”

ไดยินหวังทงกล่าวบ่นเช่นนี้ หยางซือเฉินก็ตาแดง จมูกเริ่มติดขัด หากก็เกรงว่าเสียมารยาท จึงรีบเช็ดออก ก่อนจะกล่าวน้ำเสียงแหบพร่าว่า

“นอกหน้าต่างมีฝุ่นจริง ไม่ระวังปล่อยให้พัดเข้าตาไปได้!”

หวังทงรู้แต่ไม่กล่าวอันใด ได้แต่คอยเงียบๆ รอให้หยางซือเฉินปรับอารมณ์ตนเองก่อน หยางซือเฉินไม่กล่าวอันใด หากหันไปนอกหน้าต่าง ทหารสองคนกำลังฝึกต่อสู้ตัวต่อตัวกันอยู่ มองอยู่ครู่หนึ่งจึงปรับอารมณ์ให้นิ่งได้ หลุดยิ้มกล่าวว่า

“พูดให้ได้ขายหน้าใต้เท้าแล้ว ตอนข้าอยู่เทียนจินก็คิดได้แล้ว แต่ใจค่อยๆ เปลี่ยน มักคิดว่าใต้เท้าเซินเป็นนายข้าน้อย อย่างไรก็คงเห็นแก่สายสัมพันธ์เก่าก่อน แต่พอมาถึงเมืองหลวงได้เกือบหนึ่งเดือนมานี้ แม้แต่หน้าใต้เท้าเซินก็ยังไม่เคยได้พบ แต่ยังดีมีจดหมายมาหนึ่งฉบับ เขียนว่า ‘ดูแลตัวเอง’ สี่คำนี้”

“คิดให้ดีก็เข้าใจแล้ว ข้าน้อยเป็นใครกัน วันนั้นเกือบทำให้จางซื่อเหวยใส่ร้ายใต้เท้าเซินได้ ยังพาแม่นางดีดพิณในจวนใต้เท้าเซินไปด้วย ความสัมพันธ์เช่นนี้ ยังจะมีสายสัมพันธ์เก่าก่อนอันใด ไม่มีความแค้นเก่าก่อนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”

“พวกเจ้าเป็นคนรู้หนังสือ มีข้อเสียสองอย่าง หนึ่ง เห็นการสอบขุนนางสำคัญเกินไป สอง คิดมากไป เหนื่อย ทำให้ตนเองลำบากเอง กลับมาก็ดี ข้างกายข้าก็ขาดคนเช่นเจ้า ทำงานไปดีๆ ย่อมไม่เอาเปรียบเจ้า เจ้าดูสวีกว่างกั๋วตอนนี้ไปเป็นผู้ว่าที่เมืองเว่ยฮุยแล้ว หลี่ว์วั่นไฉเป็นรองเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน ติดตามข้า อนาคตเจ้าย่อมดีแน่!!”

หวังทงกล่าวอย่างสบายๆ พอหยางซือเฉินได้ฟัง ก็รีบลุกขึ้นยืน เดินมาข้างหวังทง จัดแต่งเสื้อผ้าก่อนจะคำนับ ปกติก็แค่ก้มคำนับ ยามนี้กลับคุกเข่าลงโขกศีรษะหลายที กล่าวว่า

“ใต้เท้าหวัง วันหน้าก็คือนายของบ่าว บ่าวเป็นวัวเป็นม้า ชีพแหลกสลายก็ต้องตอบแทนคุณใต้เท้า”

ปักลายดอกบนผ้าแพรทองย่อมง่าย ส่งถ่านกลางหิมะนั้นยาก หยางซือเฉินกำลังจิตตกสุดขีด หวังทงเปิดทางให้เช่นนี้ หยางซือเฉินย่อมซาบซึ้งน้ำตาร่วง

หวังทงเข้าไปดึงเขาขึ้นมา แสร้งทำรำคาญใจกล่าวว่า

“พอแล้วๆ เจ้าก็ยังเรียกตัวเองว่าข้าน้อยต่อไป เรียก บ่าว ฟังแล้วขนลุก”

“ใต้เท้าดีต่อข้าน้อย……เช่นนี้……ยัง……”

วันนี้หยางซือเฉินมาขอพบ เตรียมพร้อมพบกับความเย็นชา ตอนแรกหวังทงรับเขาเอาไว้ เขายังคงอยู่กับฝ่ายเซินสือหัง เหมือนเหยียบเรือสองแคม พอไปพบเจอตออุปสรรคข้างนอกมา ผู้ใดจะรู้ว่าหวังทงจะเย็นชาใส่หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าหวังทงจะรับเขาไว้ด้วยจิตใจกว้างขวางเช่นนี้

พูดกันไม่กี่คำ หยางซือเฉินก็สะอึกในลำคอกล่าวอันใดไม่ออก หวังทงต่อยหมัดใส่เขาด้วยท่าทางขำๆ กล่าวว่า

“อย่ามาทำตัวราวอิสตรี เจ้ารู้ว่าเหตุใดเซินสือหังไม่รับเจ้าไว้ไหม คำกล่าวที่ว่ามหาอำมาตย์ล้วนใจกว้าง เจ้าทำเรื่องพวกนั้นแค่นั้นใช่ว่ารับไม่ได้”

“ขอใต้เท้าให้ความกระจ่าง”

“เพราะว่าเจ้าเป็นคนข้างกายข้า หวังทง อย่างไรเล่า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!