Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 700

ตอนที่ 700 ไก่มาถึงที่ จะเชือดให้ลิงดู

เขตบูรพาในเมืองหลวงมีถนนสายหนึ่ง ทุกคนไม่เรียกว่า ถนน หากเรียกว่า ต้นหลิวคอเอียง เดิมปากทางมีต้นหลิวหลายต้น ในนั้นมีต้นหนึ่งเขียวชอุ่มอย่างมาก และยังเติบโตแนวเอียง แต่มาถูกฟ้าผ่าล้มไปเมื่อปีรัชสมัยเจียจิ้งที่ 30 แล้ว แต่ชื่อนี้ก็ยังคงใช้กันต่อมา

ปากถนนมีต้นหลิวหลายต้น ถนนค่อนข้างกว้าง เขตบูรพาเป็นเขตคนรวย ต้นหลิวถูกฟ้าผ่าล้มไป กลับยิ่งทำให้มีชื่อ เริ่มมีคนมาเปิดร้านที่นี่

ร้านอะไรก็ไม่สู้หอคณิกา บ่อนพนันและร้านสุรา คนมีเงินเมืองหลวงไม่ต้องทำงานกันก็มาก ยังมีพ่อค้าเดินทางไปมาเพื่อการค้าอีก มีพวกเขามาเยือน ขอเพียงร้านไม่ได้แย่นัก ก็ล้วนร่ำรวยได้ ถนนแถวต้นหลิวคอเอียงก็เช่นกัน หอคณิกาสามร้านติดกัน ในนี้ยังมีร้านสุราอีกด้วย บ่อนพนันก็มี คึกคักอย่างมาก

เติ้งตี้เป็นองครักษ์เสื้อแพรประจำต้นหลิวคอเอียง เมื่อก่อนเป็นพลทหารระดับล่าง ติดตามองครักษ์เสื้อแพรคนเก่าปฏิบัติหน้าที่

หวังทงเปิดหน่วยฝึกทหาร ตั้งกองลาดตระเวน เติ้งตี้ได้คุณสมบัติ ย่อมได้รับเลือกมา เติ้งตี้ทำงานซื่อสัตย์ พูดจาน้อย ยามฝึกไม่แอบขี้เกียจ จึงได้เป็นองครักษ์เสื้อแพรลาดตระเวนรุ่นแรกประจำกองลาดตระเวน

เร็วดีกว่าช้า ทุกคนรู้ดี หากได้ทำงานก่อนผู้ใด โอกาสก็ย่อมมากกว่าหนึ่งส่วน เติ้งตี้ได้ออกปฏิบัติหน้าที่เร็วเช่นนี้ ทำให้หลายคนอิจฉายิ่ง

เติ้งตี้ก็ดูภาคภูมิใจอยู่ เมื่อก่อนติดสอยห้อยตามปฏิบัติงานแม้แต่พูดยังไม่อาจพูด ตอนนี้ได้เงยหน้าเชิดอกเดินบนท้องถนน สายตาคนบนท้องถนนก็เคารพเลื่อมใส เมื่อก่อนมีแต่สายตาดูถูก เถ้าแก่และคนงานที่ไม่ว่ารู้จักหรือไม่รู้จัก ก็ล้วนเข้ามาทักทายเกรงอกเกรงใจ เมื่อก่อนท่าทางเหมือนกลัวสุนัข ยามนี้เติ้งตี้ไม่ชินเท่าไร

ออกลาดตระเวนในเดือนห้าได้สองสามวัน ก็จับโจรได้คนหนึ่ง เห็นม้าไม่ได้ผูกให้ดีหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง ก็เข้าไปเตือนแขกในร้าน ยังไกล่เกลี่ยเรื่องทะเลาะวิวาทของสองครอบครัวได้อีกด้วย

หลายวันต่อมา ท่าทีของคนบนถนนสายนี้ต่อเติ้งตี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เติ้งตี้ตื่นมาตอนเช้าไปออกลาดตระเวน ก็มีคนขายของริมทางเข้ามายัดขนมใส่มือให้ เดินผ่านร้านค้า เถ้าแก่ในร้านก็ออกมายิ้มทักทาย ร้านค้ากับลูกค้ามีปัญหากัน ก็มาเชิญเขาไปไกล่เกลี่ย

ตอนนี้งานในหน้าที่ยังไม่ได้ค่าน้ำร้อนน้ำชามากนัก แต่ละร้านจ่ายเงินมากัน กองลาดตระเวนก็จะนำไปแบ่งสรรปันส่วน ทุกคนได้กันไปพอสมควร ตั้งใจทำงานอย่างยิ่ง เพราะเติ้งตี้ขยันปฏิบัติหน้าที่ นายกองพันกองลาดตระเวนยังชมเชยเป็นพิเศษกลางสนามฝึก เป็นเกียรติอย่างมาก เห็นได้ว่าเขามีอนาคตไกล และยังมีข่าวที่ไม่รู้มาจากไหนว่าปีหน้าเขาจะได้เลื่อนเป็นนายกองธงเล็ก

เรื่องดีมากมายเช่นนี้ ทำให้ทำงานได้อย่างสบายใจ แม้เติ้งตี้จะฝึกกลางสนามจนตัวดำเมี่ยม แต่สีหน้าก็ยังเต็มอิ่มด้วยความสุขใจอย่างมาก

หอคณิกาสมัยนี้ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาความต้องการแต่ยังเป็นสถานที่ขุนนางและลูกหลานคนมีเงินมาสนทนาสังสรรค์กัน ขุนนางบัณฑิตชิงหลิวเองก็มีห้องหรูหราแยกส่วนตัว และยังมีจัดเลี้ยงสุราอาหาร ปกติจะจัดแบบห้องเว้นห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว ก่อนร่ำสุราจะได้สะดวกในการสนทนา

ผู้เปิดหอคณิกาได้ ผู้ที่เปิดหอคณิกาในเขตบูรพาได้ เบื้องหลังย่อมมีผู้หนุนหลังไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขากับร้านอื่นจึงไม่เหมือนกัน อย่างไรก็แขวนป้ายสงบสุข เงินที่ควรจ่ายก็จ่ายมาแล้ว จึงไม่เกรงใจองครักษ์เสื้อแพรสักเท่าไร

หน้าประตูหอคณิกามีคนเฝ้าประตูกำลังดึงแขก มีหญิงสาวมาคอยเรียกแขก อย่างไรก็ต้องยิ้มแย้ม แต่พ่อบ้านคนงานไม่ได้แสดงท่าทียิ้มแย้มต่อทหารเล็กๆ อย่างเติ้งตี้เท่าใดนัก

เติ้งตี้เป็นคนทำงานตามหน้าที่อย่างดี เดินผ่านหอคณิกา หากตอนเช้าถึงเที่ยงยังดี ตอนบ่ายกับฟ้าใกล้มืด กลิ่นหอมระรวยแตะจมูก ทำเอาไม่กล้าเงยหน้า รีบเดินผ่านอย่างเร็ว แม่นางในหอคณิกาพากันหัวเราะขันตามหลัง

เช้าวันที่ 17 เดือนห้า แสงแดดแรงมาก เดินไปมาสองรอบ เติ้งตี้ก็เหงื่อท่วมตัว เพื่อนองครักษ์ด้วยกันปีนี้ 30 กว่า เป็นคนท่าทางใจดี เห็นเขาเช็ดเหงื่อไม่หยุด ก็หัวเราะขำบอกว่า

“เจ้านี่ไม่เคยสวมชุดใหม่ล่ะสิ พอใส่ก็ไม่ยอมถอด อึดอัดไปล่ะสิ!”

องครักษ์เสื้อแพรกองลาดตระเวนมีกฎระเบียบ หน่วยงานองครักษ์เสื้อแพรแต่ละหน่วยไปซื้อหาชุดองครักษ์เสื้อแพรแบบใหม่ที่เทียนจินมาเอง เดินลาดตระเวนต้องสวมชุดให้เรียบร้อยเพื่อสร้างความน่าเกรงขาม หวังทงเคยกล่าวตอนไปดูทหารเข้ารับการฝึกว่า ไปลาดตระเวนนั้นเป็นหน้ำตาขององครักษ์เสื้อแพร อย่าทำขายหน้าทหารในพระองค์ ต้องทำตัวให้ภูมิฐาน

ดีที่องครักษ์เสื้อแพรลาดตระเวนไม่กี่พัน ใช้เงินซื้อชุดก็ไม่ต้องใช้เงินมาก ทุกคนล้วนมีชุดหน้าร้อนหน้าหนาวอย่างละสอง เพื่อนทหารเติ้งตี้สวมชุดชั้นเดียวแล้ว ตอนนี้พออกพอใจอย่างมาก

เติ้งตี้ปาดเหงื่อที่หน้าผากยิ้มกล่าวว่า

“พรุ่งนี้เปลี่ยนชุด อย่างไรก็ยังเย็นอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะร้อนอย่างนี้”

“เหตุใดไม่หามาเพิ่มอีกชุด ตอนมาก็ถอดไว้ ตอนเดินลาดตระเวนค่อยสวม ดูเจ้าสิ ร้อนเหงื่อตกอย่างนี้ เอาไม้พลองหนังมาให้ข้า เบาหน่อยจะได้ดีขึ้น”

“เหล่าจางมีดาบอีก ไม้พลองนี้จะหนักสักเท่าไรกัน ไม่ลำบาก”

ที่เรียกว่าไม้พลองหนังก็คือไม้พลองที่องครักษ์เสื้อแพรถือประจำตัว เดิมล้วนพกดาบปักวสันต์ แต่จับขโมยเล็กๆ แก้ปัญหาทะเลาะวิวาทเล็กน้อย ก็ไม่ต้องพกดาบดีกว่า ไม้พลองยาวห้าฉื่อ สองฉื่อด้านหัวใช้ผ้าหุ้ม ด้านนอกห่อหุ้มด้วยหนังอีกชั้น ตีแล้วเจ็บ แต่ไม่ถึงกับทำให้บาดเจ็บหนัก

สองคนเดินไปคุยไป เติ้งตี้ได้ยินเสียงเอะอะ ด้านหน้าคือหอฟางฟาง ปกติเขาจะก้มหน้าเดินผ่าน แต่เพื่อนทหารด้วยกันกับรู้สึกว่าตาที่มีไม่พอใช้มอง

อยู่ ๆ คนข้างหน้าก็มาออกันมากขึ้น เติ้งตี้เงยหน้ามองไป ก็เห็นกลุ่มคนกำลังล้อมมุงอยู่หน้าหอฟางฟาง ได้ยินเสียงเอะอะดังมาเป็นระลอก พร้อมเสียงร้องไห้ของผู้หญิง

เรื่องเช่นนี้พวกเขาต้องเข้าจัดการ เติ้งตี้ยกไม้พลองขึ้น รีบวิ่งเข้าไป เหล่าจางที่มาด้วยกันยังช้าไปก้าว เสียงสบถด่าดังขึ้นเบาๆ ‘อยากให้สงบกลับมีเรื่องเสียได้นี่’ แล้วรีบวิ่งตามไปอย่างเร็ว

“นายท่าน นายท่าน นี่ไม่ใช่หญิงของหอเรา……”

“ไสหัวมารดาเจ้าไปเลย เปิดหอมามีผู้หญิงที่ไม่ขายด้วย!!”

“องครักษ์เสื้อแพรปฏิบัติหน้าที่ คนที่ไม่เกี่ยวข้องถอยไป ไม่เช่นนั้นระวังมีโทษหนัก!!”

ด้านในส่งเสียงเอะอะ ด้านนอกได้ยินคนตะโกนเสียงดังลั่น คนบนถนนล้วนรู้ว่าองครักษ์เสื้อแพรมีหน้าที่อันใด จึงพากันหลีกทางให้ หากหลบช้ายังต้องถูกไม้พลองตวัดใส่ไปสองสามที แต่ก็ไม่เจ็บ หลีกทางให้ไม่ไกลนัก ไปมองดูอยู่ห่างๆ

หอฟางฟางในเมืองหลวงมีหญิงแดนใต้เป็นตัวเรียกแขก แม้ว่าไม่ได้มีชื่อเหมือนหญิงหยางโจว แต่อย่างไรหญิงสาวจากเขตปกครองใต้กับเจ้อเจียงหรือเจียงซีก็ล้วนอรชร แขกที่มาเที่ยวล้วนเป็นพวกทหารสายบู๊ ทหารในวังหลวง ทหาร องครักษ์เสื้อแพรและขุนนางสายบู๊หน่วยงานต่างๆ ก็ล้วนรู้จักที่นี่ เหตุผลก็คือให้ความรู้สึกแปลกใหม่

ตอนนี้หน้าประตูหอฟางฟาง พนักงานเรียกแขกกับบรรดาหญิงสาวในหอเดิมที่กระตือรือร้นเรียกแขกอยู่ยามนี้สีหน้าตื่นตระหนกตกใจ คิดจะเข้าไปใกล้แต่ก็ไม่กล้า

ชายในชุดผ้าแพรต่วน มือหนึ่งโอบหญิงสาวอายุน่าจะสิบกว่าไม่เท่าไรเอาไว้ เด็กหญิงผู้นั้นส่งเสียงแผดร้องดัง พยายามดิ้นรนถอยไปด้านหลัง แต่หญิงอ่อนแอ ไหนเลยจะสู้กำลังชายได้ และข้างกายชายผู้นั้นยังมีชายฉกรรจ์อารักขาอีกแปดคน กำลังทำหน้าถมึงทึงใส่คนที่มุงรอบๆ

มีชายสูงอายุคนหนึ่งคิดเข้าไปดึง ก็ถูกชายฉกรรจ์คนหนึ่งลากออกไปโยนลงบันไดหน้าประตูไป ชายผู้นั้นสำเนียงไม่ใช่ชาวเมืองหลวง กระทำการอุกอาจ มองคนรอบๆ ที่เริ่มมุงกันมากขึ้น ยังมีองครักษ์เสื้อแพรมาอีก ก็เริ่มโมโห ตวาดดังว่า

“มุงดูบ้าอะไรกัน ข้าจะไถ่ตัวแม่นางผู้นี้ เงินก็ให้ไปแล้ว ไสหัวไปๆ !”

ยามตะโกนดัง ก็พยายามลากเด็กหญิงที่ดิ้นรนสุดชีวิตเอาไว้ ยามนั้นมีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งผมเผ้ายังหวีไม่เรียบร้อย เสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อยวิ่งออกมา เห็นแล้วก็ยิ้มปะเหลาะกล่าวว่า

“คุณชายซุน แม่นางผู้นี้เป็นบุตรสาวของข้าน้อบ ไม่ใช่หญิงสาวในหอ หากเมื่อคืนท่านยังสำราญไม่เต็มที่ ก็ให้พวกแม่นางเสวี่ยฉินมาปรนนิบัติรับใช้ท่าน……”

เติ้งตี้อึ้งไป แม่นางผู้นั้นร้องไห้หน้ำตาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แม่นางผู้นี้เขารู้จักอยู่ ก็คือลูกสาวของนางคณิกาในหอฟางฟางชื่อว่า ชุ่ยหง แม่นางน้อยบริสุทธิ์ย่อมกลัวสถานที่เช่นนี้ หากแม่นางชุ่ยหงเป็นลูกสาวนางคณิกาผู้นี้ เติบโตที่นี่ ก็ไม่อาจสนใจกลัวเรื่องเช่นนี้ และยังชอบดูหญิงสาวในหอแต่งหน้าแต่งตัว ปกติก็ช่วยแต่งหน้าให้ หากไม่สนิทกัน มักจะคิดว่าเป็นหญิงในหอ คนรอบข้างเตือนหลายรอบแล้ว แต่แม่ของนางก็ไม่อาจทำอันใดได้

ทุกคนคิดอยู่ว่าช้าเร็วชุ่ยหงก็คงไม่รอดวงจรนี้ ไม่รู้ว่าจะบริสุทธิ์อีกนานเท่าใด แต่จากที่แม่นางทั้งหลายในหอว่ากัน ชุ่ยหงเป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไร แม่ของนางก็ไม่คิดจะสนใจ หากก็นับว่าเป็นเด็กดี

“เป็นบุตรสาวเจ้าจริงหรือ?”

คุณชายซุนผู้นั้นมองซ้ายมองขวา มองคนรอบๆ ล้วนพยักหน้าเห็นดังนั้น เขาก็มองไปยังแม่นางที่คว้าเอาไว้ในมือ มาอยู่ในที่เช่นนี้ ยังเป็นหญิงบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อน หน้ำตาก็งดงาม รูปร่างอรชร ไร้เดียงสาเยี่ยงนี้ ช่างน่าต้องใจเสียจริง

ก็แค่หญิงสาวตระกูลหญิงบริการ จะมีค่าอันใด คุณชายซุนคิดเข้าใจแล้วก็คำรามหยาบคายไปว่า

“พวกเจ้าจะว่าไรก็ได้ ที่นี่หรือว่าไม่ใช่หอคณิกา แม่นางที่นี่พวกเจ้าจะบอกว่าบริสุทธิ์ ย่อมสมรู้ร่วมคิดกัน คิดจะอมเงินข้างั้นหรือ ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ตามข้ากลับไป เอาเงินมาไถ่ตัว”

“ท่านนี้ แม่นางชุ่ยหงเป็นหญิงบริสุทธิ์ไร้มลทิน ไม่ใช่หญิงหอคณิกา โปรดปล่อยมือ ท่านกำลังฉุดคร่าหญิงชาวบ้านอยู่”

เติ้งตี้ก้าวเข้าไปกล่าวน้ำเสียงเยียบเย็น คุณชายซุนอึ้งไปคลายมือออก กลับถูกชุ่ยหงงับเข้าที่มือทีหนึ่ง เจ็บปวดจนต้องปล่อยมือ ตะโกนดังลั่นจะคว้าเอาไว้ กลับถูกเติ้งตี้ขวางไว้ แต่ชุ่ยหงก็ยังถูกคนรับใช้คุณชายซุนขวางเอาไว้

“หลีกไป!!”

“กลางวันแสกๆ ฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน องครักษ์เสื้อแพรกองลาดตระเวน เติ้งตี้จะจับเจ้าไปลงโทษ!!”

เติ้งตี้ตะโกนดังทำเอาคุณชายซุนผู้นั้นโมโหมาก กำหมัดซัดเข้าใส่ทันที…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!