ตอนที่ 715 งิ้วเปิดใหม่ทำเมืองหลวงสะเทือน
ถนนสายรอบนอกตรอกม้าหินไม่ถึงสามเดือนก็มีสิ่งก่อสร้างใหญ่เกิดขึ้น เป็นเรื่องน่าตกใจ
ก่อนทุกคนมาถึง เดิมก่อนมายังคิดว่าเป็นที่โล่ง มีเวทีให้แสดงกลางแจ้ง คิดไม่ถึงว่าเป็นก่อสร้างรูปแบบหอสุราอาหาร ถึงกับมีสองชั้น
ป้ายเหนือประตูปิดผ้าแพรแดงผืนหนึ่งคลุมไว้ อีกด้านหนึ่งมีขบวนกลองประโคมดนตรีกำลังรออยู่
ขณะทุกคนกำลังรู้สึกแปลกใหม่ ก็ต้องตกใจด้วยเสียงฝีเท้า หันไปมองก็เห็นทหารทางการปรากฏตัวขึ้น ยังคิดว่าเพราะมารวมตัวกันมากเกินไป ทหารกองลาดตระเวนเลยมากัน ในใจยังหวาดกลัวอยู่ แต่พอได้ยินเสียงประกาศ ทุกคนก็วางใจ หากยิ่งแปลกใจมากยิ่งขึ้น
รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรหวังทง ชื่อนี้แม้แต่ไม่สนใจเรื่องเมืองหลวงที่สุดยังต้องเคยได้ยิน ล้วนรู้ว่าพลลาดตระเวนพกดาบในเมืองหลวงตอนนี้เป็นหวังทงก่อตั้งขึ้น และยังรู้ว่าเขาเป็นขุนนางคนสนิทของฮ่องเต้ บุตรชายชนชั้นสูงมีตำแหน่งใหญ่ยังจัดการมาเสียราบคาบ
ยังมีข่าวมาอีกว่า ปีก่อนตอนเกิดเรื่องลัทธิไตรสุริยัน ในวังนอกวังเกิดจลาจล วันนั้นผู้อารักขาฮ่องเต้ในวังก็คือหวังทงผู้นี้
ตอนอยู่ลานฝึกหู่เวยก็นำฮ่องเต้ว่านลี่วิวาทกับลูกหลานชนชั้นสูงในเมืองหลวง เรื่องเช่นนี้แม้ว่าจริง แต่เล่ากันไปมาก็เหมือนว่าเรื่องเล่าเกินจริงมากกว่า
หลายปีนี้คนที่เคยไปเทียนจินล้วนรู้ว่า เทียนจินไม่ใช่เมืองแบบเมื่อก่อน แต่เป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองมาก หรูหรามาก ทรัพย์สินเงินทองมากมาย ไม่ด้อยไปกว่าเมืองหลวง ยังมีบางอย่างที่เมืองหลวงไม่มี มีพ่อค้าต่างชาติเดินทางมานับหมื่นลี้จากทั่วสารทิศ สินค้าแปลกๆ มากมี การค้าและสินค้าหลากหลาย การค้าทางน้ำทางทะเล มีเรือทะเลจากต่างชาติมาจอดเทียบท่ามากมาย สิ่งก่อสร้างก็แปลกตา มากมายนับไปถ้วน ที่เทียนจินนอกจากความเจริญรุ่งเรืองแล้ว ยังมีสิ่งใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นน่าตื่นตามากมายที่เมืองหลวงไม่มี
คนที่เห็นโลกมามากในเมืองหลวง คนที่ไปมาเหนือใต้ ไปถึงแดนใต้ก็มีไม่น้อย หนานจิง ซูโจว หังโจว ซงเจียง ล้วนเป็นที่รุ่งเรืองอันดับต้นๆ ใต้หล้า แม้แต่คนเหล่านี้ยังตื่นตาตื่นใจกับความรุ่งเรืองของเทียนจิน ไม่มีที่ใดเทียมได้
คนมีเงินในเมืองหลวงสองสามปีมานี้มีความเคยชินหนึ่ง นอกจากหน้าหนาวแล้ว ก็จะไปเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าแปลกที่เทียนจิน สินค้ามากมายราคาถูกกว่าเมืองหลวง ทุกคนย่อมรู้ว่าควรเลือกอันใด
คนพวกนี้แม้ไม่ได้เห็นด้วยตนเอง แต่คนเมืองหลวงรู้ว่า ห้าปีนี้เทียนจินเป็นอย่างไร เมื่อก่อนเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีคลองส่งน้ำ แต่หลายปีเปลี่ยนแปลงไปเพราะหวังทง
ทุกคนเมืองหลวงที่มีสายข่าวไว หลายปีมานี้ได้ข่าวมาจนชิน ตัดมาได้หลายสิบ หรือสองสามหัว หรือขับไล่พวกนอกด่านออกไป ก็ล้วนเพื่อขอยศขอตำแหน่ง แต่พอหวังทงตั้งกองกำลังหู่เวยขึ้นก็สังหารโจรทะเลได้ถึง 3,000 สังหารพวกนอกด่านหลายพัน แต่ละเรื่องยิ่งใหญ่เกรียงไกร เรื่องพวกนี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชา ปรากฏเรื่องราวในรายงานต่อราชสำนัก
ลือกันว่าชัยชนะก่อนนั้นรายงานเกินจริงไปมาก เช่นว่าตัดหัวหลายหัวก็เป็นหลายสิบ จากนั้นก็ยกเป็นชัยชนะใหญ่ หวังทงรบชนะกลับกลายเป็นข่าวเล็กๆ มีคนลือกันว่า ชัยชนะใหญ่ของแม่ทัพเมืองเซวียนฝู่นั้นอยู่ๆ มีเรื่องเล่าว่า เจ้าตัดได้สองสามร้อย ข้าตัดได้สองสามร้อย ว่ากันว่าหัวพวกนั้นซื้อมาจากหวังทงทั้งนั้น
ความสามารถระดับนี้ แม่ทัพใหญ่ระดับนี้ เรื่องเล่าระดับนี้ หวังทงในใจประชาชนเมืองหลวงก็เริ่มมีภาพที่ดีอย่างไม่รู้ตัว เดิมกำลังเดินเล่นอยู่ก็ถูกชักนำมาที่โรงงิ้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นหวังทงด้วยตาตนเอง แม้ว่าไม่ได้ประโยชน์อันใด แต่กลับไปเล่าให้ญาติฟัง โอ้อวดสักหน่อย ก็มีความสุขดี
พอได้ยินเสียงขานชื่อดังมาเช่นนี้ ทุกคนก็ส่งเสียงดัง ยามนี้รอบด้านมีทหารองครักษ์เสื้อแพรเดินออกมา ให้ฝูงชนเปิดทาง เพื่อให้ม้าของพวกหวังทงเดินเข้ามาในที่ว่าง
หวังทงปกติแต่งกายง่ายๆ เพื่อสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้กลับแต่งกายเต็มยศในชุดรองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ขี่บนหลังม้า เครื่องแต่งกายที่เป็นสีทองสะท้อนแสงระยิบ หวังทงเก็บผมเรียบร้อย มองไป เป็นภาพวีรบุรุษสง่างาม
ทุกคนเห็นแล้วก็ร้องชมในใจ ในใจก็ยิ่งอยากรู้ ก็แค่โรงงิ้ว เหตุใดจึงต้องเปิดตัวอลังการเช่นนี้ แรกสุดก็มาสร้างอาคารใหญ่ จากนั้นยังมีรองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรหวังทงมาเปิดป้าย ข้างในแท้จริงแล้วแสดงเรื่องอันใดกัน
“ทุกท่าน วันนี้โรงงิ้วเปิดกิจการ งิ้วที่นี่สอนให้คนทำความดี ข้าจึงได้มาเปิดกิจการวันแรกในวันนี้”
หวังทงยืนนิ่งหน้าประตู น้ำเสียงดังพอสมควร กล่าวจบ คนงานหน้าประตูก็ร้องเชียร์ดัง จากนั้นวงดนตรีก็ประโคมขึ้น มีคนจุดประทัด ทำให้บรรยากาศคึกคักยิ่ง
พอเรียกน้ำย่อยพอควรแล้ว หวังทงก็กล่าวง่ายๆ ไม่กี่คำ รอจนเสียงประทัดสงบ หวังทงก็ยกมือขึ้นปลดผ้าแพรออก ผ้าแพรแดงร่วงหล่นลงพื้น อักษรบนป้ายเขียนได้ทรงพลังมากว่า ‘โรงงิ้วภักดี’
“ขอบคุณใต้เท้าหวังที่มาแสดงความยินดี ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกท่านที่มาในวันนี้ โรงงิ้วเราให้ชมฟรีสามวัน ขอทุกท่านเชิญมาชม รอบละ 300 คน แถมน้ำชาชั้นดีหนึ่งถ้วย!!”
ทุกคนอยากรู้อยากเห็น จะว่าไปเดิมก็ว่างกันอยู่ วันนี้ฟังดู ยังมีชาฟรีให้ดื่มอีก สุขนี้ไหนเลยจะปฏิเสธลง
คนแถวหน้าสุดก็เอื้อมมือไปรับป้ายไม้ไผ่ ก่อนจะแย่งกันเข้าไป ข้างในจัดรูปแบบต่างจากร้านน้ำชา นอกจากโต๊ะไม้เป็นแถวๆ แล้ว ด้านหน้ายังมีเวทีสูงขึ้นไปอีกหลายฉื่อ หรือก็คือเวทีแสดง คนเข้ามาก็นั่งตามเบอร์ไม้ไผ่
ทุกคนตอนอยู่ในงานเทศกาล เคยพบเห็นการแสดงงิ้วในจวนคหบดีมาไม่น้อย ในใจก็ลองเทียบกัน เตรียมจะฟังดูว่าจะร้องเสียงดีหรือไม่ ดูท่าทางการแสดงอีก อย่างไรงิ้วเรื่อง บันทึกผ้าเจียวเซียว[1] สวนโบตั๋น[2] ก็ไม่ได้ใหม่อันใด
เสียงฆ้องดังขึ้น ทั้งลานงิ้วก็เงียบลง ตามด้วยเสียงกลอง มีคุณชายน้อยหน้ามนปรากฏตัวบนบนเวที
ผู้ชมด้านล่างเริ่มส่งเสียงดัง หลายคนชะเง้อมองหา ยังคิดว่าผิดหรือเปล่า หรือว่าคุณชายนี่มาก่อเรื่องอันใด แต่พอคุณชายเริ่มเปล่งเสียงร้องขึ้น ความสงสัยทุกคนก็มลายหายไป
เสียงร้องนับว่าเข้าที แต่ก็ไม่เท่าไร ผู้ชมเริ่มเข้าใจเรื่องราว พากันวิเคราะห์ พวกที่ผ่านโลกมามาก ก็เริ่มฟังออกว่าไม่ใช่พวกร้องเก่งอันใด ดีไม่ดีก็พวกขายเสียงงิ้วตามร้านน้ำชาธรรมดา
แม้ว่าร้องได้ธรรมดา แต่คำร้องเข้าใจง่าย แก้เป็นภาษาพูดแบบชาวบ้าน ผู้ชมเริ่มวิจารณ์ว่าภาษาบ้านๆ แต่ไม่อาจไม่รับว่า ทุกคนฟังแล้วเข้าใจ
ผู้ชมที่ส่งเสียงดังก็ค่อยๆ เงียบลง หันไปจดจ่อกับเรื่องราวบนเวที คุณชายผู้นั้นไม่มีบิดาแต่เล็ก มารดาลำบากเลี้ยงดูเติบใหญ่ พอเติบใหญ่กลับถูกคนชั่วหมายจ้องทรัพย์สมบัติ วันๆ เอาแต่หลอกพาไปทำเรื่องไม่ดี
ปรากฏว่าคุณชายน้อยเริ่มเดินไปบนเส้นทางผิด วันๆ เอาแต่ดื่มสุราเล่นพนันเคล้านารี มารดาตักเตือน คุณชายน้อยกลับไม่สนใจไยดี ยังด่าทอมารดากลับอีกด้วย
พอแสดงถึงตอนนี้ เวทีด้านล่างก็มีคนอดไม่ได้ลุกขึ้นด่าเสียงดัง ช่างเป็นลูกอกตัญญูโดยแท้ แต่ก็ถูกคนข้างๆ ลากให้นั่งลงต่อ อย่าขัดจังหวะคนดูคนอื่น นี่ไม่ใช่เรื่องจริง เจ้าจะโมโหไปทำไมกัน
บนเวทีแสดงต่อ มีฮูหยินเฒ่าออกมาเตือน ให้คุณชายกลับตัวกลับใจ คนด้านล่างเวทีก็เริ่มตะโกนว่า ‘ไปฟ้องร้องที่ศาล’ จากนั้นฮูหยินเฒ่าก็ร้องไห้ว่าไม่อาจทำได้ลง คนด้านล่างถึงกับส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ
ปรากฏว่า พ่อบ้านจวนฮูหยินเฒ่าไปบอกองครักษ์เสื้อแพร กองลาดตระเวนส่งคนมา พบกว่าพวกโจรชั่วต้มตุ๋นล่อลวงคุณชายนี้เป็นพวกลัทธิไตรสุริยัน เตรียมจะแย่งสมบัติคุณชายน้อยผู้นี้ จึงได้ก่อเรื่องชั่วร้ายมากมาย องครักษ์เสื้อแพรสืบสวนพบเรื่องเช่นนี้ จึงรีบเข้าจับกุม ต่อสู้กับพวกคนชั่วอย่างดุเดือด เสียงบนเวทีดังตึงตังขึ้นสนุกสนาน เมื่อก่อนทุกคนดูงิ้วก็ได้ยินแต่เสียงร้องและการร่ายรำ ไหนเลยจะได้ชมการแสดงยุทธ์เช่นนี้ แต่ละคนจึงชมอย่างออกรส เสียงร้องชมจากผู้ชมด้านล่างดังไม่ขาด
พอจับคนร้ายได้ ยังสั่งสอนให้คุณชายกลับตัวกลับใจ คุณชายสำนักได้ มาคุกเข่าต่อหน้ามารดา แม่ลูกย่อมร้องไห้ดีใจ ทหารองครักษ์เสื้อแพรปฏิเสธของขวัญเงินทองตอบแทน สั่งสอนคุณชายไปสองสามคำก่อนจะจากไปอย่างสง่างาม
รอจนดนตรีประโคมจบ ผู้ชมด้านล่างก็เงียบไปอึดใจ ตามมาด้วยเสียงร้องชมดังลั่นไปทั่วบริเวณ ทุกคนต่างตะโกนว่ายอดเยี่ยม ตบมือกันดังสนั่น มีคนยืนขึ้นตะโกนว่า
“งิ้วดีเช่นนี้ ชมฟรีได้อย่างไร!”
กล่าวจบก็ควักเงินออกมา โยนขึ้นไปบนเวที พวกไม่เดือดร้อนเงินทอง มีเงินเที่ยวเตร่ เงินทองมากไม่ขัดสน มีคนออกหน้า คนอื่นๆ ก็ย่อมทำตาม ได้ยินเสียงดังเคร้งคร้างบนเวที พวกคนงานโรงงิ้วก็รีบออกมา รีบบอกว่างิ้วนี้ไม่เก็บเงิน ยังมีแขกกำลังเข้ามาอีกชุด ขอเชิญทุกท่านกลับได้
คนไม่น้อยอยากอยู่ฟังต่ออีกรอบ แต่คนงานบอกว่า คิดจะฟังก็ต้องมาใหม่ ไปรับป้ายใหม่ คนที่คิดไวก็รีบวิ่งออกไปรับป้ายไม้ พอออกจากประตูโรงงิ้วไป ก็เห็นว่าด้านนอกมีคนมาออกันยิ่งมาก เห็นสีหน้าคนที่ออกมา คนด้านนอกก็รู้แล้วว่างิ้วด้านในสนุกเพียงใด
กลางเดือนแปด ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 11 โรงงิ้วภักดีสะเทือนทั่วเมืองหลวง
………………..
[1] งิ้วในสมัยหมิง กล่าวถึงพระเอกเป็นบัณฑิตสมัยซ่งรับคำสั่งบิดานำผ้าเจียวเซียวเป็นหลักฐานมาแต่งงาน ต่อมาผู้ที่พลาดหวังจากนางเอก จึงใส่ร้ายตระกูลพระเอกนางเอกจนถูกเนรเทศ ต่อมาพระเอกไปเป็นทหารสร้างความชอบจึงได้เป็นแม่ทัพ กลับมารับนางเอก จบเรื่องอย่างมีความสุข
[2] เรื่องราวในสมัยซ่ง นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายพบรักกับพระเอก จึงแกล้งว่าจะให้น้องสาวแต่งกับพระเอก แต่ต่อมามีตัวร้ายปลอมตัวมาแทนพระเอก เกิดเรื่องราวใส่ร้ายเป็นคดีความมากมาย แต่สุดท้ายความกระจ่าง พระเอกนางเอกได้แต่งงานกัน