Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 730

ตอนที่ 730 สนทนาข่มบารมี ปิดร้านปลดตำแหน่ง

ดาบซาตงหนิงเร็วมาก ยกขึ้นฟันลง ศีรษะจือวั่นชางก็ร่วงลงพื้น ราษฎรอยู่บนท้องถนนอีกด้าน ดังนั้นมองไม่ชัด พวกที่หันไปทางพวกอ๋องไต้ก็ยังไม่ได้สติ

พอเลือดสดๆ สาดกระจายไปทั่ว คนจวนอ๋องเริ่มได้สติ ตามหลักซื่อจื่ออยู่ตรงหน้า มีคนยกดาบสังหารคน ไม่ว่าคนทางการหรือไม่ ซื่อจื่อย่อมอาจมีภัย

ผู้คุ้มกันจวนอ๋องต้องเข้ามาป้องกัน อย่างน้อยก็ต้องเอาตัวมาบังไว้ หัวจือวั่นชาง เถ้าแก่ร้านค้าตระกูลหวงที่ทุกคนรู้จักกันดีกลิ้งไปตามพื้น เลือดสดสาดกระจายท่วมตัวก่อนรดลงพื้น พื้นแข็งๆ เต็มไปด้วยรอยม่วงดำ กลิ่นคาวเลือดกระทบจมูก

ไม่รู้ผู้ใดที่ทนไม่ได้ ส่งเสียงหวีดร้องดัง ผงะถอยหลังไปหลายก้าว คนจวนอ๋องทุกคนราวกับปฏิกิริยาเดียวกัน ผงะถอยหลังพร้อมกัน กลับเป็นซื่อจื่อที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าคนเดียว

มาถึงตอนนี้ ชาวบ้านด้านหลังก็รู้ว่าด้านหน้าเกิดเรื่องแล้ว ทหารที่หวังทงพามาแค่ล้อมไว้หลวมๆ ไม่ได้ล้อมไว้แน่น

มีชาวบ้านที่ใจกล้ายื่นหน้าออกมาดู มองอันใดไม่ชัดนัก มีแต่หัวและเลือดสดนั้นที่สาดกระจายนองพื้น ถึงกับอึ้งไปก่อนได้สติคืนมา

ผู้ใดจะคิดว่าเวลาไม่กี่นาที เถ้าแก่ร้านค้าตระกูลหวงตัวเป็นๆ จะหัวหลุดจากบ่าไปอย่างนั้น จือวั่นชางผู้นี้แม้แต่นายอำเภอเมืองต้าถงยังต้องเกรงใจ

คนที่เข้ามามองด้วยความอยากรู้เดินกลับเข้าไปในฝูงชน เล่าสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมา ทุกคนพากันอุทานอย่างแตกตื่นตกใจ หนึ่งต่อสิบ สิบต่อร้อย คนที่ได้ยินต่างพากันหนาวตัวสั่น

ทั่วท้องถนนเต็มไปด้วยเสียงจอแจ แต่พอทหารติดตามหวังทงกวาดตามองไป ก็รีบหยุดเงียบทันที ไม่กล้าส่งเสียง ทั้งถนนเงียบกริบ ถึงกับได้ยินเสียงกระบองฟาดเนื้อและเสียงร้องเจ็บปวดดังชัดเจนไปทั่วถนน

ชาวเมืองต้าถงถูกอ๋องไต้กดขี่มาเกือบสองร้อยปี ในสมัยปฐมฮ่องเต้จูหยวนจาง หมิงไท่จู่นั้น อ๋องไต้ก็วางอำนาจบาตรใหญ่ไม่เกรงกลัวผู้ใด สายตระกูลอ๋องไต้ก็ไม่เหมือนที่อื่น มักให้เชื้อพระวงศ์มาชุมนุมกัน ให้การช่วยเหลือกัน จึงเหมือนยกให้อำนาจบารมีอ๋องไต้มากกว่าอ๋องอื่นๆ ไปโดยปริยาย

ชาวบ้านในเมืองผู้ใดไม่รู้ความร้ายกาจของอ๋องไต้ แน่นอน พวกเขาเองไม่ได้รู้สึกดีอันใดกับผู้แทนพระองค์ ชื่อเสียงองครักษ์เสื้อแพรในหมู่ประชาก็ไม่ดีนัก ชาวบ้านไม่น้อยมามุงดูกันเพื่อรอดูผู้แทนพระองค์เสียทีแก่ซื่อจื่อ ไม่ว่าขุนนางใด ต่อหน้าอ๋องก็ต้องก้มหัวให้

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ซื่อจื่อออกโรงมาเอง ไม่ทันพูดอันใด หัวคนทางเขาก็หลุดจากบ่า ก็เท่ากับว่าตบหน้าจวนอ๋องต่อหน้าต่อตา

หวังทงมีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงและเทียนจิน เรื่องราวเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่ชาวบ้าน แต่ที่เมืองต้าถงนอกจากสถานะใหญ่ที่รู้แล้ว คนอื่นไหนเลยจะรู้

แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าหวังทงใหญ่ระดับใดแล้ว แท้จริงแล้วเขามีบารมีเท่าใด ทุกคนเริ่มหวาดกลัว

ซื่อจื่อนั่งแปะกับพื้น หวังทงไม่ได้คิดเข้าไปประคองให้ลุกขึ้น ซื่อจื่อนั่งนิ่งค้างอยู่กับพื้นอยู่ ชี้มือสั่นเทาไปด้านหน้า ปากก็อ้าแต่ไร้เสียง

ซาตงหนิงตัดหัวฉับเสร็จ มองเห็นผลจากสายตาคนรอบๆ มองไปทางหวังทงที่พึงพอใจ ก็รู้สึกภาคภูมิใจ ก็สลัดเลือดบนดาบทิ้งตามวิธีปฏิบัติทั่วไปก่อนเก็บคืนฝักดาบ อย่างไรก็ต้องทำให้รวดเร็วคล่องแคล่วดูมีท่าทางเท่ห์ๆ สักหน่อย

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังโหยหวนของพ่อบ้านสามไม่ได้ทำให้ซื่อจื่อได้สติคืนมา หากเป็นซาตงหนิงสะบัดดาบ แสงจากดาบกระทบเข้าตา ทำให้ซื่อจื่อได้สติคืนมา

“ซื่อจื่อ วาจาข้าเมื่อครู่ ซื่อจื่อได้ยินกระจ่างหรือไม่?”

หวังทงยิ้มถามเสียงเยียบเย็น พ่อบ้านสามจวนอ๋องน้ำเสียงแผ่วลงไปเรื่อยๆ ได้ยินหวังทงถาม ซื่อจื่อเหมือนกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น กระถดถอยไปด้านหลัง จากนั้นก็ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีก

เป็นทหารคุ้มกันจวนอ๋องเมื่อครู่ผู้นั้นเข้ามาประคองซื่อจื่อให้ลุกขึ้น หันไปพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า

“ใต้เท้าผู้แทนพระองค์กล่าวได้ถูกต้อง ซื่อจื่อเราก็คิดเช่นนี้ เห็นใต้เท้าหวังตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ลำบาก ก็มาสอบถามดูสักหน่อย ร้านค้าตระกูลหวงมีคนชั่วไร้ยางอายเช่นนี้ ควรโดนลงโทษ”

“……ใช่……ใช่………”

ซื่อจื่อที่แตกตื่นตกใจเสียสติไปก็เริ่มได้สติคืนมา กล่าวน้ำเสียงสั่น หวังทยิ้มคำนับ กล่าวว่า

“ลำดับจากนี้ก็ต้องปิดร้านไม่ให้เข้าออก จับคนผิดไปลงโทษ กำลังจะวุ่นวาย ขอซื่อจื่ออย่าตกใจ เชิญกลับจวนไปก่อนเถิด!”

เห็นชัดว่ากำลังไล่แขก แต่พวกจวนอ๋องยามนี้ไหนเลยจะกล้าอยู่ต่อ หัวหน้าผู้คุ้มกันประคองซื่อจื่อออกไป พร้อมให้คนสองคนเข้าไปประคองพ่อบ้านที่ถูกโบยผู้นั้นจากไปด้วยสภาพทุลักทุเลไม่น้อย

หวังทงเห็นรถม้าไปไกลแล้วก็ส่ายหน้า ถานเจียงด้านหลังเข้ามากล่าวว่า

“คิดไม่ถึงว่าจวนอ๋องไต้สายสกุลไม่เอาไหนเช่นนี้ ถึงขั้นมีแต่พวกขี้ขลาดเช่นนี้ได้”

“นี่เรียกได้ว่าไม่เลวแล้ว ซื่อจื่อจวนอ๋องผู้นี้วางตัวเรียกได้ว่ามีหลักการอยู่ ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่ได้เปิดทางให้ข้าเอาเรื่องต่อได้”

หวังทงหันไปออกคำสั่งต่อว่า

“ปิดร้าน นำสมุดบัญชีไป นำทุกคนกลับไปสอบสวน”

ลูกน้องด้านหลังรับคำพร้อมกัน หากกล่าวว่าเมื่อครู่องครักษ์เสื้อแพรมาสืบคดีปิดร้าน คนร้านค้าตระกูลหวงก็คงคิดจะขัดขืนอยู่ แต่พอเห็นเถ้าแก่ร้านหัวไปอีกทางเช่นนี้ เห็นนายใหญ่อย่างจวนอ๋องไต้หนีไปลนลานเช่นนี้ พ่อบ้านที่ปกติวางท่าใหญ่โตทั่วเมืองต้าถงถูกโบยปางตายเช่นนี้ คนในร้านต่างก็ไม่กล้าคิดอันใดมากไปกว่านี้ ฟังการจัดการของทางการแต่โดยดี ส่งมอบสุมดบัญชี

ร้อยกว่าคนเข้ากวาดล้างร้านค้าบนถนนสามสายนี้ได้รวดเร็วมาก หากเป็นเจ้าหน้าที่เมืองต้าถงหรือองครักษ์เสื้อแพรท้องที่นี้ก็เกรงว่าคงไม่อาจทำได้เช่นนี้ ตนเองคงต้องคำนึงถึงผลประโยชน์เก็บเกี่ยวไว้ก่อน สถานการณ์ย่อมวุ่นวายไปหมด แต่คนที่หวังทงพามานั้นมีประสิทธิภาพยิ่ง

ไปยังร้านขายหมึกและกระดาษ คว้าหมึกและกระดาษพร้อมกาวแป้งออกมา เขียนใบปิดผนึกประตูร้าน หวังทงประทับตรา สินค้าในร้านถูกกักไว้ไหมด นำสมุดบัญชีออกมา เถ้าแก่ร้านแผนกต่างๆ และคนคิดบัญชีร้านก็นำไปรวมตัวกัน บรรดาคนมุ่งที่เห็นเหตุการณ์ลงโทษตัดหัวเมื่อครู่ ก็ล้วนพากันสงบเสงี่ยม ไปแอบมองกันไกลๆ มองดูบรรดาองครักษ์เสื้อแพรเข้าปิดผนึกทีละร้าน

“เมืองต้าถงพื้นที่ยากเพาะปลูก ที่นาอ๋องไต้เองก็เก็บเกี่ยวไม่ดี จวนอ๋องไต้ก็หาวิธีหาเงินได้ดี ก็ได้มาจากร้านค้าสองร้าน หนึ่งก็คือการค้ากับทุ่งหญ้านอกด่าน อีกหนึ่งก็คือการขนส่งสินค้าในพื้นที่มณฑลซานซี การค้าเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ การกักตุนสินค้าก็ย่อมทำมาไม่น้อย……”

หวังทงเดินไปก็คุยกับถานเจียงไป ร้านค้าตระกูลหวงกินพื้นที่กว้าง ใช้เวลาเก็บกวาดปิดร้านอยู่พอสมควร ไม่นานนัก หานกังก็เข้ามารายงานและถามว่า

“ใต้เท้า ในร้านมีชาวมองโกล 10 กว่าคน คนในร้านว่าเป็นคนงาน คนพวกนี้จับหรือปล่อย?”

“ย่อมต้องจับ!”

หวังทงยิ้มกล่าวไพล่มือเดินไปอีกทาง ถานเจียงรับคำกล่าวว่า

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ร้านค้าอ๋องไต้ถึงกับขายอาวุธทางทหารให้ศัตรู การค้านี้เปิดมานาน ก่อนนายท่านมา ไม่รู้ขนไปขายเท่าไรแล้ว อาวุธพวกนั้นสุดท้ายก็นำมาใช้กับทหารแผ่นดินหมิงเราเอง นี่มันต่างอันใดกับการก่อการกบฏ”

“ถึงตอนนั้นก็คงอ้างว่าคนในร้านจัดการกันเอง คนในราชสำนักก็คงไม่มาจริงจังอันใดกับเรื่องพวกนี้”

หวังทงพูดถึงการค้าขายสินค้าทางการทหาร ที่ถานเจียงพูดถึงก็คือ ขบวนค้าร้านค้าตระกูลหวงขายอาวุธให้เผ่าอันต๋า ถานเจียงเป็นทหารมานานปี รบกับพวกโจรสลัด กับพวกนอกด่านเลือดตกยางออก ทนดูพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้

ขณะที่พูดกันอยู่ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังติดๆ กันมา มีเสียงด่าทอและเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ถานเจียงขมวดคิ้วจะก้าวเข้าไปข้างหน้าดู หวังทงยื่นมือไปรั้งไว้ กล่าวว่า

“ไม่ต้อง พวกหานกังเอาอยู่”

ไม่นาน ก็มีคนแปดคนถูกจับมัดออกมาหน้าตาบวมปูด ดาบหานกังกับซาตงหนิงยังไม่ใส่กลับคืนฝักดาบ ตามตัวมีร่องรอยเปื้อนเลือด ตามมาข้างหลัง พอเห็นหวังทงก็รีบรายงานกล่าวว่า

“ใต้เท้า พวกมองโกลนั้นคิดลงมือ ถูกหลี่เปียวฟาดไปกระบองหนึ่งจนดาบหัก จึงได้ลงมือกัน สังหารไปหก ที่เหลือจับตัวออกมาแล้ว คนของเราไม่ได้รับบาดเจ็บ”

หวังทงพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า

“ทำการค้ากับพวกทุ่งหญ้านอกด่านทั้งวัน สายสัมพันธ์น่าจะไม่เลว ย่อมคุ้นเคยกับชาวมองโกลบนทุ่งหญ้า หากข้าเป็นหัวหน้าพวกนอกด่าน ข้าก็คงจะส่งสายมาประจำที่นี่ มีจวนอ๋องไต้ให้การปกป้อง ผู้ใดกล้าแตะต้องข้า สืบเรื่องการทหารอย่างเปิดเผยเลยสิ ดีจะตาย!!”

หวังทงยิ้มกล่าวอยู่ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ แต่รอยยิ้มนั้นเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ กล่าวจบก็โบกมือ กล่าวต่อว่า

“นำตัวกลับไปลงทัณฑ์สอบ ให้นายกองพันในท้องที่กับเจ้าหน้าที่ศาลมา พวกเขารู้จักการลงทัณฑ์สอบแบบต่างๆ เอามาใช้กับพวกสายสืบพวกนี้ให้หมด”

ทหารติดตามไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาอันใด พอได้ยินหวังทงสั่งก็รับคำสั่งทันที สีหน้าหวังทงเริ่มเคร่งเครียด เงียบไปนาน ถานเจียงสีหน้าก็ไม่ต่างกัน สองคนมองไปยังทหารที่วิ่งเข้าวิ่งออกแปะคำสั่งปิดร้าน สักครู่หนึ่งหวังทงก็กล่าวว่า

“เห็นแก่ผลประโยชน์จนลืมคุณธรรม ไร้ศีลธรรม ไร้ยางอาย!!”

กล่าวจบ หวังทงก็หันไปสั่งการถานเจียงว่า

“คนถือธงตำแหน่งนำขบวน เลือกมาสิบคน ตามข้าไปยังศาล!!”

ถานเจียงรับคำ รีบไปจัดการ เจ้าหน้าที่ถือธงและป้ายนำขบวนตำแหน่ง มือถือของอยู่ ย่อมไม่อาจลงมือจับกุมคนทำผิดได้ คนพวกนี้มารอรับคำสั่ง ไม่นานก็ระดมคนมาครบจำนวน

ทางนี้กำลังปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หวังทงโดดขึ้นม้าไปกับคนอีกกลุ่ม มุ่งไปยังศาลที่ทำการเมืองต้าถง เดินไปได้สักระยะหนึ่ง ถานเจียงบนหลังม้าจึงได้ถามว่าไปที่ทำการศาลเพื่อการใด หวังทงบนหลังม้ากล่าวว่า

“ร้านค้าตระกูลหวงรับซื้อสินค้าการทหาร ล้วนมีเจ้าหน้าที่ทางการไปร่วมแสดงตน นายอำเภอเมืองต้าถงบอกว่าไม่เกี่ยวข้องหรืออย่างไร คนอ๋องไต้ถูกตัดหัวไปแล้ว ทางที่ทำการศาลเมืองต้าถงนี้ก็ต้องจัดการให้เด็ดขาดเช่นกัน”

ต้นฤดูหนาวในปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 11 เมืองต้าถงอยู่ๆ ก็มีเรื่องวุ่นวายขึ้น ที่ทำการศาลเมืองต้าถงห่างจากเขตเมืองไปทางเหนือสักระยะหนึ่ง ตอนนี้หน้าประตูยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!