Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 745

ตอนที่ 745 ทหารม้าต่อทหารม้า

ทหารม้าคิดจะแสดงแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ต้องใช้ระยะห่างพอควร ต้องการระยะห่างให้ม้าเร่งความเร็วได้ จึงจะทะยานบุกได้

ทหารหมิงด้านหน้าอีเล่อเต๋อกับทหารหมิงที่เขารู้จักไม่เหมือนกัน ทหารหมิงกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่มียุทโปกรณ์ครบ แม้แต่กำลังความเร็วก็ยังเร็วกว่ามาก

ทหารหมิงออกตัวกัน ก็เท่ากับได้เปรียบกว่า เท่ากับว่าได้ความเร็วที่ต้องระดับเร็วกว่าฝ่ายตน ตอนปะทะกันเขาย่อม เสียเปรียบ

นายกองพันอีเล่อเต๋อไม่แตกตื่น แม้ว่าแปลกใจ แต่ก็อยู่ในความคาดหมาย เขายกแส้ม้าตวัดไปในอากาศซ้ายขวาสองสามที ก่อนจะสั่งให้บุกหน้า ทัพม้าพวกนอกด่านออกตัวเช่นกัน

ทหารม้าหมิงด้านหน้าบุกมาได้ระยะห่าง 30 ก้าว ทัพม้าพวกนอกด่านไม่ได้ตะบึงม้าเข้าใส่ หากกลับดึงม้าให้วิ่งเหยาะ

ม้าค่อยๆ วิ่งเหยาะๆ มา อานม้าย่อมไม่สั่นสะเทือนแรง คนบนหลังม้าย่อมยิงธนูได้แม่นยำมากขึ้น ทหารม้าพวกนอกด่านเรียงสามแถว ล้วนยกธนูขึ้นน้าวบนหลังม้า ธนูอยู่ในมุมแหงน เตรียมยิงใส่ทัพทหารหมิง

ทหารม้าสองฝ่ายปะทะกัน ทหารม้าหมิงแถวหน้าสุดในชุดเกราะเหล็กความเร็วไม่ลด ทหารม้าในชุดเกราะเหล็กกับม้าที่มีพรมคลุมตัวไว้ ม้าก็เป็นม้าชั้นดีตัวใหญ่จากเหลียวตง น้ำหนักคนและม้าเห็นได้ชัด ทหารม้าเช่นนี้บุกปะทะกันซึ่งหน้า กีบเท้าม้ากระแทกพื้น เสียงก็ดังสนั่นหวั่นไหวน่าตกใจ ม้าพวกนอกด่านได้แต่บุกขึ้นหน้าอย่างหวาดๆ ทหารม้าบนหลังม้าเองก็เริ่มร้อนใจ

“เข้าใกล้ค่อยยิงสุนัขหมิง!!”

มีนายทหารตะโกนเสียงดังแหบพร่า ในความร้อนใจ คงได้แต่ดูระยะให้ดี มือธนูกับพลปืนไฟหากร้อนใจเมื่อใด ก็มักจะยังไม่เข้าใกล้ก็ยิง เพราะอย่างน้อยก็เป็นการลดความเครียดของตนเอง

แน่นอน ผลคือหายนะใหญ่ นอกระยะยิง ศัตรูย่อมไม่ระคายผิว แต่ศัตรูบุกมาตรงหน้า ไม่มีลูกธนูกับกระสุนยิงแล้ว ก็เหมือนกับปัญหาเดิมๆ สมัยก่อนมีแต่ทหารหมิงที่พลาด ทหารม้าพวกนอกด่านเข้าใกล้ยิ่งมาก พวกเขาก็มักจะยิ่งยิงมั่ว พอศัตรูมาใกล้ ก็ยิงหมดกระสุนแล้ว กระบอกปืนไฟพวกเขาก็เริ่มแดงฉาน ไม่อาจใช้งานได้อีก

แต่การรบครั้งนี้ ที่ต้องบังคับพวกตนให้สงบนิ่งกลับเป็นทหารม้านอกด่าน เสียงตะโกนเรียกสติของทุกคนดังขึ้น แต่เพราะทหารม้าอีกฝ่ายวิ่งมาอย่างน่ากลัว ทำให้ทุกคนยิ่งเครียดหนัก

ธนูที่ยิงออกไปในอาการเช่นนี้ ท่าทางการยิงย่อมบิดเบี้ยวไป จะไปแม่นยำได้อย่างไร ทหารม้าสองแถวทะยานใส่ ม้าสองฝ่ายสามารถวิ่งหลบได้ ระยะใกล้ก็เร็วมาก

ธนูส่วนใหญ่ของทหารม้าพวกนอกด่านยังคงน้าวอยู่ พอถึงระยะยิง หัวหน้าทหารม้าพวกนอกด่านออกคำสั่ง บรรดาทหารม้าก็ตะโกนดังก่อนจะเร่งรีบยิงกันออกไป เสียงธนูดังเฟี้ยวกลบเสียงฝีเท้าม้าที่ดังสนั่น

ทหารม้าชุดเกราะแถวที่หนึ่งแถวที่สองก้มลงเล็กน้อย ทหารม้าด้านหลังยกเกราะกลมบนแขนซ้ายขึ้น ธนูยิงใส่ทหารม้าบนหลังม้า

เสียงตึงตังๆ ดังไม่หยุด ลูกธนูร่วงกราว ยิงโดนเกราะทหารกองกำลังหู่เวยบ้าง หมวกเกราะบ้าง ที่ยิงได้ดีก็ทำได้แค่ทำให้เป็นแผลเล็กน้อย หรือไม่ก็ทำได้แค่ไถลแฉลบผ่านเกราะไป ที่อันตรายสุดก็คือทหารม้าแถวหน้า ธนูเล็งพวกเขาไว้

แต่ผลการยิงระลอกแรงราวกับได้ค่าเท่ากับศูนย์ มีบ้างที่ยิงโดนแถวหลัง ถูกโล่กลมกั้นไว้ มีเพียงทหารม้าสามนายที่โชคไม่ดี มีธนูลอดผ่านช่องว่างระหว่างโล่ไปได้ แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนกำลังม้าบุกต่อไปได้

ทหารม้าพวกนอกด่านแถวหน้าสองสามแถวก็คว้าทวนสั้นและขวานออกมา พยายามบังคับม้าให้เปลี่ยนทิศทาง ทหารม้าที่บุกมาแบ่งเป็นหลายกอง สามารถเลี้ยวสลับช่องระหว่างกองกัน สามารถใช้ดาบโจมตีด้านข้างทหารหมิง สามารถฟันมุมข้างได้ ความสามารถนี้ต้องฝึกมาอย่างดี ทหารม้าพวกนอกด่านมั่นใจในการนี้มาก

ยังเหลืออีกสิบกว่าก้าว ทหารด้านหลังทหารม้าชุดเกราะวางโล่ลง เริ่มน้าวธนูแทน ใช้มุมยิงระยะเชิดเล็กน้อย ยิงออกไปอย่างไม่สนใจว่าจะยิงอันใด

ทหารหมิงน้าวธนู ลูกธนูใช้เหล็กมาก น้ำหนักก็ย่อมหนักกว่าของพวกนอกด่าน ความยาวธนูส่งกำลังยิงได้ดี ลูกธนูยิงข้ามหัวทหารม้าชุดเกราะแถวหน้าไป ยิงพุ่งไปทางกองกำลังทหารม้าพวกนอกด่าน

เทียบกับทหารหมิงชุดเกราะแถวที่หนึ่งแถวที่สองและทหารเกราะหนังแถวที่สามพร้อมโล่กลม ทหารม้าพวกนอกด่านมีเพียงเกราะขอลวดและเกราะหนังเท่านั้น และพวกเขายังคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายมีธนูด้วยเหมือนกัน ธนูมาราวห่าฝน ทหารม้าพวกนอกด่านส่งเสียงร้องดังโหยหวนก่อนจะร่วงจากหลังม้า แถวหน้าเรียบ

คนกลิ้งตกจากหลังม้าตายไปเสียดีกว่า เพราะหากไม่ตายก็ต้องถูกทหารด้วยกันควบม้าเหยียบตาย มีบางคนถูกอานม้ารั้งไว้ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เหตุการณ์ชุลมุนเช่นนี้ ทหารม้าพวกนอกด่านก็เริ่มแตกตื่นกระจัดกระจาย

แต่กระจัดกระจายก็กระจัดกระจายไป หากความฮึกเหิมบุกนั้นเอาไว้อยู่แล้ว ทหารม้าหมิงในชุดเกราะที่เงียบมาตลอดยามนี้ตะโกนดัง ศัตรูอยู่ตรงหน้าแล้ว

‘ตึงตัง……’ ดังเร่งเร้า ความเร็วบุกของสองทัพม้า ประสานงานอย่างรุนแรง ชนปะทะเข้ากัน ทุกอย่างเงียบไปอึดใจ ก่อนจะมีเสียงดังโหยหวนดังมา พร้อมเสียงตะโกนร้องเรียกดังไปทั่ว

ทหารม้าชุดเกราะ คน ม้า เกราะ ทวนยาวน้ำหนักผสมกัน หนักกว่าน้ำหนักทหารม้าพวกนอกด่านมาก สองฝ่ายปะทะกันด้วยความเร็ว ทหารม้าพวกนอกด่านตรงหน้าไม่น้อยกระเด็นร่วงจากหลังม้าไปทันที ที่จริงแล้ว ทหารม้าชุดเกราะวางทวนยาวแนวระนาบแทงเข้าเป้าหมาย เหมือนว่าผู้ใดขวางก็แทงไม่ว่าเนื้อหนังใดก็ตาม ทหารม้าพวกนอกด่านที่ล้มลงส่วนใหญ่ถูกแทงร่วง

มีทวนยาวบางอันแทงค้างอยู่บนร่างศัตรูตรงรอยต่อกระดูกดึงไม่ออก ทหารม้าไม่สามารถใช้แรงกระชากออก ได้แต่โยนทวนทิ้งทันที หันไปควักดาบที่อานม้าหรือไม่ก็ขวานสองคมออกมาแทน

ทหารม้าพวกนอกด่านแถวหน้าใช้ทวนยาว แต่ความยาวย่อมไม่สู้ของทหารม้าหมิง สองฝ่ายปะทะกัน ทวนยาวพวกนอกด่านไม่อาจแตะโดนชุดเกราะทหารม้าหมิงได้

อีเล่อเต๋อถูกห้อมล้อมด้วยทหารติดตามวิ่งอยู่รอบนอก ตอนทุกคนยิงธนู เขาก็ยิงไปดอกหนึ่ง ธนูเขาทำจากไม้หวงชั้นดี เป็นธนูที่ทำจากโรงงานอาวุธที่ดีที่สุดในเมืองกุยฮว่าเฉิง อีเล่อเต๋อได้มาถึงตำแหน่งนี้ได้ ฝีมือย่อมห่างไกลจากคำว่าทหารธรรมดา เขาเล็งเป้าหมายเอาทหารม้าหมิงที่ใกล้เขาที่สุด ยิงไปยังหน้าอกที่เป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดบนร่างกาย พอยิงออกไป ก็ยิงเข้าทหารหมิงผู้นั้น แม้กำลังธนูมาจากธนูมุมเงย แต่ความเร็วก็ไม่ได้ลดลงมากอันใด

ตอนธนูกองทัพหมิงมาราวห่าฝน สร้างความเสียหายล้มตายให้กับทหารม้าพวกนอกด่านไปทั่วบริเวณ ทหารอีเล่อเต๋อนายหนึ่งก็ร่วงจากหลังม้า มืออีเล่อเต๋อเริ่มสั่นเทา แต่เขายังไม่สั่งให้หยุด หลังปะทะ แถวหน้าล้มระเนระนาด บาดเจ็บล้มตายน่าอนาถ สีหน้าอีเล่อเต๋อเริ่มดำคล้ำ แต่เขายังคงไม่สั่งให้หยุด นี่อยู่ในความคาดหมายของเขา

ขอเพียงทหารม้าตนบุกเข้าไปในกองทัพทหารหมิงได้ ขอเพียงสามารถสังหารเข้าไปในกองทัพที่แน่นหนาได้ ก็สามารถประชิดสังหารตัวต่อตัวกับทหารหมิงได้ นักรบตนนั้นจะต้องจัดการทหารหมิงให้แตกตื่นได้แน่นอน จะต้องจัดการฟันสุนัขหมิงสมควรตายพวกนี้ให้ขาดเป็นร้อยท่อน

เริ่มแรกนั้นทหารม้าพวกนอกด่านสู้ตายเพื่อเครื่องป้องกันของทหารหมิง มีคนหลบพ้นการปะทะตรงหน้าบุกเข้าไปในช่องว่างของทัพทหารหมิงได้

พวกเขาสองตาแดงก่ำ หันข้าง ยกดาบฟันเอวทหารหมิง ก็จะสามารถทำให้สุนัขหมิงพวกนี้ถึงตายได้

ทหารม้าพวกนอกด่านที่อยู่หน้าสุดเป็นนายกองร้อย เขาขี่ม้าเก่งกล้า ฝีมือยอดเยี่ยม ลูกน้องเขากับเพื่อนทหารด้วยกันเมื่อครู่บาดเจ็บล้มตายไปมาก ตอนนี้เขาจึงคิดเพียงฟันทหารหมิงให้ตายตกไปตามกัน

พอลอดเข้ามาได้ ด้านหน้ากลับไม่มีทหารหมิง หากมุมข้าง ปะทะกันจากมุมข้าง ทหารฟันด้านข้างเป็นท่าทางที่ยากที่สุด แต่เขาทำได้

พอยกดาบยาวขึ้น กำลังจะฟันทหารหมิง ทหารหมิงก็ฟันมาเช่นกัน นาทีนี้ เขาได้แต่ยกดาบกันไว้ เสียง ‘ตึง’ ดังสนั่น สองดาบปะทะกัน

ม้าสองฝ่ายยังคงวิ่งอยู่ ดาบปะทะกัน ก็พาดผ่านไป นายกองร้อยทหารม้านอกด่านรู้สึกมือชา เมื่อครู่อีกฝ่ายฟันมานั้นแรงเยอะมาก เช่นนั้น……ยังไม่ทันได้เปลี่ยนท่า ก็รู้สึกด้านหลังมีลมวาดผ่านมาจนรู้สึกเจ็บ ไม่อาจยกดาบขึ้นได้อีก……

ความเจ็บที่อยู่ๆ เกิดขึ้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บที่รู้สึกเหมือนกำลังสิ้นชีวิต นายกองร้อยมองหน้าอกตนเองอย่างตกตะลึงด้วยมีปลายทวนทิ่มทะลุออกมา ร่วงจากหลังม้าทันที

แม้ว่าบุกเข้าไปได้ ทหารม้ากับทหารม้าปะทะดาบกัน ทหารม้าพวกนอกด่านก็ไม่ได้เปรียบอันใด อีเล่อเต๋อมองทหารม้าที่บุกเข้าไปถูกฟันร่วงจากหลังม้า ถูกทวนและธนูยิง

เดิมคิดว่าสามารถทำให้กองทหารหมิงแตกตื่น จะตีแตกจากภายใน คิดไม่ถึงว่าทะลุเข้าไปได้ กลับถูกรุมจากสองทิศทางแทน

“ถอย……กลับ!!!!”

นายกองพันอีเล่อเต๋อในที่สุดก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว การรบเช่นนี้ถูกจัดการทุกด้าน มองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อยนิด รบต่อไป ก็ย่อมเท่ากับไปตาย ถอยทัพกลับ ทหารหมิงพวกนี้ไม่เคยเจอมาก่อน ต้องกลับไปรายงานใต้เท้าไห่รื่อกู่ ในฐานะนายกองพันจึงอยู่รอบนอก สามารถดึงม้าหันกลับ แต่ทหารหน่วยเขาเข้าสู่ช่วงปะทะกันแล้ว ไม่อาจถอยกลับได้โดยง่าย

ทหารสองฝ่ายปะทะกัน นอกจากรอบนอกสุดแล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีที่ให้กลับตัว พวกเขาไม่สู้ตายกับศัตรูตรงหน้า ก็สังหารเพื่อนทหารด้วยกันเอง ไม่เช่นนั้นไม่มีทางหนีได้ แต่สำหรับทหารม้าพวกนอกด่านแล้ว เผชิญกับทหารม้าหมิงที่สวมเกราะพร้อมอาวุธยาว ดาบตนเองไม่อาจแตะโดนแม้แต่ชุดเกราะของอีกฝ่าย ได้แต่หาช่องว่างชุดเกราะแทงไป ขวานกับค้อนหนามเหล็กสามารถทำลายเกราะได้ แต่ความยาวไม่พอ

และอาวุธทหารหมิงยังยาวพอ น้ำหนักก็ได้ ฟันลงมาที ย่อมทำให้ถึงตายได้……

อีเล่อเต๋อหันหลัง เขาจะไปหาไห่รื่อกู่ขอกำลังเสริม มาช่วยทหารตน แต่พอหันกลับมา ก็ไม่เห็นทัพม้าของไห่รื่อกู่แล้ว

*************

หวังทงบนหอสังเกตการณ์มองดูพวกนอกด่านไม่สนใจเพื่อนทหารด้วยกัน หนีกระจัดกระจายกันไป กลับวิ่งวนรอบนอกออกมาจากวงล้อมแทน จึงอดหัวเราะไม่ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!