ตอนที่ 748 ไล่ปลาลงบ่อ ทั้งบ่อแตกตื่น
ชาวมองโกลกับชาวฮั่นในเมืองกุยฮว่าเฉิงพอเห็นทัพทหารม้ากองใหญ่เข้าๆ ออกๆ แม้เมืองกุยฮว่าเฉิงสงบสุขมาได้ 40 ปี แต่ทุกคนก็รู้ว่าเกิดเหตุอันใดแล้ว
ข่านเผ่าอันต๋าเอาใจมเหสีสาม รวมรวมกำลังบนทุ่งหญ้าสร้างเมืองกุยฮว่าเฉิง แต่วันนั้นถึงวันนี้ก็ราว 50 ปีแล้ว เผ่าอันต๋าแต่ไรมาก็มีกำลังทหารได้เปรียบแผ่นดินหมิง เมืองกุยฮว่าเฉิงก็ย่อมสงบสุขไร้กังวล เขาเป็นศูนย์กลางการค้ากับเผ่าต่างๆ ในแถบซีอวี้ตะวันตก และทะเลทรายเหนือใต้
ในสายตาชาวมองโกลกับชาวฮั่นหลายคน เมืองกุยฮว่าเฉิงไม่ควรมีภัยอันตรายอันใด ที่นี่ย่อมสงบสุขตลอดกาล แต่ทหารเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้ด้วยเหตุใด
ไม่เพียงแต่ทหารนอกเมืองเคลื่อนกำลัง บรรยากาศในเมืองก็เคร่งเครียด มักมีทหารม้าพวกนอกด่านมารวมตัวกัน เมื่อก่อนที่นี่ แม้ชาวฮั่นไม่ได้สูงศักดิ์เท่าชาวมองโกล แต่ไม่เคยดูว่าแตกต่างกัน หากยามนี้ ทหารม้าพวกนอกด่านอยู่ๆ ก็มีสายตาไม่เป็นมิตรกับชาวฮั่น วิเคราะห์ให้ดี อาจถึงขั้นมีสายตาอยากเอาดาบมาสังหารกันเลยทีเดียว
เมื่อก่อนหากมีคดีกัน ก็เพียงไปฟ้องที่ทำการของต๋าหลู่ฮัวชื่อในเมือง มักจะได้รับความยุติธรรม แต่ตอนนี้ไปก็มีแต่ได้รับการปฏิบัติต่ออย่างเลวร้ายยิ่งขึ้น
ชาวฮั่นต่างหวาดกลัว ยังรู้สึกได้ว่ากำลังจะเกิดศึกใหญ่ หลายคนคิดจะหลบหนีออกนอกเมือง แต่นอกเมืองนั้นกลับรักษาการแน่นหนากว่าในเมืองเสียอีก อากาศยังหนาวเหน็บ ไม่รู้รบกันที่ไหนบนทุ่งหญ้านอกด่าน เดินทางออกไปตัวคนเดียว จะไปที่ใดได้ มีแต่ได้ตายเร็วขึ้น จึงได้แต่แอบมุดตัวอยู่ในเมืองต่อไป
บรรยากาศเทศกาลไม่ต้องพูดถึงแล้ว แต่ใต้หล้าล้วนเหตุผลเดียวกัน ศูนย์กลางแผ่นดินหมิงในวังเป็นเหมือนกระจาดมีรู วังข่านมองโกลก็เหมือนลมกำลังรั่วออก
ข่าวแพร่มาอย่างเร็ว บอกว่าทหารหมิงสามหมื่นกำลังมุ่งมายังเมืองกุยฮว่าเฉิง ชาวมองโกลพอได้ยินข่าวเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจไม่อยากจะเชื่อ พระอาทิตย์ตอนนี้ขึ้นทางใดกัน ไม่น่าเชื่อ ทหารหมิงที่แต่ไรมาก็เหมือนลูกแพะ ทุกคนก็ถูกทหารเผ่าอันต๋าเหยียบย่ำตามอำเภอใจ ถึงกับกล้าออกมาบนทุ่งหญ้านอกด่าน และยังกล้ามาโจมตีเมืองกุยฮว่าเฉิง
แม้แต่ทาสในสังกัดนายกองพันยังรู้กันหมดว่า ทหารม้าเมืองกุยฮว่าเฉิงปกติมีราว 30,000 มากสุดก็ 100,000 ที่เคลื่อนกำลังออกรบได้ ทหารหมิงย่อมไม่มีถึง 30,000 ทหารราบสู้ทหารม้า หรือทหารหมิงเสียสติไปแล้ว จึงได้กล้ามาบุกเมืองกุยฮว่าเฉิง
ทุกคนที่รู้ข่าวนี้เริ่มแรกก็ตื่นตกใจ แต่ก็รู้สึกเหลวไหลสิ้นดีตามมาทันที ถึงกับผ่อนคลายไร้กังวล กล่าวว่าเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี ไม่รู้ว่าสมองแม่ทัพทหารหมิงพังไปหรือไร จึงได้กล้ามารนหาที่สู้กับข่านเซิงเก๋อตูกู่เหลิง หลังจบศึกนี้ ชื่อเสียงเกียรติยศท่านข่านย่อมต้องระบือไกลกว่าข่านในอดีต
แต่ความได้ใจและผ่อนคลายนี้กลับอยู่ไม่นาน หลายวันก่อนนายทหารฮูเหอปายื่อที่ส่งออกไปกลับมาเมืองกุยฮว่าเฉิง ยังมีทัพไห่รื่อกู่ที่กลับมาพร้อมกัน
ข่านเผ่าอันต๋าเริ่มต้นจากการกุมอำนาจทหารมา ดังนั้นจึงกุมอำนาจทหารไว้แน่น ชนชั้นสูงที่ส่งออกไปประจำนอกเมืองและกุมอำนาจทหารเรียกได้ว่าน้อยมาก ขุนนางเมืองกุยฮว่าเฉิง ชนชั้นสูงกับราษฎรล้วนรู้จักไห่รื่อกู่ผู้นี้ และรู้ว่าไห่รื่อกู่นำกำลังคุมอยู่ประตูทิศใต้เมืองกุยฮว่าเฉิง เมื่อเขานำกำลังกลับมา แม้พอเพิ่งกลับมาถึงเมืองกุยฮว่าเฉิง ก็ถูกเรียกตัวเข้าวังไปสอบถามทันที กองกำลังที่ติดตามมาต้องหยุดเคลื่อนไหว ได้แต่ปักหลักอยู่นอกเมืองก่อน แต่ทุกคนก็รู้ถึงความผิดปกติได้
หนึ่งวันผ่านไป ความรู้สึกผิดปกตินี้ก็เป็นจริง มีชาวเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนหิวโหยอดอยากเสื้อผ้าเก่าขาดมาออกันอยู่รอบเมืองกุยฮว่าเฉิง
ไม่มีสมบัติติดตัวมาด้วย พอเห็นทหารม้าหมิงมา ยังคิดว่าทหารม้าตนได้รับชัยกลับมา มีเพียงส่วนน้อยที่ได้สติจึงขี่ม้าวิ่งหนีออกมาทัน
ทหารหมิงไม่ได้ล่าสังหาร นอกจากพวกที่จับอาวุธไม่รู้จักประมาณกำลังตนขัดขืนเท่านั้น พวกเขาเพียงแค่เผากระโจมและสมบัติทั้งหมด ของที่นำติดตัวกลับไปได้ก็เอาไปหมด
มีคนค้นหาทหารตน กลับหาไม่พบ เห็นเพียงซากศพน่าอนาถบนสนามรบทุกตารางนิ้ว สติสะตังพังทลาย พวกชนเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนมีหนทางเดียวที่ไปได้ก็คือเมืองกุยฮว่าเฉิง
แม้จะเป็นระยะทางเพียงแค่ขี่ม้าสองวันถึง แต่ก็มีคนมากมายที่หนาวหิวตายไป ชนชั้นสูงเผ่าอันต๋าในเมืองกุยฮว่าเฉิงล้วนโมโหกันมาก ทหารหมิงถึงกับกล้าล่าสังหารชาวบ้านอ่อนแอไร้ทางต่อสู้ผู้บริสุทธิ์พวกนี้หรือ ถึงกับกล้าเหิมเกริมเพียงนี้หรือ ในเมื่อทหารหมิงทำการไร้การคำนึงผลดีผลร้ายที่ตามมา เช่นนี้ย่อมทำให้ความแค้นในใจชาวเผ่าอันต๋าปะทุรุนแรงขึ้น
เดิมที่ยังรอดู ไม่สละทหารของตนออกมา ตอนนี้ชนชั้นสูงและหัวหน้าเผ่าใหญ่น้อยต่างก็พากันส่งทหารและเงินทองมาช่วย
แต่ทว่า พวกเขาลืมไป ตอนที่พวกเขายังอยู่ในวันวานที่แสนรุ่งเรืองของเผ่าอันต๋า ข่านเผ่าอันต๋านำกำลังทหารม้านับหมื่นบุกปล้นซานซี ยกกำลังไปถึงเมืองหลวง ทุกครั้ง มีทหารหมิงและราษฎรนับหมื่นนับแสนต้องล้มตาย ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงราษฎรบริสุทธิ์เช่นกัน
จากมุมมองบางอย่าง หากชาวเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนมีประโยชน์ต่อเมืองกุยฮว่าเฉิงในยามใกล้สงครามเช่นนี้ก็คงดี แต่ส่วนใหญ่เป็นผลลบมากกว่า พวกเขาสภาพเช่นนี้ ส่งเสียงร้องไห้หมดหวัง หากปล่อยให้เข้าเมืองมา ก็ยิ่งทำให้คนมากมายเห็นสภาพน่าเอน็จอนาถ ทำให้ใจประชาและความฮึกเหิมกระทบกระเทือนขั้นรุนแรงได้
พอข่านเซิงเก๋อตูกู่เหลิงรู้เรื่องนี้ คำสั่งที่สั่งการไปก็คือไม่อนุญาตให้ชาวเลี้ยงสัตว์เข้าเมืองมา ทหารบาดเจ็บที่ไห่รื่อกู่พากลับมาหลายพันพอรู้เข้าก็ส่งเสียงร้องเอะอะโวยวาย
พวกชาวเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนหลายคนเป็นครอบครัวพวกเขา พวกเขาตรากตรำทำศึก ล้มตายบาดเจ็บกลับมา ก็เพื่อมาปกป้องเมืองกุยฮว่าเฉิง ให้เมืองกุยฮว่าเฉิงมีกำลังหทารเพียงพอ พวกเขามากมายไม่ได้สนใจครอบครัว แต่ตอนนี้ครอบครัวมีสภาพเอน็จอนาถเช่นนี้ ท่านข่านถึงกับไม่ให้พวกเขาเข้าเมือง
เจ้าพวกอ่อนแอเช่นนี้ทำอันใดได้ นอกเมืองคงหากินเองไม่ได้ พวกเราออกรบสู้เป็นสู้ตายมา แต่ครอบครัวเราต้องมารับการปฏิบัติต่อเช่นนี้ ทำไมกัน ถือสิทธิ์อันใดกัน!?
อารมณ์เหล่านี้กระทบไปยังข่านเผ่าอันต๋า ข่านเผ่าอันต๋าเองก็ไม่อาจกล่าวอันใดได้ ในสภาวะที่ไม่อาจทำอันใดได้ ก็ได้แต่ให้ตั้งกระโจมเสบียงนอกเมือง จัดการให้คนพวกนี้ได้มีที่พำนัก
แต่ทว่าเมืองกุยฮว่าเฉิงใช่ว่าเป็นเมืองปิดตาย ใช่ว่าคนในเมืองจะไม่ออกมา สภาพเอน็จอนาถของชาวเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนนอกเมือง หลายคนเห็นอยู่กับตา ข่าวก็ค่อยๆ แพร่ไปทั่วในเมืองกุยฮว่าเฉิง
แม้พวกเขายังคิดว่าทหารม้าเผ่าอันต๋าได้เปรียบทหารม้าหมิง ล้วนคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้ต้องเป็นครั้งที่ทหารหมิงพ่ายแพ้หมดรูปที่สุด แต่พอเห็นสภาพนอกเมืองตอนนี้ พวกเขารู้สึกแปลกใจเหนือความคาดหมาย หรือว่าไม่ได้เป็นดังที่พวกตนคาดการณ์ไว้
มีหลายคนที่ฐานะดีคิดจะออกจากเมืองกุยฮว่าเฉิง แต่ได้ผลสรุปว่าไม่ง่ายนัก จะต้องใช้เวลาหลายวัน ที่จริงแล้วในวันที่สองของการกลับมาของไห่รื่อกู่ เมืองกุยฮว่าเฉิงก็ปิดเมืองแล้ว
เผ่าอันต๋ายังเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเผ่าถู่ม่อเท่อ เพราะพวกเขาอยู่ใกล้แม่น้ำถูม่อชวน แม่น้ำถู่ม่อชวนก็คือแม่น้ำชื่อเล่อชวนในสมัยโบราณ น้ำหญ้าสมบูรณ์ ตั้งแต่ข่านเผ่าอันต๋าครองความเป็นใหญ่ ที่แห่งนี้ก็มีชาวฮั่นแสนกว่าคนมาทำการเพาะปลูก สะสมเสบียงอาหารจำนวนมาก เสบียงเหล่านี้เก็บไว้ที่เมืองกุยฮว่าเฉิง ตอนสร้างเมืองกุยฮว่าเฉิงก็มีช่างชาวซีอวี้และกับชาวฮั่นมาอยู่ด้วย แหล่งสะสมเสบียงและป้องกันที่เข้มแข็งของเมืองกุยฮว่าเฉิงทำให้ทุกคนในเผ่าอันต๋ามั่นใจปลอดภัยมาก
************
เส้นทางที่ห่างจากเมืองกุยฮว่าเฉิงระยะเดินทางสองวัน ขบวนรถศึกค่อยๆ ขึ้นเหนือไปอย่างช้าๆ ตลอดทางเริ่มมีสายสืบนับร้อยมาสอดแนม ยังมีกองทหารพันนายมาคอยก่อกวน
แต่การก่อกวนเช่นนี้ ไม่มีผลอันใด รถตู้ม้ากับรถใหญ่หวังทงปกป้องทหารราบกับคนงานไว้ด้านใน ทัพม้าออกไปรอบนอกลาดตระเวนป้องกัน
ตอนนี้รถใหญ่กองกำลังหู่เวยไม่มีผู้ใดคิดว่าเป็นจุดอ่อนอีกแล้ว มีเพียงหนึ่งเดียวที่อาจเป็นจุดอ่อนก็คือรถใหญ่ที่ปล้นมาได้กับบรรดาสัตว์ที่ต้อนมารอบๆ รถ
ทว่าหากยังมีคนคิดเข้าแย่งชิงสัตว์พวกนี้เพื่อถือโอกาสทำให้ทัพทหารหมิงแตกตื่น แต่พอกำลังพวกเขามาถึง ก็ถูกล้อมโดยทัพม้าทหารหมิงแบ่งกันสังหารเรียบ ทหารม้าพวกนอกด่านเข้าใจแล้วว่า ด้านหลังใช่ว่าเป็นจุดอ่อน ดีไม่ดีอาจเป็นเหยื่อล่อด้วยซ้ำไป
ก็แค่ของที่ปล้นมาได้ เอาได้ก็เอาไป แต่ก็นับว่าเอามาเป็นเหยื่อล่อศัตรูให้มาถูกสังหารทิ้งได้ ไยจะไม่ทำ อย่างไรก็กำไร
หลังไห่รื่อกู่นำกำลังห้าพันพ่ายแพ้กลับมา พวกนอกด่านก็ไม่กล้าส่งทหารห้าพันออกมาสู้รบอีก ทัพแค่ห้าพันไม่อาจยับยั้งทหารหมิงได้ กลับเป็นการส่งเนื้อเข้าปากทหารหมิงแทน ตอนนี้ระยะทางห่างไม่มาก เมืองกุยฮว่าเฉิงกำลังเริ่มระดมกำลังพล แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจป้องกันเมืองไว้ ส่งทหารหมื่นนายออกไปปราบ ความจริงนั้น ทหารม้าที่ส่งไปปราบปรามกองโจรม้าทางตะวันออกตอนนี้กำลังเร่งเดินทางกลับ………
ทหารหมิงเดินทัพช้าลง หากมิได้ทิ้งช่องโหว่ให้โจมตีได้ มองเห็นกำแพงไม้สูงใหญ่บนรถตู้ม้านั่นแล้ว ยังมีปืนไฟอานุภาพร้ายกาจของกองกำลังหู่เวยในตำนานอีก ทำให้ทหารม้าพวกนอกด่านได้แต่ไม่รู้จะทำเช่นไร ไม่กล้าลงมือ ไม่กล้าบุก
คิดให้ดี ทหารหมิงเดินทัพเช่นนี้ รูปขบวนเหมือนเป็นเหยื่อล่อ ทหารม้ารอบนอกหลายพัน ทหารม้าพวกนอกด่านมาบุก ทหารม้าหมิงสามารถขนาบกลับ ใช้ค่ายรถศึกรับศัตรู หากทหารม้าไม่มาก ทหารม้าหมิงก็จะรุมล้อมเข้าไปใกล้ตัวรถแล้วค่อยๆ จับกินเรียบทีละคน
หลายครั้งเป็นเช่นนี้ ทหารม้าพวกนอกด่านก็รู้กัน ไม่กล้าบุกมาก่อกวนอีก ไม่ต้องการเสียสละโดยไม่จำเป็นในยามใกล้สงครามปะทุเช่นนี้ ค่ายรถศึกทหารหมิงไม่ธรรมดาจริงๆ เดินทัพตั้งค่ายล้วนป้องกันแน่นหนา ไม่มีช่องโหว่ให้เจาะได้เลย
พอตั้งค่ายเสร็จตอนบ่าย หวังทงให้หยางจิ้นดูแลการจัดเวรยาม ใกล้สงครามปะทุ ทหารต้องพักผ่อนให้เพียงพอ นำเนื้อวัวและแพะมาทำอาหารให้มากพอ ทุกคนได้บำรุงร่างกายให้พอเพียง
**************
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงบนท้องฟ้ายังคงมีอยู่บ้าง สายสืบรอบนอกยังคงมีประปราย นอกค่ายทหารหมิงมีคนคุกเข่าอยู่ที่พื้นราว 18 คน เห็นการแต่งกายก็รู้ว่าเป็นทหารม้า
“พวกเจ้าออกไปปล้นชิงส่วนตัว คิดว่าออกเดินทัพจับศึก กองทัพก็ไม่มีระเบียบงั้นหรือ?”
หวังทงส่งสายตาเยียบเย็นไปยังหม่าหย่งข้างๆ หม่าหย่งคิดจะพูดกลับเงียบกริบ หวังทงโบกมือลง ตวาดลั่น
“ตัด!”