Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 92

ตอนที่ 92 เจ้าทนได้ ข้าทนไม่ได้

นายกองธงเล็กไม่อาจรับกับคำว่า ‘ใหญ่’ ได้ ถูกตะโกนเรียกเช่นนี้บนถนน ความนัยเยาะเย้ยนั้นเข้าใจแจ่มแจ้ง พอวาจากล่าวออกมา บรรดาคนที่มุงชมความสนุกอยู่นั้นก็มีบางคนอดไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา

เมื่อเสียงตะโกนเมื่อครู่ดังขึ้น ข้างหน้าก็มีเสียงหัวเราะดังตามมา ผู้คนมากมายมามุงดู ซุนต้าไห่ก็รู้สึกเกร็ง แต่พอถูกแซวเช่นนี้ ใบหน้าเขาก็แดงขึ้นทันที

จึงแตะดาบพร้อมกับหันหน้ามาตะโกนอย่างมีน้ำโหว่า

“ใครกัน! ไอ้บัดซบสายตาสั้นตัวไหนพูดกัน!!”

“นายท่านข้าพูดเอง ซุนต้าไห่เจ้าตาบอด กล้าพ่นวาจาสามหาวใส่ข้า!!”

ชายวัยกลางคนสวมชุดบัณฑิตผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคน คนผู้นี้มีท่าทางเหมือนคนธรรมดา ไว้เคราสามจุก ลักษณะเหมือนครูสอนหนังสือ อากาศหนาวอย่างนี้ ในมือยังถือพัดจีบ วางท่าสูงส่ง

ซุนต้าไห่พอได้เห็นคนผู้นี้ ก็อึ้งไปพักหนึ่ง ลังเลก่อนจะคำนับเอ่ยว่า

“นายกองร้อยหยาง เมื่อครู่ไม่ทราบว่าเป็นท่าน ขออภัยขอรับ”

องครักษ์เสื้อแพรสองคนที่ซุนต้าไห่พามาด้วยก็ดูเหมือนรู้จักนายกองร้อยหยางผู้นี้ จึงรีบก้มศีรษะคำนับเช่นกัน วาจาดุดันเมื่อครู่ของซุนต้าไห่ก็กลับนุ่มนวลขึ้นทันที ท่าทางนอบน้อมเช่นนั้นทำให้คนมุงค่อยๆ ผ่อนคลายลง ในบรรดาสาวๆ ที่ยืนอยู่หน้าหอรับวสันต์ก็ไม่รู้ว่าคนไหนที่กลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่ หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

เสียงหัวเราะสตรีผู้นี้ทำลายความตกใจหวาดกลัวที่มีอยู่ให้มลายหายไป แขกที่มาหาความสุขกับบรรดาสาวๆ ก็พลอยส่งเสียงหัวเราะตามด้วย ซุนต้าไห่หน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ที่ของแม่เล้าเจียง เป็นที่ๆ พวกเจ้ามาก่อกวนได้งั้นหรือ ทุกคนตบหน้าตัวเองสิบที แล้วรีบไสหัวไป!!”

ซุนต้าไห่และพรรคพวกเงยหน้าขึ้นมองด้วยความโมโห จ้องมองไปที่นายกองร้อยหยาง นายกองร้อยหยางกำลังเคาะพัดกับฝ่ามือมองพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ด้านหลังของนายกองร้อยหยางผู้นี้ก็มีผู้ติดตามหลายคน ล้วนเขยิบขึ้นมาด้านหน้าพร้อมกัน

ลังเลอยู่พักหนึ่ง ซุนต้าไห่และพวกสามคนก็ก้มลงตบหน้าตัวเอง จากนั้นก้มหน้าก้มตาจากไป ประตูหน้าหอรับวสันต์ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอีก

หญิงวัยกลางคนท่าทางเหมือนจะเป็นแม่เล้าผู้นั้นก็ยิ้มร่าออกมาต้อนรับเอ่ยว่า

“หากไม่ใช่ท่านหยาง พวกพี่ขุนนางพวกนั้นท่าทางดุร้ายมาก ข้าน้อยยังคิดว่าหอรับวสันต์จะถูกรื้อทิ้งแล้วซะอีก!?”

เสียงแหลมสูงของนาง มีเจตนากล่าวลอยไปถึงซุนต้าไห่และพรรคพวกที่เดินไปไม่ไกลนัก นายกองร้อยหยางก็ส่งเสียงหัวเราะหยอกเย้าตาม แขกที่มาหาความสุขกับบรรดาสาวๆ ก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ซุนต้าไห่และพรรคพวกก็ยิ่งเดินเร็วขึ้น

*****

การฝึกที่ลานฝึกทุกวันตอนบ่ายก็ไม่มีอะไรทำให้หวังทงเหน็ดเหนื่อย ตอนกลางคืนยังพอมีกำลังที่จะคุยงานกับบรรดาลูกน้อง

“หอคณิกาและบ่อนการพนันในเขตรับผิดชอบของกองร้อยเรา ทุกแห่งจัดคนของเราที่ไว้ใจได้ไว้สองสามคน ที่ร้านหาเงินได้กำไรเท่าไร พวกเราก็จะให้เงินเดือนเขาเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง”

หวังทงนั่งอยู่กลางห้องโถง หลี่ว์วั่นไฉกับจางซื่อเฉียงรวมทั้งหวังซื่อ หลี่กุ้ยนั่งฟังอยู่สองข้างอย่างตั้งใจ พอกล่าวจบ หลี่ว์วั่นไฉก็หัวเราะรับคำกล่าวว่า

“ทุกร้านส่งเงินมา จากนั้นก็แบ่งอีกส่วนให้อีกต่อ ใต้เท้าวิธีนี้ยอดเยี่ยมมาก!”

“รายได้ทุกเดือนเป็นอย่างไร พวกเราทางนี้ก็ไม่ได้รู้ตัวเลขแน่ชัด พอจัดคนเข้าไปคุม ก็สามารถจับตาดูทุกอย่างอย่างแน่นหนา”

หลี่กุ้ยก็ส่งเสียงผสมโรง หวังทงยิ้มพยักหน้ากล่าวต่อว่า

“หอคณิกา บ่อนพนัน ร้านน้ำชา สถานที่พวกนี้ล้วนเป็นที่รวมของบรรดาผู้คนทุกระดับชั้น การเคลื่อนไหวในเมืองทุกหย่อมหญ้า สถานที่พวกนี้จะรู้ได้เร็วที่สุด จับตาดูสถานที่พวกนี้ไว้ได้ ข่าวสารพวกเราก็จะฉับไว คดีหอรวมคุณธรรมของเหอจินอิ๋น พวกเราเสียเปรียบเพราะข่าวสารไม่ไว บดบังการรับรู้เป็นสาเหตุสำคัญเลยทีเดียว”

เมื่อชี้แจงกันเข้าใจแล้ว สีหน้าประจบประแจงของทุกคนก็หายไปกลายเป็นความยอมรับนับถือจากใจ หวังทงกล่าวต่ออย่างจริงจังว่า

“พี่น้องของเราก็ลำบาก เงินได้กันก็ไม่มาก ไปขูดรีดเอากับพ่อค้าที่ทำการค้าปกติก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยั่งยืนอะไรนัก มีแต่บ่อนพนันและหอคณิกาเหล่านี้ ที่จะหาเงินได้มาก แต่กลับคอยอาศัยพึ่งพิงบารมีจนไม่ยอมให้เงินกระเด็นออกมาสักแดงเดียว การกระทำที่ตัดเส้นทางทำมาหากินของคนอื่น พวกเราไม่อาจทำ และก็จะไม่ทำ แต่การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จัดวางสายสืบเราเอาไว้กลับมีผลดีต่อทุกคน…”

ตอนพูดอยู่นั้นก็ได้ยินหม่าซานเปียวเอะอะตกใจเสียงดังขึ้น

“ต้าไห่ หน้าเจ้าโดนอะไรมา!?”

“อย่าเสียงดัง เข้าไปค่อยพูด เข้าไปก่อน!”

ซุนต้าที่ปกติเสียงดังอยู่ๆ ก็เสียงเบา ประตูถูผลักออก หม่าซานเปียวถือโคมไฟเดินเข้ามา ข้างหลังมีซุนต้าไห่สองแก้มแดงเป็นปื้นเดินตามเข้ามาด้วย

สีหน้าหวังทงดำทมึนขึ้นทันที ทุกคนเห็นแล้วก็เข้าใจ แดงเป็นปื้นอย่างนั้นก็เป็นรอยถูกตบหน้า คนในห้องรู้ว่าคืนนี้ซุนต้าไห่ไปทำอะไร นี่เป็นร้านแรกในแผนการ คิดไม่ถึงว่าจะมีผลเช่นนี้ได้ หลี่ว์วั่นไฉกับลูกน้องสองคนมองตากันแต่กลับไม่พูดอะไร

เจ้าหน้าที่และมือปราบศาลซุ่นเทียนส่วนใหญ่เป็นเจ้าถิ่นรู้งานกัน รู้ว่าเบื้องหลังของหอรับวสันต์เป็นผู้ใด พอเห็นซุนต้าไห่เสียรังวัดมา พวกเขาก็ไม่รู้ว่ากล่าวอะไร และก็ไม่กล้ากล่าวอะไร

“ต้าไห่ ใครลงมือกับเจ้า!”

น้ำเสียงหวังทงราบเรียบ แต่หลายคนในห้องก็ก้มหน้า รู้กันว่าใต้เท้าหวังโมโหแล้ว หวังทงที่ยังเหมือนเด็กไม่โตนั้นบัดนี้มีความน่าเกรงขามพอตัวแล้ว

ซุนต้าไห่ก้มหน้าลงต่ำจนไม่อาจจะต่ำลงได้อีกแล้ว ใบหน้าแดงเป็นปื้นไปทั้งหน้า กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหึ่งๆ ราวกับยุงตัวเล็กๆ ว่า

“ข้าน้อยตบหน้าตัวเอง!”

หวังทงอึ้งไป ตามด้วยเสียงตบโต๊ะดังลั่น ตะโกนอย่างโมโหขึ้นว่า

“เงยหน้าขึ้น นิสัยหาเรื่องไม่ยอมอ่อนข้อตอนมาก่อเรื่องเมื่อปีก่อนหายไปไหนหมด ใครให้เจ้าตบหน้าตัวเอง!!”

คนย่อมไม่ลงมือกับตนเอง ที่หวังทงโมโหไม่ใช่โมโหแทนซุนต้าไห่ แต่เป็นเพราะเห็นลูกน้องตนถูกกระทำจึงได้โมโหมาก ซุนต้าไห่เงยหน้ากล่าวอย่างลำบากใจว่า

“นายกองร้อยหยางจากกองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพรขอรับ เดิมอยู่ถนนหนิวหลัน แม้แต่นายกองพันเราก็ยังเกรงอกเกรงใจ…”

กององครักษ์เสื้อแพรแบ่งออกเป็นสำนักองครักษ์และกองเอกสารสองหน่วยงาน สำนักองครักษ์เป็นหน่วยปฏิบัติการ กองเอกสารรับผิดชอบจัดการงานภายในหน่วยและเอกสารคดี ป้ายตำแหน่งหวังทงทุกครั้งก็ต้องไปทำที่กองเอกสาร

ตำแหน่งที่สูงที่สุดในกองเอกสารสำนักองครักษ์เสื้อแพรนั้นก็มีนายกองร้อยหกนาย นายกองร้อยทั้งหกคนนี้คุมงานสำคัญต่างๆ อย่างเช่น เอกสารลับ การจ่ายเบี้ยหวัดและการสอบบรรจุ องครักษ์เสื้อแพรแต่ละระดับนั้นยิ่งใหญ่เกรียงไกรไปทั่ว แต่ภายในหน่วยงานอยากทำอะไร ก็ต้องผ่านกองเอกสารทุกครั้ง ดังนั้น สถานะที่แท้จริงของนายกองร้อยผู้นี้จึงไม่ด้อยไปกว่านายกองพันข้างนอกมากนัก

ก็เหมือนกับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง พนักงานธรรมดาที่แผนทรัพยากรบุคคลกับแผนกการเงินสำนักงานใหญ่ อำนาจในมือถือเป็นอำนาจสำคัญ หัวหน้าทุกหน่วยกับผู้จัดการบริษัทลูกต่างก็ต้องเกรงอกเกรงใจ

เทียบกันแล้วก็จะเข้าใจได้เอง ซุนต้าไห่ตบปากตัวเองเป็นการให้เกียรตินายกองร้อยหยาง พอได้ยินว่าเป็นนายกองร้อยหยางจากกองเอกสารแล้ว จางซื่อเฉียงที่มีสีหน้าโกรธเคืองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี

ขุนนางประจำหน่วยงานไหนเลยจะสู้ขุนนางมีอำนาจ ใต้เท้าหวังเส้นใหญ่เพียงนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องปะทะกับคนของกองเอกสารด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ซุนต้าไห่ถูกรังแกอัดอั้นนิดหน่อย เกรงว่าคงต้องแบกรับเอาไว้เองแล้ว

หวังทงเงียบลงไปตามคาด ทุกคนกำลังจะเอ่ยปลอบใจซุนต้าไห่ ก็เห็นหวังทงลุกยืนขึ้นพูดกับหม่าซานเปียวเสียงนิ่งเรียบว่า

“ซานเปียวรีบไปที่ลานฝึกบ้านเรา ตามเจ้าพวกนั้นมาให้ข้า แจกไม้พลองให้ทุกคน ไปรวมตัวกันที่ถนนเส้นนอกของหอรับวสันต์!”

หม่าซานเปียวอึ้งไปก่อนจะเข้าใจว่าจะทำอะไร ก็ตอบรับอย่างตื่นเต้น รีบวิ่งออกไป ซุนต้าไห่เงยหน้าขึ้นครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันตอบว่า

“ใต้เท้า ใช่ว่าต้าไห่กลัว แต่พวกกองเอกสารพวกนั้นใจคดอย่างยิ่ง ผู้หนุนเบื้องหลังก็ไม่อาจมีเรื่องด้วยได้ ต้าไห่แค่รองรับอารมณ์นิดหน่อยเท่านั้น”

วาจากล่าวได้อัดอั้นฝืนทน เป็นเพราะซุนต้าไห่ยอมรับทั้งกายและใจว่าตนเองเป็นลูกน้องของหวังทง จึงได้กล่าววาจารู้ความเช่นนี้ออกมา สีหน้าหวังทงยังคงเดิม จ้องมองซุนต้าไห่กล่าวว่า

“คนของข้าถูกทำร้าย เจ้าทนได้ ข้าทนไม่ได้!”

พอซุนต้าไห่ได้ยินก็อึ้งไป จากนั้นหน้าก็ยิ่งแดงขึ้น มองทุกคนวิ่งออกไปจึงได้รู้ตัว องครักษ์เสื้อแพรสองคนที่ตามเข้ามาด้วยนั้นก็หน้าแดงตื่นตระหนกเช่นกัน กระซิบถามว่า

“หัวหน้า เราเอาไงดี!”

ซุนต้าไห่หันไปคำรามเสียงดังว่า

“ทำไง จับอาวุธตามใต้เท้าไปสิ เราตามไปเอาเรื่องกัน!”

บรรดาชายหนุ่มที่หวังทงเลี้ยงเอาไว้ทุกวันกินเนื้อชามใหญ่อาหารอย่างดี การฝึกแบบทหารที่ยากลำบากก็ทำให้อัดอั้นเก็บกดกันนานแล้ว คืนนี้ถูกตามตัวมา ทุกคนได้รับไม้พลองท่อนหนาก็พากันคึกคักเป็นพิเศษ

บรรดาชายหนุ่มรวมตัวกันบนถนนเส้นนอกของหอรับวสันต์ หวังทง จางซื่อเฉียงและซุนต้าไห่กับพรรคพวกสวมชุดองครักษ์เสื้อแพร หลี่ว์วั่นไฉและหวังซื่อกับหลี่กุ้ยก็สวมชุดมือปราบ ก็ยิ่งทำให้บรรดาชายหนุ่มรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

“อีกสักครู่จะพาพวกเจ้าไปที่หน้าประตู กลุ่มแรกห้าคนเข้าประตูหน้า ห้าคนเข้าประตูหลัง กลุ่มสองแบ่งห้าคนเฝ้าด้านข้างไว้ คนที่เหลือตามข้าเข้าไปพัง เข้าใจแล้วใช่ไหม!”

ทุกคนขานรับเสียงดัง หวังทงโบกมือขึ้นพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า

“ขโมยทรัพย์สินให้ตัดมือ รังแกผู้หญิงให้ตัดมือ ไม่ฟังคำสั่งให้ตัดหัว กันทุกคนไปรวมกันที่ลานด้านในหอรับวสันต์ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ฟังเข้าใจแล้วใช่ไหม?”

“รับคำสั่ง!!”

หวังทงพยักหน้ารับอย่างพอใจ หันไปบอกกับพวกหลี่ว์วั่นไฉสามคนว่า

“ทุกท่านเชิญกลับไปก่อน พรุ่งนี้พบกัน!”

หลี่ว์วั่นไฉตอนนี้กลับรู้สึกสนุก หัวเราะร่ากล่าวว่า

“พี่น้องเราขอชมเรื่องสนุกกัน หากมีคนจากศาลซุ่นเทียนมา จะได้ช่วยรับหน้าไว้”

ไม้พลองสั้นในมือหวังทงยกขึ้น องครักษ์เสื้อแพรและบรรดาชายหนุ่มก็กรูกันเข้าไป

นายกองร้อยหยางซื่อฝ่าจากกองเอกสารได้แสดงความน่าเกรงขามอยู่หน้าประตูไป วันนี้จึงได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษจากหอรับวสันต์ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่หอรับวสันต์รับเลี้ยง ขณะนี้นั่งดื่มอยู่กับสาวเบอร์หนึ่งของหอรับวสันต์ คนทั้งรู้จักและไม่รู้จักต่างหัวเราะเข้ามาคารวะสุรา หาทางใกล้ชิด นี่ถือเป็นหน้าตา

พอสุราตกถึงท้องพร้อมสาวน้อยเอวบางในอ้อมกอด วาจาของหยางซื่อฝ่าก็ใหญ่โตขึ้น ยกจอกสุราขึ้นกล่าวว่า

“นายกองธงเล็กจะไปมีอะไร แม้แต่นายกองธงใหญ่หรือนายกองร้อยพวกมันมาก็ต้องคำนับข้า ไม่งั้นจะหาเรื่องหักเบี้ยหวัดพวกมันเลย แล้วจับย้ายไปชายแดนไปอยู่กับพวกนอกด่าน”

ยิ่งพูดก็ยิ่งได้ใจ ดื่มต่ออีกหลายจอก ด้านข้างก็ตอบรับเอาใจกันใหญ่ ทันใดนั้น ด้านนอกก็ส่งเสียงเอะอะดังขึ้น

“กล้าลงมือกับคนของข้า พังให้หมด!!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!