Skip to content

เจ้าของร้านพิศวง 286

286 : พระเจ้าจุติแล้ว

6 เมษายน ฝนตก

ที่ใต้ทางเดินมีโลกแปลกๆ ที่แทบจะเป็นโลกใบใหม่ สิ่งที่เห็นในตอนนี้ทำให้ฉันทั้งประหม่าและตื่นเต้น… ขอโทษที ตอนนี้ฉันอดหัวเราะไม่ได้ ทำให้สาวคุณหนูแถวๆ นั้นตกใจเสียได้

ฉันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับฉัน แต่เมื่อเผชิญกับอารยธรรมที่ไม่รู้จัก ในฐานะนักวิชาการ มันเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกกระดี๊กระด๊าในใจ ใช่ไหมล่ะ?

คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน ฉันมองเห็นประกายในดวงตาของศาสตราจารย์หลิน แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาความเยือกเย็นและคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของผู้นำเอาไว้ แต่การแสดงออกของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ควบคุมไม่ได้

อย่างไรเสีย ปฏิบัติการทางโบราณคดีนี้ก็เริ่มมาจากศาสตราจารย์หลิน สำหรับเขามันคงเหมือนกับว่า หลังจากการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดพลั่วของเขาก็ขุดพบสมบัติ

ในทางตรงกันข้าม ศาสตราจารย์จางดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อย

7 เมษายน ฝนตก

ฉันเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยร่องรอยขีดเขียนจนเกือบเต็มเล่ม นี่หมายความว่าตัวอย่างที่ฉันสามารถค้นคว้าได้เพิ่มขึ้นมาหลายร้อยหลายพันเท่า มันเป็นเรื่องที่ทั้งน่ายินดีและน่ากังวล!

แค่ได้ดูหน้าหนังสืออัศจรรย์เหล่านั้นซึ่งเต็มไปด้วยตัวหนังสือ ฉันก็รู้สึกว่าสมองของฉันเต็มไปด้วยการตอบสนองทางจิตวิญญาณไปหมดแล้ว และถึงแม้ฉันจะไม่เข้าใจความหมายของพวกเขาในตอนนี้เลย แต่ฉันก็ดูเหมือนจะสามารถเข้าใจสิ่งที่พวกเขาอยากจะสื่อจากความสัมพันธ์แปลกๆ บางอย่างได้

ฉันรอจะถอดรหัสลับจากต่างโลกพวกนี้ไม่ไหวแล้ว

15 เมษายน ฝนตก

งานขุดไม่คล่องตัวนัก และฝนที่ตกหนักมาเกือบครึ่งเดือนก็ทำเอาพวกเราทุกคนรู้สึกหดหู่มาก

ฉันกลัวนิดหน่อย ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้… ทีมวิจัยยี่สิบเก้าคนไม่ตายก็บาดเจ็บกันไปมากกว่าครึ่งแล้ว ทุกอย่างที่นี่แปลกมาก มีอันตรายอยู่ทุกย่างก้าว ฉันสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างหรือบางคนอยู่กับพวกเราตลอดเวลา มันอยู่ในความมืดและกำลังจ้องมองมาที่เรา

บางทีเขา มัน… เรียกว่ามันคงเหมาะสมกว่า

ในสภาพแวดล้อมที่เกือบมืดสนิท ทุกครั้งที่ฉันจุดไฟก่อฟืนแล้วเปลวเพลิงสั่นไหว ฉันก็จะเหมือนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของมันที่รดอยู่ข้างแก้มฉัน

ศาสตราจารย์หลินให้กำลังใจเรา ตราบเท่าที่เราสามารถนำสิ่งที่เราพบกลับมาที่นี่ได้ ทุกคนที่นี่จะกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับโคลัมบัส… ไม่สิ เราจะยิ่งใหญ่กว่าโคลัมบัสอีก

…แน่นอน เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเรากลับไปจากที่นี่ได้แล้วน่ะนะ แต่ทางที่เรามาก็ถูกหินถล่มทับไปเมื่อวาน และในขณะนั้น สมาชิกหญิงในทีมคนหนึ่งก็เป็นบ้าไป… ฉันไม่ได้เรียนทางแพทย์มา เลยบอกไม่ได้ชัดเจนว่าเธอบ้าไปแล้วจริงๆ หรือเปล่า ฉันจำได้แค่ว่าเธอเอาแต่พึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจู่ๆ เธอก็ถลาเข้าไปเอาหัวกระแทกก้อนหินที่ขวางทางอยู่อย่างสุดแรง และทำเช่นเดิมซ้ำๆ!

ฉันเห็นมันกับตา แขนของเธอหักจนกระดูกแลบออกมา เลือดโชกไปหมด หัวของเธอครึ่งหนึ่งเน่าเปื่อยไปโดยสมบูรณ์ เครื่องในของเธอกลวงโบ๋ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังใช้ร่างกายของเธอพุ่งปะทะหินอยู่เหมือนเดิม เลือดของเธอปะปนกับโคลน… จนกระทั่งเธอตายสนิท

แล้วฉันก็เห็นเฒ่าอู๋ไปอยู่ข้างๆ สมาชิกทีมหญิงคนนั้น พอฉันคล้อยหลังแล้วหันกลับมามอง ฉันก็เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น อ้าปากมาทางฉัน และข้างในปากของเขาก็มีเพียงความมืดอันว่างเปล่า

แต่โชคดีที่เขาไม่ได้พูดถ้อยคำแดกดันที่น่าโมโหนั่นออกมาอีก

20 เมษายน ฝนตก

จู่ๆ ฉันก็มีแนวคิดใหม่ เป็นแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย!

ปัญหาทั้งหมดที่หลอกหลอนฉันมาตลอดได้รับการแก้ไขแล้ว และฉันก็เข้าใจความหมายของคำทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ราวกับฉันกลายเป็นพวกเดียวกับพวกเขา แล้วพวกเขาก็กำลังพูดกับฉัน… ฉันขลุกอยู่แต่ในเต็นท์ทั้งคืน ฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะได้ยินเสียงสั่นกระเพื่อมเล็กน้อยของสมอง

แต่เมื่อฉันเอาโน้ตวิจัยให้เพื่อนร่วมงานดู เพื่อนนักศึกษาของฉันก็ไม่มีใครเข้าใจมันเลย แล้วพวกเขาก็หัวเราะเยาะฉันว่าโน้ตพวกนี้ของฉันคือการขีดเขียนเล่น… ขีดเขียนเล่นเหรอ?

เนื้อหาที่เขียนนั้นไม่เป็นระเบียบและเต็มไปด้วยหมึกเลอะเทอะ แต่ก็ยังเห็นได้ว่ามันดูเหมือนเป็นคำสาปต่างๆ

…บางทีก็ไม่ควรโทษพวกเขา เพราะนับแต่ตอนที่ฉันเข้าใจข้อความพวกนี้ ฉันก็ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับพวกเขาแล้ว

23 เมษายน ฝนตก

สมุดบันทึกถูกน้ำฝนทำให้เปียกชื้น คาดว่าข้อความคงเลือนไปสามหน้าได้ แย่จริงๆ ฉันควรพบมันเร็วกว่านี้

ฉันไม่มีกระดาษเหลือที่จะเขียนใหม่ แต่เดิมฉันก็คิดว่าฉันจำเนื้อหาในบันทึกประจำวันของฉันได้ขึ้นใจนะ แต่ไม่คาดฝันเลยว่ากระทั่งเมื่อเช้ากินอะไรไปบ้าง ฉันยังจำไม่ได้เลย

ชีวิตใต้ดินที่ยาวนานและตึงเครียดส่งผลกระทบต่อการรับรู้เวลาของฉัน และความทรงจำของฉันก็พร่ามัวลง ศาสตราจารย์จางบอกให้ฉันหยุดคิดเรื่องนี้และพักผ่อนให้สบาย

เธอยังเด็กมาก ตามข่าวซุบซิบที่ฉันได้ยินมา เธอน่าจะเป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์หลินมาก่อน เรื่องราวความรักระหว่างคนทั้งสองมีให้เขียนยาวเหยียด แต่ตอนนี้ฉันพูดได้แค่ในใจเท่านั้น

แต่สิ่งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับความสามารถของเธอ ศาสตราจารย์จางก็ยังเป็นนักจิตวิทยาที่ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม และคำพูดของเธอทำให้ฉันเต็มใจจะเชื่อเธอเสมอ

——

30 เมษายน ฝนตก

ฝนตกไม่หยุดซะที นี่เป็นปัญหามากจริงๆ

ทีมของเราเหลือกันแค่ห้าคน มีฉัน ศาสตราจารย์หลิน ศาสตราจารย์จาง นักศึกษาเอกภาษาศาสตร์เหมือนกับฉันแต่ไม่ค่อยสนิทกัน เส้าอีเหวิน แล้วก็ศิษย์คนหนึ่งของศาสตราจารย์หลินซึ่งเป็นเด็กหนุ่มชื่อที่ต้วนเสวหมิ่น

แขนซ้ายของอีเหวินและร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอถูกสิ่งเหล่านั้นกัด เธอเลือดออกมาก ฉันเห็นอวัยวะภายในของเธอไหลออกจากรูที่ท้อง แล้วลำไส้ของเธอก็ลงมากองกับพื้น แต่เราไม่เหลือผ้าพันแผลและยาแล้ว ดังนั้นเราจึงสามารถพันร่างเธอด้วยเสื้อผ้าเท่านั้น

ไข้สูงอย่างต่อเนื่องทำให้เธอพร่ำเพ้อ ถ้ายังไม่หมดสติ เธอก็ดูจะเอาแต่พูดไร้สาระ แต่นานๆ ครั้งฉันก็ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเหมือนกัน

ฉันเฝ้าไข้เธอในตอนกลางคืน และเธอก็คุยกับฉันเรื่อยๆ ถึงเรื่องที่เธอเข้าพิธีศีลจุ่มมา บอกฉันว่าเธอเคยไปเล่นในโบสถ์ บอกว่าเธอรู้สึกอบอุ่นใจแค่ไหน แล้วก็บอกว่าเธอทำคัมภีร์ไบเบิลที่เธอพกติดตัวมาด้วยหายไป แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้… เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่าเธอเป็นคริสเตียน

ก่อนฟ้าสาง จู่ๆ เธอก็ลืมตาขึ้นมาพูดว่า ‘พระเจ้าจุติแล้ว’

10 พฤษภาคม ท้องฟ้าแจ่มใส

เหลือฉันแค่คนเดียวแล้ว

พูดแบบนั้นก็ไม่ดีเท่าไหร่ ว่ากันตามตรงคือฉันกับพวกเขาคลาดกัน และตอนนี้ฉันก็ขดตัวอยู่ในซอกเล็กๆ ฉันเหนื่อย กระหายน้ำ และในลำคอก็มีกลิ่นคาว ฉันรู้สึกไม่สบายตัวมาก ตาของฉันมืดบอดไปแล้ว และมีข้างหนึ่งที่เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆ

แต่โชคดีที่เราอดกลั้นมานานพอ ฉันได้พบกับการค้นพบครั้งใหม่อยู่บ้าง ต่อไปนี้คือข้อมูลที่ฉันรวบรวมมาทั้งหมด… ส่วนหนึ่งมาจากเส้าอีเหวิน สิ่งเหล่านี้ก็ควรค่าแก่การค้นคว้าเช่นกัน เธอทำได้ดีมากจริงๆ

สติของฉันพร่ามัวเล็กน้อย ฉันรู้สึกว่าพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน มันถล่มลงมา ฉันกำลังลื่นไถลและเหมือนได้ยินเสียงร้องของทารก

แล้วฉันก็เห็นเฒ่าอู๋

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!