Skip to content

เจ้าของร้านพิศวง 290

290 : นกพิราบที่เป็นไปไม่ได้

หลินเจี๋ยมองนกพิราบที่เพิ่งบินจากไปแล้วลูบคาง…มองจากด้านหลังแล้ว พิราบตัวนี้ก็ดูอ้วนดีนะ?

มิน่าล่ะเจ้าขาวที่มูเอนให้อาหารเม็ดกินมาทุกวันๆ ถึงได้มีท่าทางกระสับกระส่าย ดูเหมือนว่าอาหารเม็ดจะหอมหวานสู้อาหารป่าดั้งเดิมไม่ได้ เจ้าขาวเลยน้ำลายหก

ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนแมวจะยังชอบไล่จับนกโดยสัญชาตญาณ เพราะถึงอย่างไรไม้หยอกแมวก็ใช้หลักการนี้ด้วยเช่นกัน…เรื่องนี้สมเหตุสมผล

สายตาของหลินเจี๋ยทอดลงที่ไม้หยอกแมวที่เขาเพิ่งวางไว้

บาปกรรมแท้!

ดูเหมือนว่าไม้หยอกแมวที่เขาประดิษฐ์ขึ้นอย่างพิถีพิถันจะไปปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าของเจ้าขาวเข้าเสียแล้ว

เขาลูบขนเจ้าขาวแล้วถอนหายใจ จากนั้นก็เกลี้ยกล่อมสัตว์เลี้ยงของเขาอย่างสุดความสามารถ “เจ้าขาวเอ๋ย ดีร้ายยังไงมันก็มีชีวิตนะ ที่บ้านไม่มีอาหารแมวเหรอ? นายไม่อิ่มเหรอ? แต่ขนนายมันออกสีขาวนะ ไม่ใช่แมวส้มซะหน่อย…”

“แง้ว…!!”

เจ้าขาวหันกลับมาแล้ววางกรงเล็บที่เต็มไปด้วยขนฟูๆ ทั้งสองข้างลงบนแขนของหลินเจี๋ยอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญแล้วร้องงอแงเบาๆ เหมือนเด็กเอาแต่ใจ

ดวงตาสีเหลืองใสกระจ่างที่แฝงความขุ่นเคืองเล็กน้อยนั้น แสดงออกถึงความคับข้องใจและความคาดหวังอย่างกระวนกระวายเล็กๆ

เป็นการการสื่อถึงความเฉลียวฉลาดและความน่ารักของเจ้าเหมียวอย่างสมบูรณ์แบบ

เจ้าขาวเหมือนจะพูดว่า ‘ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะฉันไล่ตามไม้หยอกแมวเมื่อตะกี้อย่างขันแข็ง ฉันเลยหิวขึ้นมา ให้ฉันกินเจ้าตัวน่าอร่อยที่หนีไปตะกี้เถอะนะ ตามไปแป๊บเดียวก็เจอแล้ว’

ในฐานะคนรักแมว หัวใจของหลินเจี๋ยละลายยวบ

เด็กคนนี้อยากกินนกพิราบ ทำไมเขาจะให้ไม่ได้ล่ะ?

“อ่า ก็ได้…” คำพูดของเขาหยุดลงที่ริมฝีปาก เขาถอนหายใจ บีบแผ่นเนื้อที่อุ้งเท้าเจ้าขาวแล้วพูดว่า “ออกไปเล่นตัวเดียวไม่ได้นะ เดี๋ยวบอกมูเอนให้ไปดูด้วยดีกว่า จำไว้ล่ะว่าอย่าไล่ตามไปไกลนักนะ”

หลินเจี๋ยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น “แม่ผู้ขี้ห่วง” ที่เป็นกังวลต่อลูกที่จะเดินทางไกลนับพันลี้ ไม่ว่าเจ้าขาวจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ควรให้มูเอนรู้ก่อน แล้วให้เธอดูแลเจ้าขาวก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงออกโดยปกติของเจ้าขาวนั้นราวกับว่ารู้ใจ เหมือนมันสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกต่างๆ รวมไปถึงความกังวลของเจ้านายมันได้

“แง้ว!”

ดวงตาของเจ้าขาวเป็นประกาย มันค่อยๆ แลบลิ้นออกมาเลียหลังมือของหลินเจี๋ย ซึ่งนั่นน่าจะหมายถึงมันเห็นด้วย

มันกระโดดลงจากเคาน์เตอร์อย่างมีความสุข กระโดดขึ้นไปเปิดประตู แล้ววิ่งออกจากร้านหนังสือไป ‘ไล่’ นกพิราบที่บินหนีไปตัวนั้น

ธีโอดอร์ผงะไปครู่หนึ่งแล้วรำพึงในใจ สมกับที่เป็นตัวตนที่ทำให้แม้แต่คุณหนูใหญ่ของบริษัทโรลล์ยังลดตัวมาเยือนด้วยตนเองได้ กระทั่งแมวเลี้ยงยังไม่ธรรมดา รู้ใจจริงๆ…

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ทันใดนั้น ภาพของนกพิราบที่โบยบินอยู่นอกหน้าต่างก็แวบเข้ามาในหัวของเขา

แต่เดิมแล้วเขาไม่สนใจ แต่ตอนนี้ เพราะเจ้าเหมียวตัวนี้ การปรากฏตัวของนกพิราบจึงชัดเจนขึ้นในใจของเขา ทำให้สีหน้าของเขาพลันมีความเคลือบแคลงใจเจือขึ้นมา

เพราะจากภาพที่แล่นผ่าน เขาเห็นว่าพิราบตัวนั้นมีแววตาที่เปี่ยมอารมณ์ จนกระทั่งดูเหมือนมนุษย์ขึ้นมาเล็กน้อย…

แล้วหลินเจี๋ยก็หันมายิ้มให้ธีโอดอร์ “มาคุยกันต่อเถอะครับ ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ พอดีสัตว์เลี้ยงของผมค่อนข้างซน”

เขาชะงักไป แล้วถามขึ้นว่า “จริงสิ คุณธีโอดอร์เพิ่งย้ายมาไม่นานใช่ไหมครับ? คุณได้เห็นฟาร์มนกพิราบแถวนี้ระหว่างเดินทางมา หรือจุดให้อาหารนกพิราบบ้างไหมครับ? พิราบป่าที่สวยและอ้วนได้ขนาดนั้นหายากมากเลยนะ”

หลินเจี๋ยก็สงสัยว่านี่คือนกพิราบเนื้อหรือนกพิราบเลี้ยงจากบ้านใกล้ๆ หรือเปล่า หากเกิดปัญหาขึ้นมา การแก้ไขจะไม่ง่ายเลยสักนิด

ธีโอดอร์ตะลึงไปเมื่อได้ยินคำถาม แล้วเขาก็ตอบอย่างงุนงง “ไม่…”

เดี๋ยวก่อน…จริงสิ!

ก่อนที่เขาจะมา เขาได้สำรวจพื้นที่โดยรอบตามนิสัยแล้ว ไม่มีฟาร์มนกพิราบใดๆ อยู่ใกล้ถนนสายนี้เลย และความหนาแน่นของอาคารก็จัดอยู่ในเกณฑ์แออัด ไม่รองรับจุดให้อาหารนกพิราบ และที่นี่ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุแก๊สระเบิดครั้งใหญ่ก็ไม่ได้มีต้นไม้มากนักอยู่แล้ว

ดังนั้น การจะมีนกพิราบเลี้ยงอยู่ในบริเวณนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลย!

พิราบนั่น…ไม่ปกติ!

ธีโอดอร์มองรอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเจี๋ยแล้วพลันเข้าใจ เจ้าของร้านหนังสือกำลังเตือนสติเขาอยู่

นกพิราบที่เป็นไปไม่ได้ตัวนี้มาจากไหนกัน?

ธีโอดอร์ยังจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเมื่อสองสามวันก่อน และสิ่งที่ตราตรึงใจเขามากที่สุดคือเหตุการณ์ที่จู่ๆ คนๆ หนึ่งก็กลายเป็นนกอินทรีที่มุมถนน…ในเมื่อเขาแปลงร่างเป็นนกอินทรีได้ แน่นอนว่าเขาก็คงแปลงร่างเป็นนกพิราบก็ได้เช่นกัน

ไม่ผิดแน่!

ดวงตาสีแดงเลือดนั่น! ไม่ใช่ดวงตาของนกพิราบผู้อ่อนโยนเลย!

ใช่แล้ว ดวงตาเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ในร่างนกพิราบเท่านั้น แต่ก่อนหน้านั้น มนุษย์ที่กลายเป็นนกอินทรีตรงหัวมุมถนนก็มีดวงตาแบบนั้นด้วย…

นกพิราบนั่นคือพวกเขา! พวกเขามาแล้ว!

หัวใจของธีโอดอร์ก็เริ่มตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว พวกเขามาหาฉัน จะเอาชีวิตของฉันและสมุดบันทึกเล่มนั้น หรือจะบอกว่าฉันหนีพวกเขาไม่ได้…แล้วปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลลึกลับที่น่าหวาดกลัวพวกนั้นปรากฏตัวตรงหน้าเขาอีกครั้งอย่างไร้สิ่งกีดขวาง…

เดี๋ยวสิ ไม่มีสิ่งกีดขวางเหรอ? ไม่หรอก มีสิ เจ้าแมวนั่น!

ธีโอดอร์รู้สึกราวถูกฟ้าผ่ากลางใจ จู่ๆ เรื่องเมื่อครู่ก็เชื่อมต่อกัน ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านราวกับเพิ่งรู้แจ้ง

นกพิราบตัวนั้นบินมา แต่มันก็บินหนีไปอย่างตระหนก มีเพียงเหตุผลเดียวที่มันจะทำแบบนี้ นั่นคือ มันพบสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าแล้วก็เกิดกลัวขึ้นมา

อย่างนี้นี่เอง…ถึงว่าสิทำไมแมวที่คุณหลินเลี้ยงไว้ถึงดูฉลาด เกรงว่ามันอาจจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ หรืออาจจะเป็นมนุษย์เหมือนนกอินทรีกับนกพิราบก็ได้

มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่น่าจะเป็นลูกน้องที่ทำข้อตกลงกันไว้ก็ได้ล่ะมั้ง?

ธีโอดอร์รู้สึกว่าเขาได้แอบมองเข้าไปเห็น ‘โลกภายใน’ ที่ลึกลับและอันตรายเข้าเสียแล้ว

หลินเจี๋ยพูดอย่างโล่งใจมาก “ไม่มีเหรอครับ? แสดงว่ามันก็ไม่น่าใช่นกในละแวกนี้แล้วล่ะ งั้นก็สบายใจได้…”

ถ้าพิราบนี้มาจากที่อื่น ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเป็นนกเลี้ยงหรือเปล่า

ผมไม่รู้ แมวผมไม่รู้ กินมันไปก็นับเป็นอุบัติเหตุ เรียกร้องอะไรกับผมไม่ได้นะครับ

เจ้าของร้านหลินกระแอมสองครั้งเพื่อพยายามจะกลบความคิดใจดำของเขา จากนั้นก็มองเพื่อนร่วมอาชีพที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วยิ้ม “ในเมื่อไม่มีจุดเลี้ยงพิราบ งั้นพิราบตัวนี้ก็คงเป็นพิราบป่า กินไปก็ไม่กระทบใครใช่ไหมครับ? คุณธีโอดอร์ก็เห็นด้วยไหมครับ?”

การรับมือผู้เห็นเหตุการณ์เพียงคนเดียวนั้นไม่เป็นปัญหาอะไรอย่างแน่นอน

ธีโอดอร์แสดงแววตารู้เท่าทัน เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “แน่นอน ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ”

อารมณ์ที่ตื่นกลัวของเขาเสถียรขึ้น พร้อมๆ กับถอนหายใจและคิดกับตนเอง

คุณหลินคนนี้เด็ดเดี่ยวจริงๆ พอเขาบอกว่าจะจัดการคนพวกนั้น เขาก็ลงมือทันที ไม่มัวพูดพร่ำ แต่จากการหนีเปิดเปิงหลังจากปรากฏตัวของคนพวกนี้ ก็ดูเหมือนว่าคุณหลินจะต้องมีอำนาจและสถานะพิเศษใน ‘โลกภายใน’ นั้นด้วย

พ่อพูดถูกจริงๆ…เราต้องเชื่อในสังหรณ์ของตัวเอง

วาลลิสตีปีกเพื่อหนีออกมาจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด ด้วยเวทมนตร์เร่งความเร็วที่เขาศึกษามาทั้งชีวิต เขาจึงสามารถหนีไปไกลหลายร้อยหลังคาเรือนได้ในพริบตา

แต่ยิ่งเขาหนีไปไกล วิกฤตที่หัวใจของเขาสัมผัสได้ก็กลับรุนแรงขึ้นเสียแทน

“วาลลิส นายทำอะไรอยู่? ลูอิสล่ะ?”

เงาหนึ่งพลันปรากฏขึ้นข้างๆ เขา แล้วมือสังหารเงาอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้น

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!