Skip to content

เจ้าของร้านพิศวง 406

406 : ยินดีต้อนรับกลับ

ฮัมฟรีย์เข้าร่วมกับสำนักงานกลางตอนที่เขาอายุได้ยี่สิบเอ็ดปี

มันเป็นอาชีพที่ทุกคนชื่นชม

สำนักงานกลางที่ว่าคือราชาไร้มงกุฎแห่งนอร์ซินทั้งเมือง หรือก็คือแต่เดิมแล้ว พวกเขาถือครองพลังแห่งราชา พวกเขาแค่ซ่อนมงกุฎเอาไว้ และบริหารจัดการนอร์ซินแบบแทบรวบอำนาจเสร็จสรรพ

พวกเขาอนุญาตให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจัดตั้งองค์กรอื่นๆ ขึ้นมา เช่นหอพิธีกรรมต้องห้ามหรือสมาคมแห่งสัจธรรม แต่พวกเขาจะต้องเชื่อฟังสำนักงานกลาง

มันยังอนุญาตให้มีการจัดตั้งองค์กรประชาชนทั่วไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ แต่ใครบ้างจะไม่รู้ว่าผู้ก่อตั้งบริษัทโรลล์รุ่นแรกมาจากกองทัพในอดีตของอาณาจักร เป็นลิ่วล้อของพวกขุนนางเหล่านั้น

ดังนั้น…การทำงานให้สำนักงานกลางก็คือ ‘ข้าราชการแห่งนอร์ซิน’ โดยแท้จริง

ชาวนอร์ซินทุกคนถูกสำนักงานกลางควบคุมนับตั้งแต่เกิด ซึ่งน่าจะถูกจารึกเข้ากระดูกไปแล้ว

การบริหารจัดการของเขาไม่โหดร้าย ไม่เคยมีใครคัดค้าน เพราะพวกเขามีความสามารถเหนือธรรมชาติและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ปกป้องควบคุมการดำเนินชีวิตต่างๆ ทั่วนอร์ซิน

ฮัมฟรีย์เกิดมาเป็นคนธรรมดา ครอบครัวไม่มีชื่อเสียง แต่เขายังแข็งแกร่งกว่าปุถุชนทั่วไปมาก ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็แทบไม่มีความสามารถเหนือธรรมชาติเลย คนอย่างเขานับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์สังคมระดับล่างสุดในสำนักงานกลาง

แต่ฮัมฟรีย์โชคดีมากๆ เขาได้กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพราะได้พบกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเข้าในวันหนึ่ง นี่คือสายเลือดตระกูลเขา แต่ไม่ปรากฏมาเป็นเวลานาน

เขาย่อมยอมรับการฝึกของสำนักงานกลาง ค้นพบความสามารถสอดแนมและต่อต้านการสอดแนมเข้าโดยบังเอิญ และกลายมาเป็นนักเวทมนตร์ขาว

ดังนั้น เขาจึงกลายเป็นผู้ตรวจการ

เขาเดินไปทั่วนอร์ซินได้โดยไม่มีใครรู้จัก งานหลักของเขาคือตรวจสอบพฤติกรรมใดๆ ที่อาจจะเป็นภัยต่อความสงบสุขของนอร์ซินและรัฐบาลกลางภายใต้ฐานะที่แตกต่างกัน

งานประมูลครั้งนี้ของจี้จือซู่ดูเหมือนจะเป็นการกระทำซึ่งซ่อนอันตรายมหาศาลเอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อมีร้านหนังสือเข้ามาพัวพัน

ในฐานะสมาชิกองค์กรลับของเขตกลาง ฮัมฟรีย์ย่อมรู้ถึงการมีอยู่ของร้านหนังสือ แต่เขตกลางมีทัศนคติพินอบพิเทาต่อร้านหนังสืออยู่เสมอ เห็นได้ชัดว่าคนๆ นี้พลิกการปกครองของนอร์ซินกลับด้าน ไม่ใช่แค่การกดหัวสำนักงานกลางง่ายพอๆ กับการถล่มพื้น แต่มันเหมือนการจุดไฟเผาหัวชาวสำนักงานกลางจนผมไหม้โล้นเตียน

ฮัมฟรีย์งุนงงกับเรื่องนี้เสมอมา ทำไมเขตกลางถึงยอมลงง่ายๆ ขนาดนั้น?

แต่วันนี้เขาได้ประจักษ์แล้ว

เจ้าของร้านหลินเยี่ยมยอดแน่นอน เขาเป็นตัวตนเกินจินตนาการ!

เหมือนที่จี้ป๋อหนงว่า ทุกคนในครั้งนี้ได้รับความโปรดปรานจากเจ้าของร้านหลิน หลังจากการประมูล คนที่ได้รับหนังสือของเจ้าของร้านหลินไม่อาจถูกคนอื่นอิจฉาไปมากกว่านี้ได้

ความรู้สึกของการก้าวสู่จุดสูงสุดแห่งชีวิต เดินไปถึงข้างพระวรกายแห่งพระเจ้า ร่างกายราวกับถูกแสงศักดิ์สิทธิ์อาบไล้

ฮัมฟรีย์ไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกวางลงบนโต๊ะประมูล จู่ๆ ความเชื่อบางอย่างก็ปะทุขึ้นมานิดๆ

ว่า ‘เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ของเรา ก็คือการได้หนังสือเล่มนี้มา’

ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นอย่างดันทุรัง และกล่าวประโยคอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต “ผมต้องการหนังสือเล่มนั้น”

งานประมูลจบลง ฮัมฟรีย์ได้รับหนังสือมาไว้ในมือ ปกหนังสืออันสงบเงียบมากๆ เขียนไว้ว่า…

‘นิมิตโกลาหล’

นี่คือหนังสือที่เจ้าของร้านหลินเขียนขึ้นเอง บางทีมันอาจจะเป็นการเล่าถึงนิมิตที่เขาเคยเดินทางผ่าน…

หนังสือถูกถือในอ้อมแขน ในฐานะผู้ตรวจการ น้อยครั้งที่เขาจะเดินบนถนนอย่างเปิดเผยขนาดนี้ อันที่จริง เขาได้รับงานให้ตรวจสอบการประมูลนี้ และได้หนังสือของเจ้าของร้านหลินมาอย่างน้อยหนึ่งเล่ม

แต่เจ้าของหนังสือแต่ละเล่มถูกเจ้าของร้านหลินกำหนดตัวไว้นานแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้มันมา

ทว่าเขาก็ยังได้มันมา…

ในขณะเดียวกัน จุดประสงค์ของเขาก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เขาไม่ทำงานให้เขตกลางอีกต่อไป เขาแค่อยากจะเดินให้มากกว่านี้ เพราะเขาคือผู้ส่งสาส์น ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำทำนายแห่งโลกพร้อมๆ กับหนังสือของเจ้าของร้านหลิน

บางทีอาจได้เวลาที่เขาจะไปสลัม ที่อยู่ของเหล่าผู้ยากไร้ ไปยังโรงงานอันหนาวเหน็บเย็นชาของเมืองหลวง ไปยังเขตล่างอันไร้ก้นบึ้งเพื่อประกาศคำทำนายของเจ้าของร้านหลินอย่างต่อเนื่องเสียแล้ว…

“นาย อะไรอยู่ในมือนายน่ะ?! นายเป็นใคร?”

จู่ๆ ใครคนหนึ่งก็ตะโกนจากข้างหลังฮัมฟรีย์ด้วยสำเนียงไม่คุ้นเคย

ฮัมฟรีย์ชะงัก ก่อนจะหันกลับมา และพบชายร่างกำยำคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีดำ

ฮู้ดดำของชายชุดคลุมดำปกปิดใบหน้าของเขาไว้ทั้งหมด กระทั่งรองเท้าบูทที่เท้ายังเป็นสีดำสนิท ชุดสีรัตติกาลของเขาดูเหมือนสามารถดูดซับแสงรอบข้างได้ ใบหน้าของเขาไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนแม้จะเงยหน้า ดูราวกับชุดคลุมเดินได้

ฮัมฟรีย์ขมวดคิ้วครุ่นคิด ยืนยันกับตัวเองว่าเขาไม่เคยเห็นคนตรงหน้านี้มาก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโหดร้ายแค่ไหน เขาก็สามารถจัดการได้…

ดังนั้น เขาจึงพูดอย่างมีเมตตา “สวัสดี ผมก็เหมือนคุณ เราทั้งสองถูกเจ้าของร้านหลินสร้างขึ้นบนโลกนี้ ผมชื่อฮัมฟรีย์ โปรดยินยอมให้ผมเผยแพร่บิดาแห่งสวรรค์และผู้สร้างแห่งเรา คุณหลินให้คุณเถอะนะ…”

“ฉันดมเจอกลิ่นที่ทรงอำนาจและคุ้นเคยสุดๆ จากตัวนายได้” ชายชุดคลุมดำขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที กล่าวว่า “คุณหลินนี่…คือใคร?”

“เขาคือผู้สร้างโลกนี้ และผู้กอบกู้ของเรา” จากนั้น ฮัมฟรีย์ก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากอ้อมแขน เปิดมันอย่างนุ่มนวล

ทันทีที่ชายชุดคลุมดำเห็นหนังสือเล่มนั้น ดวงตาแข็งกร้าวใต้ฮู้ดดูเหมือนจะจ้องค้าง แสงสีทองเข้มราวสัตว์ร้ายเรืองออกมา เขาเห็นข้อความที่เขียนบนหนังสือได้อย่างชัดเจน

…นิมิตโกลาหล

“…” หนังสือปกดำเล่มนี้เหมือนดั่งหลุมดำลึกล้ำ จับจ้องตรงมาที่ชายชุดคลุมดำ

“โกลาหลหลับไหลในโกลาหล ไร้ความต่างระหว่างคุณและผม…” ฮัมฟรีย์เปิดหนังสือ เริ่มอ่านเนื้อหา

บ้าไปแล้ว! เขาอ่านหนังสือเล่มนั้น!…

ชายชุดคลุมดำตกใจ แต่จากนั้นเขาก็ดูเหมือนเข้าใจ ไม่สิ เขาบ้าไปแล้ว!

ถ้อยคำที่ท่องออกมาไม่ได้ไหลสู่หูของฮัมฟรีย์ผู้บ้าคลั่ง แต่กลายเป็นบางอย่างคล้ายคลื่นไฟฟ้าไหลสู่สมองของชายชุดคลุมดำ ช็อตร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง…

ฮัมฟรีย์เงยหน้าขึ้น เห็นชายชุดคลุมดำเริ่มตัวสั่น ส่งเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างที่แต่เดิมกำยำค่อยๆ บิดงอ ยิ่งเนื้อหาในหนังสือถูกเปิดเผยมากเท่าไร ความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีเพิ่ม เขาตัวงอราวเป็นกุ้ง

นี่คือการไถ่บาป!

“ขั้นตอนนี้อาจเจ็บปวด ทว่าหลังฟังคำสอนเจ้าของร้านหลิน คุณจะรู้สึกราวได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง” ฮัมฟรีย์มองชายชุดคลุมดำผู้ดูเจ็บปวดเหลือหลาย มือภายใต้ถุงมือหนังสีดำแปะอยู่ที่พื้นที่ถูกข่วนขูด เขาอดหัวเราะไม่ได้

ร่างของชายชุดคลุมดำสั่นกระตุกไม่หยุด จู่ๆ เขาก็เสียโทสะไป

ฮัมฟรีย์วางหนังสือ เดินไปหาชายชุดคลุมดำ กล่าวว่า “ความเจ็บปวดของคุณคือชีวิตใหม่…เอ๋?”

ทันทีที่เขานั่งยองๆ ลงตรวจสอบชายชุดคลุมดำ เขาก็พบว่าร่างนั้นกระตุกอีกครั้ง และปากภายใต้ฮู้ดสีดำก็เริ่มบริกรรมบางอย่างด้วยเสียงแหบ

“จุดเริ่มต้นแห่งทุกจุดเริ่มต้น นายเหนือสรรพสิ่ง ต้นแบบแรกเริ่มแห่งทุกความโกลาหลและความเป็นระเบียบ ทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงนิมิต รีบตื่น ไม่ตื่น ในดวงตาของท่าน…”

ฮัมฟรีย์เบิกตากว้าง ก้มลงอ่านหนังสือมือ พบว่าสิ่งที่ชายชุดคลุมดำพูดคือเนื้อหาส่วนต่อไปในหนังสือ

“คุณรู้ได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น?!” ฮัมฟรีย์ตกใจ…เขารู้ได้อย่างไรว่าเราคือผู้ถูกเจ้าของร้านหลินเลือก แต่ทำไมเขาถึงตระหนักเร็วนักล่ะ?!

ชายชุดดำพยุงตัวจากพื้น รู้สึกเจ็บปวดทรมานราวถูกสิบล้อทับ เขาค่อยๆ ลุกขึ้น ปลดฮู้ดของเขาตรงหน้าฮัมฟรีย์ช้าๆ

ใบหน้าอัปลักษณ์เกินอธิบายปรากฏขึ้น…

“ทำไมน่ะเหรอ…แน่นอน เพราะพวกสาวกปลอมอย่างพวกนายก็แค่พวกโง่ผู้เชื่อฟังอย่างตาบอดไง”

ผิวหนังของชายชุดคลุมดำปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่ดูราวกับงู กรามล่างของเขาเต็มไปด้วยเส้นหนวดนับไม่ถ้วนติดซี่เขี้ยวเล็บเหมือนปลาหมึกยักษ์ และหนวดแต่ละเส้นมีปุ่มดูดกลมๆ อยู่ด้านใต้

“ค…ค…ค…ค…คุณ…?!!” ความบ้าคลั่งและสงบเงียบ แต่เดิมของฮัมฟรีย์ถูกภาพที่น่าตกใจสุดขีดนี้ปลุกให้ตกใจตื่นขึ้นทันที เขาถูกชายชุดคลุมดำทำให้ตกใจ จนล้มก้นกระแทกนั่งลงพื้น

ภาพลักษณ์น่าสะพรึงกลัวนี้ไม่ใช่อะไรที่มนุษย์จะมีได้ เก่าแก่และน่ากลัว อัปลักษณ์และน่าเกลียด

พวกนี้…คือรูปลักษณ์ชาวเมืองเขตล่างซึ่งมีเพียงผู้นำระดับสูงของนอร์ซินเท่านั้นที่รู้!

ชายชุดคลุมดำค่อยๆ ถอดถุงมือ เผยให้เห็นมือซึ่งถูกเกล็ดปกคลุมเช่นกัน นิ้วหนาและเล็บคมกริบราวกรงเล็บจระเข้

“คุณเป็นใครกันแน่…อ๊ากกกกกกก!!” ก่อนที่ฮัมฟรีย์จะทันพูดจบ มือขวาของชายชุดคลุมดำก็วูบไหวเป็นภาพติดตาสีเทาฟ้า บีบคอของฮัมฟรีย์เอาไว้ นิ้วโป้งของเขาขยับ จิ้มลูกกระเดือกของฮัมฟรีย์ราวจิกหน้าต่างกระดาษ

เลือดพุ่งทะลัก ฮัมฟรีย์ดิ้นรนราวกับสัตว์

“ขอบใจ” ชายชุดคลุมดำพูดเสียงแหบพร่า “ขอบใจที่นำคำทำนายแห่งผู้เป็นเจ้าของฉันมาหาถึงที่ โปรดตายอย่างสงบ หลับไหลไปกับเขาเถอะ”

“ขอนิมิตแห่งพระผู้เป็นเจ้าจงปลอดภัย” ชายชุดดำภาวนาเบาๆ เมื่อเขาพูด ลิ้นแฉกเหมือนลิ้นงูก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัด

ชายชุดคลุมดำเหวี่ยงร่างของฮัมฟรีย์ทิ้ง สะบัดเลือดบนมือ หยิบหนังสือจากมือของเขาไป

‘นิมิตโกลาหล’

เมื่อเห็นหนังสือ เขาก็เงยหน้าขึ้น เห็นเงามืดอยู่ในกำแพงลึกสุดที่ตรอกร้างผู้คนนี้

แกร๊ก!

ทันทีที่เห็นเงานั้น ชายชุดคลุมดำรีบคุกเข่าลงที่พื้น สั่นเทาไปทั่วร่างทันที นัยน์ตาสัตว์ร้ายขุ่นหมองดูราวใกล้ร้องไห้อย่างตื่นเต้น เขาวางหนังสือลงที่หน้าผาก น้ำตารินจากคู่เนตรทั้งสอง กล่าวด้วยเสียงสั่นๆ “พระผู้เป็นเจ้าอันยิ่งใหญ่ของผม ขอบพระคุณสำหรับคำชี้นำที่ทำให้ผมเดินทางจากเขตล่างมาที่นี่ เราจะต้อนรับท่านกลับสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา”

เงาดำดูเหมือนจะพยักหน้า แต่ไม่ได้ทำอะไรอีก มันทำเพียงยืนนิ่งๆ ในจุดตัดระหว่างแสงสว่างและความมืด ก่อนจะหายไปทันทีที่แสงไฟส่องถนนเปิดขึ้น

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!