420 : ขาดจินตนาการ
เด็กสาวชุดขาวยกมุมปากของตัวเอง ดวงตาสีดำของเธอลึกล้ำราวหุบเหว
มูเอนไม่ได้คิดหาทางขายหนังสือสร้างรายได้เหมือนเจ้าของร้านหลิน ภารกิจของเธอคือการเผยแพร่หนังสือ ไม่ว่าใครที่อ่านมันแล้วไม่เป็นบ้าไปเสียก่อน คนๆ นั้นก็จะเป็นผู้ถูกเจ้าของร้านหลินเลือก
แต่หากตกสู่ความบ้าคลั่ง เขาก็จะไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นผู้ได้รับความโปรดปรานจากเจ้าของร้านหลิน และจะต้องถูกกำจัดโดยด่วนที่สุด เพราะถึงอย่างไร การมีบุคลากรแบบซ้ำๆ กันจะทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรจำนวนมาก กระทั่งอาจมีผลต่อสถานการณ์โดยรวมในท้ายที่สุด
บริออนมองรอยยิ้มของเด็กสาวขณะที่ร่างของเขาสั่นเทา…
ทำไมคุณไม่เล่นไปตามกิจวัตรของคุณล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกคุณพูดอารัมภบทยืดยาวกันก่อนเหรอ? ไหงตรงไปตรงมาแบบนี้ล่ะ
“ข…ขอบคุณครับคุณผู้ช่วย” บริออนกล่าวพร้อมยิ้มฝืดๆ “งั้นผมขอซื้อหนังสือเล่มนี้กลับไปอ่านนะครับ”
“กลับไปอ่าน?” รอยยิ้มของมูเอนหายไปทันที เธอเอียงคอ มันดูน่ารักมาก แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความน่าสยดสยองที่ไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน
“คุณกลับไปได้ค่ะ” มูเอนกล่าวอย่างเฉยชา “แต่ฉันขอแนะนำให้คุณอ่านมันตอนนี้เลย เพราะถึงอย่างไร หากหนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะสมสำหรับคุณ ฉันอาจจะเปลี่ยนมันให้คุณได้ ไม่ยากเย็นขนาดนั้นหรอกค่ะ”
มุมปากของบริออนกระตุกเล็กน้อย เขาไม่กล้าอ่านหนังสือเล่มนี้เลยสักนิด ความสามารถของเขาก็แค่กลางๆ ทว่าก่อนจะมาที่นี่ เขาได้ขอให้นักเวทมนตร์ขาวในตระกูลของเขาหลายๆ คนบอกกลเม็ดที่จะทำให้เขาฝืนแรงเย้ายวนของอำนาจในหนังสือไว้
บริออนตอนนี้ไม่อยากอ่านหนังสือเล่มนี้เลยสักนิด จุดประสงค์ของเขาคือนำหนังสือเล่มนี้กลับไปทำการทดลองต่างหาก
“ดังนั้น อ่านมันที่นี่แหละค่ะ” มูเอนกล่าวสรุป
“ไม่ๆๆ ผมควรนำกลับไปอ่านครับ เกรงว่าทำแบบนี้จะรบกวนธุรกิจของคุณเอาได้” บริออนรีบกล่าว
หลังจากมูเอนได้ยินเช่นนี้ เธอก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ไม่รบกวนหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณไม่อ่านมันที่นี่ก่อน ฉันต้องขอรับมันคืนนะคะ ดังนั้นจะดีกว่าที่จะอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้น คุณจะรบกวนเวลาของฉันแล้วค่ะ”
“รบกวนเวลาอะไรกันครับ? คุณผู้ช่วยล้อเล่นแล้ว” บริออนหลับหูหลับตากล่าวแกล้งบื้อ
“ให้เวลาคุณเตรียมใจนะคะ” คำพูดไร้อารมณ์ของมูเอนทำให้บริออนหมดคำพูด “เพราะถึงอย่างไร ฉันต้องรับหนังสือคืนค่ะ”
บริออนกลืนน้ำลาย แค่มองไปทางมูเอนก็สร้างแรงกดดันมหาศาลแก่เขา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยกล้าเผชิญมาก่อน
ในฐานะหนึ่งในสมาชิกศาลสูงสุด แม้ว่าตำแหน่งของเขาจะต่ำมาก แต่อย่างน้อยบริออนก็ยังเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับภัยพิบัติคนหนึ่ง ก่อนจะมาที่นี่ เขารับคำแนะนำจากนักเวทมนตร์ขาวหลายคนมาก่อน ทว่าเขาในตอนนี้ถูกมูเอนปราบเสียราบคาบ ถ้าหนีไปตอนนี้ มูเอนจะฆ่าเขาได้จากการโจมตีเพียงครั้งเดียวแน่นอน
บริออนรับหนังสือมาอย่างช้าๆ พลางนึกถึงคำแนะนำที่พวกนักเวทมอบให้เขาอย่างต่อเนื่อง เขาหลับลงอย่างจริงจัง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง…
ในใจเขา ภาพหลอนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในพริบตา หลากสีสันเยี่ยงกระจกหลากสี และเมื่อบริออนเห็นหนังสือเล่มนี้ มันก็ดูเหมือนจะถูกผนึกด้วยชั้นกระจกหนา
กระจกหนานี้คือไพ่ชิ้นสำคัญที่เตรียมไว้เพื่อเสริมความมั่นใจของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มแกล้งทำเป็นอ่าน
ในระหว่างแสร้งทำเป็นอ่าน ในที่สุดบริออนก็ถอนหายใจโล่งอก ดีที่เขาเตรียมตัวมาก่อน
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
จู่ๆ เสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังออกมาจากข้างหลังเขา ซึ่งทำให้บริออนตกใจจนแทบปล่อยหนังสือในมือ
เขาหันกลับไปมองอย่างเผลอไผล และพบแสงอันเจิดจ้าสุดขีดพุ่งกระแทกตาตรงๆ
“อ๊ากก!” บริออนกรีดร้อง ทรุดลงไปที่พื้น
ผู้พูดแค่มองลงมาที่เขาและเมินเฉย
“คุณมูเอน นี่คือผู้เข้ารับการทดสอบคนใหม่เหรอครับ?” วินเซนต์มองลงมาที่บริออนผู้ร่วงลงกองกับพื้น
มูเอนพยักหน้าน้อยๆ “คุณวินเซนต์ คุณมากะทันหันไปนิดนะคะ”
“ผมผ่านมาในระหว่างเทศนาพอดี เลยมาเคารพคุณด้วยเลยครับ” วินเซนต์กล่าวอย่างสุภาพ
มูเอนพยักหน้า เหลือบมองบริออนบนพื้นพลางกล่าวว่า “แผนของเจ้าของร้านหลินสมบูรณ์แล้ว ชายคนนี้คือตัวเบี้ยจากสำนักงานกลางที่มาทดสอบคำทำนายของเจ้าของร้านหลินค่ะ”
“มองทะลุปรุโปร่งในพริบตา สมกับเป็นคุณจริงๆ ครับ” วินเซนต์กล่าวอย่างชื่นชมจากใจ
มูเอนเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ เนื่องจากคำแนะนำจากเหล่านักเวทมนตร์ขาว ดวงตาของบริออนจึงเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงแสงและสีต่างๆ เป็นแสงสีรุ้งได้ และจะบิดเบือนแสงอาทิตย์ที่ส่องลงบนหนังสือเมื่อเขาไม่ต้องการอ่านมัน ดังนั้นเมื่อเขาอ่านหนังสือ เขาก็จะเห็นเพียงแสงสีรุ้งเท่านั้น
แต่เขาก็ไม่คาดว่าวินเซนต์ผู้ซึ่งแทบจะเป็นดวงไฟสุริยะเดินได้จะโผล่มากะทันหันแบบนี้…
วินเซนต์ผู้ถือครองพลังแห่งตะวันทำลายดวงตาของเขาลง ลูกตาของเขาระเบิดออกทันที และตอนนี้ใบหน้าของเขามีเพียงหลุมกลวงๆ สองหลุม ทำได้เพียงกรีดร้องเสียงแหบอยู่บนพื้น
มูเอนนั่งยองๆ ลงข้างๆ บริออนบนพื้นและยิ้มให้เขา
บริออนค่อยๆ สงบลง
แค่มีเธออยู่เฉยๆ ข้างๆ แบบนี้ก็สามารถส่งผ่านความรู้สึกสงบเงียบแห่งรัตติกาลให้สัมผัสได้แล้ว และบริออนที่กำลังดิ้นพราดๆ ก็ค่อยๆ สงบลง
มูเอนยกมือขึ้นลูบไปบนตาของเขา ฟื้นสภาพดวงตาของบริออนราวแสงจันทร์อันอ่อนโยน
บริออนลืมตาขึ้นช้าๆ ราวกับได้เห็นดวงจันทร์เพ็ญซึ่งปรากฏเหนือท้องฟ้าพร่างดาวอันไร้จุดจบ และใบหน้ายิ้มแย้มของมูเอนปรากฏขึ้นบนดวงจันทร์นั้น
“ลุกขึ้น” มูเอนกล่าวเบาๆ
บริออนถูกมูเอนช่วยพยุงไปนั่งอย่างงกๆ เงิ่นๆ
“นี่คือ…?” วินเซนต์ขมวดคิ้ว
เขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามูเอนทำแบบนี้ทำไม จุดประสงค์ของเจ้าของร้านหลินคือการชำระล้างมนุษย์อ่อนแอผู้ไม่ถูกเลือกทุกคน และเจ้าบริออนตรงหน้าเขานี่ก็ดูจะทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อย่าว่าแต่เป็นผู้ถูกเจ้าของร้านหลินเลือกเลย
“เขามาจากสำนักงานกลาง สำนักงานกลางพยายามหยั่งความแข็งแกร่งและจุดประสงค์ของเจ้าของร้านหลินมาตลอดค่ะ ดังนั้นใช้พวกเขากันเถอะ” มูเอนแย้มยิ้ม มองบริออนซึ่งมีใบหน้าเหม่อลอย จากนั้นก็นำหนังสือมาวางตรงหน้าบริออนต่อ
“คุณให้หนังสือเล่มนี้กับเขาเหรอครับ?” วินเซนต์ขมวดคิ้วมอง ‘เสียงสะท้อนจากขุมนรก’ ตรงหน้าเขา “นี่คือพระคัมภีร์ที่เจ้าของร้านหลินเขียนเองเลยนะครับ”
วินเซนต์ถอนหายใจ ถึงจะอยากอ่านมันจริงๆ ก็เถอะ แต่เขาก็รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ของตัวเอง และเขาจะไม่มีวันได้อ่านมัน
ในเมื่อนี่คือคำพิพากษาของเทพธิดาแห่งรัตติกาล ถ้าอย่างนั้นหนังสือเล่มนี้ก็คงเป็นของบริออน
บริออนอ่านหนังสืออย่างระมัดระวัง และร่างของเขาก็เริ่มค่อยๆ กลายพันธุ์
“สำนักงานกลางยังคงประเมินเจ้าของร้านหลินต่ำไปค่ะ” มูเอนกล่าวด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็ให้ระเบิดเวลากับพวกเขากันเถอะ”
มูเอนกล่าวพลางหยิบแก้วน้ำจากใต้เคาน์เตอร์ออกมาชงชานมอย่างกระฉับกระเฉง ดวงตาสีดำแดงในน้ำนมลอยขึ้นลงราวไข่มุกในแก้ว
มูเอนเลื่อนแก้วไปให้บริออนอย่างใจดี ชานมแก้วนี้ถูกเตรียมไว้ให้เขาเป็นพิเศษ
หัวใจของบริออนรู้สึกสงบอย่างไม่อาจบรรยาย ราวกับเขาได้กลับสู่ค่ำคืนที่ฝนพรำยามเยาว์วัย ฟังเสียงเล่านิทานของผู้เป็นมารดาขณะนอนอยู่บนเตียง
และหนังสือ ‘เสียงสะท้อนจากขุมนรก’ ตรงหน้าเขานี้ก็เหมือนกับเสียงสะท้อนของบทเพลงอันงดงามจากหุบเขาลึกอันตระการตา
ในสายตาวินเซนต์ หลังจาก ‘เสียงสะท้อนจากขุมนรก’ ถูกเปิดอ่าน เส้นหนวดนับไม่ถ้วนก็งอกทะลุออกมาจากตา หู จมูก และปากของเขา ก่อกวนสมองจนปั่นป่วน
ไม่นานจากนี้ เขาจะกลายเป็นหุ่นเชิดของเจ้าของร้านหลิน ช่วยเขาจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของสำนักงานกลาง
วินเซนต์ยิ้มดุๆ และทุกการกระทำอันไม่สมควรนั้นก็อาจจะขาดจินตนาการไปสักหน่อย