№ 112 การเลี้ยงดูที่แตกต่าง!
เป็นธรรมดาที่เหล่าท่านผู้นำตระกูลที่แถวแรกจะมองเห็นคนรับใช้ผู้นั้นเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน หลังจากเห็นคนรับใช้บอกกล่าวแนบชิดที่ข้างหูผู้เฒ่ากวนไปไม่กี่ประโยค ก็ลุกยืนขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ทุกท่าน กระผมขอตัวก่อนสักครู่” หลังจากพูดเช่นนั้น ไม่รอให้เหล่าท่านตอบรับ เขาก็เดินตามคนรับใช้ไปด้านนอก
“เหอะๆ พวกเราชมกันต่อเถิด ท่านพ่อคงนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องอะไรที่ยังไม่จัดการ” ผู้นำตระกูลกวนยิ้มพลางเอ่ยกับเหล่าท่านผู้นำตระกูล ในใจกลับยังเคลือบแคลง ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพ่อสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นนั้น?
เคอซินหย่าที่นั่งอยู่กับสมาชิกครอบครัวหญิงคนอื่นๆ ตอนนี้เป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลกวน จึงเป็นปกติที่จะอยู่ชมการประลองบนเวทีที่นี่ ก่อนหน้านี้เห็นคนที่ตนแต่งงานด้วยท่าทางสง่าน่าเกรงขามอยู่บนเวที ล้วนไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ หัวใจก็ลอยล่องตามขึ้นมา
แอบคิดว่า ‘สายตาและการเลือกของนางนับว่าไม่เลวเลย’
ทว่า เมื่อเห็นคนรับใช้ปรี่มาด้วยท่าทางลนลาน แม้แต่ท่านผู้เฒ่ายังออกไปด้วยกัน ความรู้สึกที่เดิมทีเคยปลื้มปริ่มกลับเป็นกังวลอย่างอดไม่ได้ สองมือขยำกำชายเสื้อแน่นโดยไม่รู้ตัว สีหน้าก็ซีดเผือดน้อยๆ
เพราะ ขณะที่ท่านผู้เฒ่าออกไปกับคนรับใช้เมื่อครู่ ท่าทางที่ชำเลืองมองมาแวบหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้นึกถึงกวนสีหลิ่นขึ้นมา
หรือ หรือว่าเขาจะมาจริงๆ? เขายังกล้ามาจริงๆ รึ?
กวนสีหลิ่นกับเฟิ่งจิ่วที่ผ่านประตูใหญ่บ้านตระกูลกวนยังไม่ทันเหยียบเข้าสถานที่จัดการประลอง ก็ถูกน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและแก่งอมเรียกไว้
“สีหลิ่น? เป็นเจ้าจริงๆ รึ?”
ท่านผู้เฒ่ากวนค้ำไม้เท้าในมือก้าวยาวเข้ามา เมื่อเห็นเรือนร่างสูงใหญ่ที่เดินมุ่งหน้ามา ก็ยังผงะลงเล็กน้อยจริงๆ แววตามีความสับสนและฉงนอยู่บ้าง กลับไม่เห็นเพียงความประหลาดใจอย่างเดียว
กวนสีหลิ่นที่เห็นท่าทีเขากับตา หัวใจเย็นเยียบเล็กน้อย มุมปากกระตุกด้วยท่าทางเฉยเมยอยู่บ้าง ส่งเสียงเรียก “ท่านปู่”
“เจ้า…”
เดิมทีท่านผู้เฒ่ากวนคิดจะถาม ว่าเขากลับมาได้อย่างไร? ทว่า พอคำพูดถึงปากกลับนึกขึ้นได้ จึงเอ่ยว่า “กลับมาแล้วก็ดี เจ้ากลับเรือนไปพักก่อนเถอะ! ค่ำๆ ค่อยมาที่ห้องหนังสือ ข้าจะคุยกับเจ้าเสียหน่อย”
“คนตระกูลเคอคงบอกท่านปู่แล้ว ถึงเรื่องที่ข้ายังมีชีวิตอยู่!”
เขามองท่านผู้เฒ่ากวน ฝีเท้ากลับไม่ขยับเขยื้อน “ท่านปู่ไม่สงสัยรึ? ทำไมท่านพี่บอกว่าข้าตายแล้ว หรือท่านไม่ควรบอกข้า ว่าเหตุไฉนคู่หมั้นข้าถึงกลายเป็นภรรยาท่านพี่ได้?”
ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ถูกผู้น้อยตั้งคำถามเช่นนี้ สีหน้าท่านผู้เฒ่ากวนจึงหมองลงมาชั่วขณะ คิ้วขมวดกันน้อยๆ ตั้งหน้าตรงมองกวนสีหลิ่น พลางต่อว่าเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ
“พูดอะไรของเจ้า? พอกลับมาก็ตั้งคำถามกับปู่เจ้าแบบนี้รึ? หรือไม่ได้ยินที่ข้าบอกให้เจ้ามาห้องหนังสือตอนค่ำ? ไม่กลับมาหลายเดือน กลายเป็นยิ่งไร้มารยาทเสียจริง! แม้แต่ธรรมเนียมก็ลืมไปแล้วรึ?”
“ท่านปูไม่ดีใจที่ข้ามีชีวิตกลับมาเลยสักนิดเดียว”
ผู้เฒ่ากวนเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าชราภาพฉายแววกระวนกระวาย
กวนสีหลิ่นมองเขาแวบหนึ่งอย่างเฉยชา และไม่สนใจการตอกกลับของเขา ก่อนจะสาวก้าวเดินไปข้างหน้า
“หยุดก่อน!”
ท่านผู้เฒ่ากวนเคลื่อนก้าวมาขวางเบื้องหน้าเขา ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าจะไปไหน?”
“วันนี้เป็นงานประลองของตระกูลไม่ใช่รึ? หรือข้าไม่ต้องเข้าร่วม?”
“วันนี้เป็นงานประลองคัดเลือกนายน้อย เจ้าหาใช่คู่ต่อสู้ของสีหร่วนไม่ ไม่เข้าร่วมก็ไม่เป็นไรหรอก!”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม สายตาจับจ้องบนใบหน้ากวนสีหลิ่น เอ่ยอีกว่า “ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็กลับเรือนไปพักผ่อนเสีย อย่าได้ไปทำข้าขายหน้าที่ด้านหน้าเชียว!”
ฟังคำพูดนี้ กวนสีหลิ่นก็ยิ้ม
……………………………