Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 137

№ 137 นักวางยามือฉกาจ!

เคลือบแคลงอยู่ในใจ พอกำลังครุ่นคิด ก็ถูกน้ำเสียงหนึ่งขัดจังหวะ

“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?”

เฟิ่งชิงเกอเร่งฝีเท้ามาถึงข้างกายเขา เห็นเงาร่างทั้งสองที่ต่อสู้กันอยู่เหนือหลังคา จึงเบิกดวงตาออกกว้างอย่างอดไม่ได้ “นึกไม่ถึงว่าจะมีคนร้ายเข้ามาในบ้านเราด้วย? เขามาทำอะไรรึเจ้าคะ? ท่านปู่ล่ะ? ท่านปู่ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ?”

“ปู่เจ้าหายไปแล้ว” เฟิ่งเซียวย่นคิ้วน้อยๆ ในดวงตามีความกังวลที่ไม่อาจซ่อนเร้น ร่างกายท่านพ่อเป็นเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะหายไป ถูกใครลักพาตัวไปรึ? แล้วคนผู้นั้นมีเป้าหมายอะไรกัน?

“อะไรนะ? ท่านปู่หายไปรึเจ้าคะ?”

นางประหลาดใจ ในใจมีความสงสัยอยู่บ้าง ท่านผู้เฒ่าจะหายไปได้เช่นไร? หรืออาจถูกใครลักพาตัว? แต่ลักพาตัวเขาไปจะทำอะไรได้? หนำซ้ำ ยังสามารถลักพาคนในจวนได้ราวกับไม่มีคนอยู่ ฝีมือคนผู้นั้นช่างน่าแปลกเกินไปแล้วกระมัง?

“ฟิ้ว! ผัวะๆ!”

หมัดเท้าโจมตีกัน เกิดเป็นเสียงกระแสลมดังกระหึ่ม บนสองเงาร่างหนึ่งขาวหนึ่งดำต่างมีกลิ่นอายพลังเร้นลับหนาคลุ้งกระจายอยู่ โจมตีไร้ความปราณี ทุกกระบวนท่าอันดุร้ายทำให้ผู้คนเบื้องล่างมองแล้วอกสั่นขวัญแขวนอย่างอดไม่ได้

ขณะที่แอบตกตะลึงกับฝีมือเก่งกาจของคนชุดดำ ก็เห็นคนชุดดำผู้นั้นหมุนตัวหันเตะ บริเวณขาที่เหยียดกวาดผ่านถึงกับยังมีกระแสลมรุนแรงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ารวมตัวกันอยู่ มันเตะไปทางมู่หรงอี้เซวียนด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

“อื้ม!”

มู่หรงอี้เซียวร้องอู้อี้ในลำคอ ร่างกายตกจากหลังคาลงไปบนพื้นอย่างเสียสมดุล เร่งรีบปรับตัว เรียกพลังขึ้นทรงตัวร่อนลงพื้น แต่เพราะความเร็วและความแรงในการตกที่สัมพันธ์กัน จึงยังคงถอยหลังไปหลายก้าวถึงจะสามารถยืดหยัดมั่นได้อย่างไม่อาจควบคุม

หลังจากรอให้ยืนคงตัวเขาค่อยมองขึ้นไป เพียงเห็นเงาร่างสีดำบนหลังคาโผเข้ามา แววตานั้น ทำให้รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย จึงเหม่อลอยไปชั่วขณะเพราะความตื่นตะลึง

“รีบไล่ตามไป!”

เฟิ่งเซียวเห็นเงาร่างชุดดำพุ่งลอยหนีจาก และหายตัวไปในยามค่ำคืนอย่างว่องไว จึงออกคำสั่งให้องครักษ์ไล่ตามไปทันที

ด้วยความเร็วขององครักษ์จวนตระกูลเฟิ่ง จะไล่ตามเฟิ่งจิ่วทันได้อย่างไร? หลังออกจากจวนก็ถลาแล่นไปอย่างไม่หยุดพัก พอสลัดคนด้านหลังออกไปไกล เมื่อกลับมายังละแวกนอกเรือน ถึงจะพาท่านผู้เฒ่าในห้วงมิติออกมา ประคองเขาโดดเข้าไปในบ้าน มาถึงภายในเรือน

“เสี่ยวจิ่ว เป็นอย่างไรบ้าง? ราบรื่นดีหรือไม่?” กวนสีหลิ่นกับเหลิ่งซวงรออยู่ในลานบ้าน พอเห็นนางกลับมาก็เร่งรีบเข้าไปรับคนไว้

“ยังได้อยู่” เธอส่งคนให้เขา เอ่ยว่า “พยุงเข้าไปในห้องก่อน เหลิ่งซวง เจ้าเฝ้าอยู่ตรงลานบ้านนะ”

“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ คอยเฝ้าอยู่ในลานบ้าน

พอเข้าห้อง กวนสีหลิ่นก็วางท่านผู้เฒ่าลงบนเตียง มองท่านผู้เฒ่าเฟิ่งที่หมดสติสูบผอม จึงหันหน้าไปหาเฟิ่งจิ่วอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวจิ่ว ปู่เจ้าเป็นอะไรไป? ไยทั้งตัวถึงผอมแห้งเช่นนี้เล่า?”

เฟิ่งจิ่วเดินออกมาจากหลังฉากกั้น เปลี่ยนสวมเสื้อผ้าสบายๆ เช็ดหลังมือเดินเข้ามา กล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านหาน้ำสะอาดมาให้ข้าก่อนเถิด”

ระหว่างที่พูด เธอนั่งลงข้างเตียง ตรวจดูร่างกายท่านปู่ใหม่อีกรอบหนึ่ง จากนั้นค่อยหยิบเข็มเงินมาวางไว้ข้างๆ

กวนสีหลิ่นจัดแจงหาน้ำสะอาดมาวางไว้ข้างกาย จากนั้นจึงเฝ้าดูอยู่ข้างเตียงและไม่รบกวนอะไรอีก เห็นนางหยิบเข็มเงินมาแทงนิ้วมือทั้งสิบของท่านปู่ ต่อมาค่อยวางลงในน้ำพลางบีบเลือดออก

เมื่อเห็นน้ำในอ่างถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงที่มีสีดำเขียวปนอยู่น้อยๆ เขาจึงสูดหายใจเข้าอย่างอดไม่ได้

“นังหญิงชั่วร้ายนั่น นึกไม่ถึงว่าจะวางยากับปู่เจ้าจริงๆ!”

แววตาเฟิ่งจิ่วมืดมัวเล็กน้อย เอ่ยว่า “นางเป็นนักวางยามือฉกาจ ไม่เช่นนั้น หมอหลายท่านคงไม่มีทางดูไม่ออกหรอก”

…………………………………

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!