№ 150 อาจารย์ผู้เก่งกาจ!
สองวันต่อมา
เฟิ่งจิ่วประคองท่านผู้เฒ่าเดินอยู่ในสวน พลางเอ่ยถาม “ท่านปู่ ท่านรู้สึกว่าร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่สบายบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
“เหอะๆ ดีขึ้นแล้ว หากยอมให้ปู่ดื่มเหล้าสักหน่อย เดาว่าหลานไม่ต้องพยุง ปู่คงเดินได้คล่องเหมือนบินเลย” ท่านผู้เฒ่าหรี่ตายิ้ม หลังจากรักษาตัวอยู่ที่นี่สองวันพละกำลังก็กลับมา
แต่ว่า ไม่ได้ดื่มเหล้าหลายวัน พอร่างกายฟื้นฟู ก็อยากดื่มอยู่นิดหน่อยจริงๆ
“ตอนนี้ยังไม่ได้เจ้าค่ะ รอผ่านไปอีกสองสามวันท่านจะดื่มเท่าไหร่ค่อยดื่มนะเจ้าคะ” เธอประคองเขามานั่งที่ข้างโต๊ะหินในสวน ก่อนจะรินน้ำให้
“แม่หนูเฟิ่ง พวกเราจะกลับบ้านเมื่อไหร่รึ? พักอยู่ด้านนอกนี้ไปก็ทำอะไรไม่ได้ ซ้ำยังไม่ได้จัดการเจ้าซูรั่วอวิ๋นในบ้านนั่น พ่อผู้ฟั่นเฟือนของหลานยังถูกหลอกปั่นหัวโดยไม่รู้ตัวอีก!”
เขาพูดพลางส่ายหน้า ถอนหายใจอีกครา กล่าวว่า “พูดถึงพ่อหลานก็น่าสงสารนัก ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
เธอบอกเรื่องที่ผ่านมาในไม่กี่วันนี้แก่เขา โชคดีที่เธอยังรอดชีวิต โชคดีที่ได้พบกันบนถนน และยังจำเธอได้ แต่ยังไงก็นึกไม่ถึง ว่าหญิงสาวใจมารในจวนนั่นจะเป็นซูรั่วอวิ๋นที่ติดตามอยู่ข้างกายแม่หนูเฟิ่งอย่างเชื่อฟังเสมอมา ซ้ำยังสนิทสนมดั่งพี่น้อง
ใจคนยากแท้หยั่งถึง ช่างรู้หน้าไม่รู้ใจเสียจริง!
“ร่างกายท่านปู่ดีขึ้นบ้างแล้ว พวกเราจะกลับไปเวลาไหนก็ได้เจ้าค่ะ” เธอยิ้มเบาๆ คิดว่าถึงเวลากลับบ้านตระกูลเฟิ่งแล้ว
ท่านผู้เฒ่าได้ยินก็ดีใจอย่างมาก จึงตบมือนางพลางพูดติดกันสามครั้งว่า “ดีๆๆ”
“เสี่ยวจิ่ว”
กวนสีหลิ่นเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาจากด้านนอก ท่าทางลนลาน เมื่อเห็นท่านผู้เฒ่าจึงขานเรียก “ท่านปู่”
เพราะความสัมพันธ์กับเฟิ่งจิ่ว หลังจากท่านผู้เฒ่ารู้เรื่องที่ขอถอนตัวจากตระกูล จึงให้เขาเรียกตนว่าท่านปู่ บอกว่าถึงเวลากลับจวน จะให้คารวะเฟิ่งเซียวเป็นพ่อบุญธรรม
เห็นท่าทางร้อนใจมีความเป็นกังวล เฟิ่งจิ่วจึงเอ่ยปากถาม “พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“ท่านปู่ เสี่ยวจิ่ว พวกท่านรีบกลับบ้านเถิด ตระกูลเฟิ่งเกิดเรื่องแล้วขอรับ!”
พอท่านผู้เฒ่าฟัง ก็รีบร้อนถามว่า “เกิดเรื่องอะไรรึ?”
“ข้าเพิ่งกลับมาจากด้านนอก ได้ยินว่าพ่อบุญธรรมล้มป่วยเพราะกังวลที่ท่านปู่หายตัวไป เหมือนต้องยกกององครักษ์ตระกูลเฟิ่งให้ซูรั่วอวิ๋นมาดูแล ทำให้นางตามหาที่อยู่ท่านได้เต็มกำลัง คนจากหลายตระกูลในเมืองต่างถูกเชิญตัวไป เพื่อพิธีประกาศตัวเที่ยงวันนี้ บอกทุกคนว่า ลูกสาวเขาจะเป็นนายหญิงของกององครักษ์ตระกูลเฟิ่ง แต่ปัญหาคือพ่อบุญธรรมรู้ว่าเฟิ่งชิงเกอในจวนเป็นตัวปลอม! หากยกกององครักษ์ให้นาง จะเป็นปัญหาใหญ่นะขอรับ!”
แม้เขาไม่ใช่คนตระกูลเฟิ่ง แต่ก็รู้ว่ากำลังกององครักษ์ตระกูลเฟิ่งแม้แต่เชื้อพระวงศ์ยังต้องยำเกรง กองกำลังเช่นนี้ หากหญิงอสรพิษนั่นได้ไป จะปล่อยไปได้รึ?
“เจ้าซูรั่วอวิ๋นนี่! ก็แค่หมาป่าขี้ขลาด!”
ท่านผู้เฒ่าด่ากราดอย่างโกรธจัด “สุขภาพพ่อหลานมักจะแข็งแรงอย่างกับวัว พอปู่หายไปจะร้อนใจจนล้มป่วยได้อย่างไรเล่า? เป็นเพราะหมาป่าตาขาวนั่นใช้ยาพิษทำร้ายแน่ๆ!”
เฟิ่งจิ่วฟังคำพูดนี้ก็กระตุกมุมปากอย่างอดไม่ได้ แข็งแรงราวกับวัวรึ? ท่านปู่เปรียบเทียบได้เหมาะเสียจริงเชียว
“แต่ท่านปู่ ทำไมกององครักษ์ตระกูลเราแม้แต่เชื้อพระวงศ์ยังต้องยำเกรง? คืนนั้นที่หลานไปพาท่านออกมา รู้สึกว่ากำลังองครักษ์พวกนั้นที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ไม่เท่าไหร่เลยนะเจ้าคะ!”
“นั่นเป็นเพราะ หลานยังไม่เคยพบอาจารย์ผู้เก่งกาจในหมู่องครักษ์ของเราน่ะสิ”
ท่านผู้เฒ่ายืนขึ้นมา มือหนึ่งไพล่หลังไว้ อีกมือก็ลูบเครา “กององครักษ์ตระกูลเฟิ่งเราแบ่งแยกกันตามระดับ กองของอาจารย์ผู้เก่งกาจนั้นสิ ถึงจะเป็นไพ่ตายของตระกูลเฟิ่ง”
……………………………