Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 190

№ 190 ม้าคึกยากล้ม!

เห็นเฟิ่งจิ่วหัวเราะระรื่นอยู่ตรงนั้น หลินเหล่าก็ส่ายหัว บอกว่า “เจ้าต้องการยาอะไรก็ขึ้นหอไปหยิบเองเถอะ ข้าต้องนำยาไปให้นายท่านก่อน” พูดจบ ก็สาวก้าวเดินไปด้านนอก ทิ้งให้เฟิ่งจิ่วหน้าชื่นตาบานอยู่ตรงนั้นคนเดียว

หลินเหล่ามายังเรือนหลัก ไม่เห็นเงาฮุยหลางที่มักจะติดตามอยู่ข้างกายนายท่านเสมอ กลับเป็นอิ่งอีที่คอยเฝ้าในเรือนนายท่าน จึงถามว่า “อิ่งอี ทำไมวันนี้ไม่เห็นฮุยหลางเล่า?”

ได้ยินคำพูดนี้ อิ่งอีกระตุกมุมปาก มองไปด้านในแวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงกดเบาลง “ฮุยหลางไปรับแขกในหอสายลมหนาวขอรับ!”

“อะไรนะ?” หลินเหล่าตะลึง ร้องอย่างแปลกใจ “รับ รับแขกที่หอสายลมหนาวรึ?” เขาไม่ได้ฟังผิดกระมัง?

อิ่งอีทำท่าทางเงียบๆ ไว้ ชี้ตรงด้านใน ไม่ให้เขาเสียงดังเกินไปนัก

หลินเหล่าปาดเหงื่อ กล่าวว่า “ข้ามีธุระกับนายท่าน เข้าไปก่อนนะ”

หน้าโต๊ะหนังสือ นายท่านเหยียนนั่งตรวจดูข่าวคราวที่แต่ละถิ่นเสนอเข้ามา เวลานี้ ประตูมีเสียงดังก๊อกๆ ขึ้นสองครั้ง น้ำเสียงหลินเหล่าลอยมาจากด้านนอก

“นายท่าน ข้าน้อยมีเรื่องมารายงานขอรับ”

“เข้ามา”

หลินเหล่าหายใจเข้าลึกๆ ถึงจะเดินเข้าไป เห็นเงาร่างสีดำกำลังวุ่นอยู่หน้าโต๊ะหนักสือ จึงเดินไปด้านหน้า คำนับด้วยความเคารพ แล้วนำยาเสนอให้

“นายท่าน นี่เป็นยาที่ภูตน้อยปรุงออกมาใหม่ ข้าน้อยดูแล้ว เป็นยาขั้นสี่ขอรับ”

ฟังคำพูดนี้ นายท่านเหยียนก็วางเอกสารในมือลง เงยหน้าขึ้นมา “นางปรุงยาขั้นสี่ออกมารึ?”

“ขอรับ หนำซ้ำยังเป็นยาขั้นสี่ชั้นดี ในหมู่ยาของหอโอสถเรา ยังไม่เคยเห็นยาขั้นสี่ชั้นดีเลยนะขอรับ” พูดตรงนี้ หลินเหล่าปลาบปลื้มนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มหน้าตาน่าเกลียดอย่างภูตน้อยจะมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ไม่แปลกใจที่นายท่านจะคอยประคบประหงมเขา

นายท่านเหยียนครุ่นคิดสักพัก ก็เอ่ยว่า “กลับไปเจ้าให้นางประทับตราสัญลักษณ์ของตัวเองลงบนตัวขวด จากนั้นค่อยนำยาส่งไปกองประมูล ให้พวกเขาประมูลยาออกไปในชื่อภูตหมอ”

ฟังเช่นนี้ หลินเหล่าตกใจเล็กน้อย “นายท่านจะให้เปิดตัวด้วยชื่อภูตหมอรึขอรับ?” หากให้คนของตำหนักยมราชพวกเขาจัดการ ไม่ต้องใช้เวลาถึงสามเดือน ชื่อภูตหมอจำต้องกระฉ่อนไปทั่วแคว้นเหินเวหาแน่!

“ไปจัดการเถอะ!” เขาไม่พูดอะไรมาก แค่โบกมือให้สัญญาณเขาถอยไป

“ขอรับ” หลินเหล่าถอยออกไปหลังคำนับลา

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ในหอสายลมหนาว

ฮุยหลางหลบอยู่ในห้องเหลือบมองร่างกายตัวเอง ด่าทอทั้งกัดฟันกรอด “เจ้าเด็กนี่! ก็รู้อยู่ว่าเขาคงไม่ช่วยรักษาข้าง่ายดายเพียงนั้น กะแล้วเชียวว่าต้องมีเจตนาไม่ดี!”

เวลานี้ ประตูห้องถูกผลักออก บุรุษรูปโฉมขาวเนียนบอบบางเดินเข้ามา ชำเลืองบริเวณนั้นที่ตั้งตรงขึ้นของฮุยหลาง ก่อนจะเผยรอยยิ้มซุกซนอย่างอดไม่ได้

“ฮุยหลาง ข้าว่าเจ้าไปทำเรื่องวุ่นวายอะไรเข้าเนี่ย? คนอื่นอยากคึกเป็นม้ายากล้มช่างยากเย็น เจ้ากลับไม่เหมือนกัน ดูสิ นานแค่ไหนแล้วนะ? ยังแข็งแรงถึงเพียงนี้ ความทรหดช่างห่างไกลจากระดับข้าเสียจริง!”

ได้ยินเช่นนี้ ฮุยหลางก็ถลึงมองเขา บอกว่า “เจ้ายังมาหัวเราะอีก? ไม่ช่วยข้าลองคิดหาทางแก้เล่า เป็นพี่น้องกันไม่ใช่รึ!”

“ทางแก้ไม่ใช่ว่าไม่มี”

บุรุษผู้นั้นเดินเข้ามา เอ่ยว่า “ที่นี่เป็นสถานที่เช่นไรเจ้าก็รู้ สิ่งที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือเด็กหนุ่ม ถ้างั้น ข้าจะหาใครสักสองคนมาให้เจ้าระบาย?”

“เจ้าอย่าสร้างปัญหานักเลย ข้าร้อนใจแทบตายแล้วนะ!” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“งั้นก็เอาเถอะ!” บุรุษผู้นั้นตบมือ ต่อจากนั้น เด็กรับใช้สองสามคนก็ยกผ้าไหมสีแดงที่แทบบางโปร่งใสกับแป้งปัดแก้มแดงเข้ามา

เห็นภาพเช่นนี้ ฮุยหลางก็กระโดดขึ้นมาอย่างไหวตัวทัน “เจ้าจะทำอะไรน่ะ?”

………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!