Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 290

№ 290 ดื่มกันเต็มที่?

ฟังคำพูดนี้ มือมู่หรงอี้เซวียนที่ถือถ้วยชาสั่นเทาน้อยๆ หลับตาลงอย่างเชื่องช้าท่ามกลางสายตานาง สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย

เห็นทีท่าเช่นนี้ เธอกระตุกมุมปาก บอกว่า “ในเมื่อรู้แล้ว ทำไมถึงแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร? อาจเพราะเฟิ่งชิงเกอคนก่อนรักเทอดทูนท่าน แต่เฟิ่งจิ่วไม่ ท่านเป็นคนแปลกหน้าสำหรับข้า ดังนั้นการหมั้นหมายนี้ข้าต้องยกเลิกแน่”

“เฟิ่งจิ่ว?” เขาเงยหน้ามองนาง

“ถูกต้อง ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว และก็ชื่อเฟิ่งชิงเกอ แต่ไม่ใช่เฟิ่งชิงเกอที่หลงรักท่านอย่างแน่นอน”

ได้ยินเช่นนี้ เขาขยับริมฝีปากเหมือนอยากจะเอ่ยถามอะไร แต่สุดท้ายก็ยังคงไม่ถาม ยกน้ำชาขึ้นมาจิบตรงใกล้ๆ ปาก สงบจิตใจตนเองลงเสียเนิ่นนาน บอกว่า “ข้ารู้แล้ว เรื่องหมั้นหมายนี้ข้ายอมยกเลิก”

“เช่นนั้นดีที่สุด” มุมปากเธอยกขึ้นเล็กน้อยเผยรอยยิ้มออกมา

เห็นบนหน้านางเอ่อล้นด้วยความยินดี แววตาเขาฉายแววจางๆ กล่าวว่า “ข้าอยากทำความรู้จักเจ้าเสียใหม่”

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของนางเขาก็ผุดรอยยิ้มละมุนออกมา “เจ้าพูดได้ไม่เลว แรกพบในโรงเหล้า การพบกันอีกในเวิ้งสวนท้อ รวมถึงการพบกันอีกครั้งบนถนน เจ้าล้วนทำให้ข้าตกตะลึง ใจเต้นโครมคราม และไม่อาจลืมเลือน ดังนั้น ต่อให้ถอนหมั้นข้าก็จะยังไล่ตามเจ้า”

เฟิ่งจิ่วสายหน้าลุกยืนขึ้น พูดพลางหัวเราะเบาๆ “ข้าแนะนำว่าท่านอย่าได้มาสิ้นเปลืองความคิดกับข้าจะดีกว่า ไปตั้งใจฝึกบำเพ็ญเสียเถอะ!”

หลังทิ้งคำพูดไว้เธอก็จากไป ชัดเจนยิ่งนักว่าตนไม่มีทางหลงรักคนอย่างมู่หรงอี้เซวียน แม้จะโดดเด่นมาก แต่ก็ไม่คู่ควรกับเธอ

เห็นนางหันตัวจากไป เขากลับไม่รั้งไว้ เพราะรู้ดีว่าหากเขาแข็งแกร่งและโดดเด่นพอ เช่นนั้น สุดท้ายวันหนึ่งนางจะต้องมาเป็นผู้หญิงของตนแน่นอน!

ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ ผู้แกร่งกล้าถึงจะได้รับความเคารพ ผู้อ่อนแอกลับไม่อาจอยู่รอด ต่อให้เบื้องหลังนางมีจวนตระกูลเฟิ่ง แต่ในโลกที่กว้างใหญ่นี้ สุดท้ายวันหนึ่งนางจะรู้ว่ามีเพียงผู้แกร่งกล้าที่สามารถคุ้มครองนางได้

นางพูดได้ไม่เลว เขาต้องหมั่นเพียรฝึกบำเพ็ญจริงๆ แคว้นแสงสุริยันเป็นแค่บันไดขั้นหนึ่ง เขาจะไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ภายนอกยังมีท้องฟ้าที่กว้างใหญ่กว่าให้ได้โผบิน…

จวนตระกูลเฟิ่ง

เฟิ่งจิ่วที่กลับถึงบ้านยังไม่เข้าห้องโถงก็ได้ยินเสียงกวนสีหลิ่นลอยมา

“ทำไมเสี่ยวจิ่วยังไม่กลับมาอีกขอรับ? มู่หรงอี้เซวียนนี่ก็จริงๆ เลย ชายชาตรีอกสามศอกยังโลเลยืดยาดได้น่าเบื่อหน่ายซะจริง”

“ใครบอกว่าข้าจะไม่กลับมากัน?”

เธอยิ้มเดินเข้าไป ก็เห็นกวนสีหลิ่นที่นั่งอยู่เข้ามารับหน้าทันทีที่เห็นเธอ

“เสี่ยวจิ่ว เจ้ากลับมาเสียที ข้าได้ยินว่าเจ้ากลับมาจึงรีบมาทันที”

“ท่านจะเข้าบ้านแล้ว ไม่กลับมาได้ด้วยรึ?”

เธอพูดยิ้มๆ เห็นในห้องโถงไม่เจอหยางหยางจึงถามว่า “ท่านปู่ หยางหยางล่ะเจ้าคะ?”

“เขาง่วงนอน ปู่ให้คนพาไปพักผ่อนแล้ว”

ท่านผู้เฒ่าเอ่ยทั้งรอยยิ้ม บอกว่า “ปู่สั่งห้องครัวทำอาหารที่หลานชอบมาสองสามอย่าง ประเดี๋ยวดื่มด้วยกันสักหน่อยค่อยกลับเรือนไปพักผ่อนนะ”

เฟิ่งเซียวได้ยินคำพูดนี้ของท่านผู้เฒ่ากลับขมวดคิ้วไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก กล่าวว่า

“ท่านพ่อ ชิงเกอเพิ่งกลับมาจากเดินทางต้องเหนื่อยแย่ จะดื่มก็ให้นางพักผ่อนดีๆ ก่อนค่อยว่ากันเถอะ ท่านดูสิ นางออกไปร่างกายก็ซูบผอมมากเพียงนี้ อยู่ด้านนอกต้องลำบากไม่น้อยซ้ำยังไม่ได้พักผ่อนดีๆ เป็นแน่”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยิ้มบอก “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ลูกไม่…” ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะ

“อืม ข้าก็คิดว่าควรให้เสี่ยวจิ่วกลับไปพักผ่อนเสียหน่อย คืนนี้พวกเราค่อยมากินดื่มกันดีๆ สักมื้อจะสบายใจกว่านะขอรับ”

………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!