№ 303 ข่าวน่าประหลาดใจ!
นางพูดอย่างมีนัยยะ แล้วท่านผู้เฒ่าจะฟังความหมายนางไม่ออกได้เช่นไร?
“เฮ้อ! สิ่งที่องค์จักรพรรดิไม่ชอบมาตั้งแต่สมัยก่อนคือข้าราชสำนักที่มีวิชายุทธ์สูงกว่านาย ไม่ต้องพูดกลุ่มอำนาจเช่นจวนตระกูลเฟิ่งเรานี้ หลังเรื่องวันนี้ไป เกรงว่าตระกูลเราจะไม่ใช่เพียงความไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ ในหัวใจผู้ครองแคว้นอีกแล้ว”
วิธีการปฏิบัติที่เพิกเฉยต่อคำสั่งผู้ครองแคว้นอย่างเปิดเผยเช่นนี้ต้องทิ้งเสี้ยนหนามไว้ในใจมู่หรงป๋อแน่นอน แต่เรื่องวันนี้พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ
หากรายงานตามความจริงให้เขารู้ว่าแม่หนูเฟิ่งคือภูตหมอ หนำซ้ำยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ เกรงว่าแม่หนูเฟิ่งจะต้องถูกมู่หรงป๋อควบคุมและกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุประจำราชวงศ์
ถึงอย่างไรเขาที่มีฐานะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลก็รู้ชัดอย่างยิ่ง สำหรับผู้เหนือกว่าหากรู้ว่ามีนักเล่นแร่แปรธาตุเช่นนี้อยู่จำจะต้องดึงเขามาเข้าตระกูลเพื่อผลประโยชน์
ไม้โดดเด่นในพงไพรย่อมต้องถูกลมพัดหักโค่น เพราะเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลข้อนี้ เมื่อเขาเห็นสายฟ้าสามสายนั้นฟาดลงมาถึงได้สั่งเฟิ่งเซียวเฝ้าประตูใหญ่ไว้ให้มั่น ใครกล้าบุกรุกต้องฆ่าอย่างไร้ปรานี!
เพราะเขารู้ดี หากให้ใครรู้ว่าหลานสาวสามารถกลั่นยาเซียนได้ แม้แต่ตระกูลเฟิ่งก็เกรงว่าจะปกป้องนางไม่ได้
และก็เพราะแบบนี้ เมื่อรู้ถึงพรสวรรค์โดดเด่นของนาง เขาเพียงลองพยายามคิดหาวิธีเก็บซ่อนพรสวรรค์อันน่าทึ่งนี้ของนาง ในขณะที่นางยังไม่แข็งแกร่งพวกเขาจะคอยปกป้องอย่างสุดความสามารถ ให้นางได้สั่งสมพลังความเข้มแข็งและรอคอยแสงสว่างเพื่อจะผลิบานในสถานการณ์ที่ดีที่สุด!
และเป็นดังที่พวกเขาคาดการณ์ มู่หรงป๋อที่กลับวังมาสะบัดมือกวาดข้าวของบนโต๊ะร่วงลงด้วยความโกรธในหัวใจที่ยากจะปิดบัง สีหน้าดำคร่ำเครียดลง แววตาเย็นชาฉายแววจิตสังหารผ่านไปรวดเร็วเสียจนคนไม่อาจสังเกต
จวนตระกูลเฟิ่งนี้เก็บซ่อนอะไรไว้กันแน่?
ความเป็นไปได้ที่สามารถล่อสายฟ้าสามสายมาไม่มีมากไปกว่าสองสามอย่าง แต่ไม่ว่าเป็นอย่างไหนเขาก็ล้วนรับไม่ได้
กลุ่มอำนาจจวนตระกูลเฟิ่งยามนี้แข็งแกร่งเกินไปนัก โดยเฉพาะกององครักษ์ประจำตระกูลที่ยิ่งเหนือกว่าทหารอารักขาราชวงศ์ กลุ่มอำนาจเช่นนี้หากใช้ให้ดีจะเป็นกระบี่คมที่ต่อกรกับศัตรู หากใช้ไม่ดีคมดาบที่แหลมคมก็จะหันมาทางเขา!
เรื่องสายฟ้าสามสายนี้เหมือนจะผ่านไปเช่นคลื่นลมสงบเงียบ ทว่าก็ไม่จริงนัก
ถึงไม่มีใครสอบถามข่าวคราวในจวนตระกูลเฟิ่งอีก แต่ในใจพวกเขากลับนึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด ขนาดพวกชาวบ้านบนถนนตามตรอกซอกซอยยังพูดถึงเรื่องฟ้าผ่าสามครั้งกลางวันแสกๆ ทว่าแม้มีคนกำลังซุบซิบกันด้วยหัวข้อสนทนานี้ แต่กลับไม่มีใครออกมาแถลงไข
พวกเขาเหมือนมีเจตนาอยากเปิดเผยแต่กลับนิ่งเฉย แม้แต่มู่หรงป๋อในช่วงเวลานี้ยังไม่ส่งคนมาถามไถ่และไม่ได้เรียกพบเฟิ่งเซียว ส่วนมู่หรงอี้เซวียนหลังยกเลิกการหมั้นก็เก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอดจึงไม่ได้ยินข่าวเรื่องนี้เลย
วันคืนเช่นนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยมาเกือบหนึ่งเดือน คนก็ค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องนี้ไป น้อยคนนักจะพูดคุยและเสวนาเรื่องจวนตระกูลเฟิ่งอีก กลุ่มอำนาจใหญ่ทั่วเมืองอวิ๋นเยวี่ยคล้ายจะกลับคืนสู่สภาวะสงบสุขไม่เกี่ยวข้องกันเช่นวันเก่าๆ
จนกระทั่งมีข่าวลือจากแคว้นเหินเวหามาสู่เมืองอวิ๋นเยวี่ยอย่างไม่มีคำเตือนราวกับสายฟ้า ทำลายซึ่งความสงบเพียงเปลือกนอกในเมืองแห่งนี้ ก่อคลื่นลมพายุโหมขึ้นภายในตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจทั้งหลาย ทำให้คนทั้งรู้สึกเหลือเชื่อและยากจะเชื่อได้…
ในจวนตระกูลเฟิ่ง เฟิ่งเซียวที่ได้ยินข่าวไฟโทสะปะทุขึ้นอย่างไม่อาจเก็บซ่อน ใบหน้าสง่าผ่าเผยยามนี้เปลี่ยนเป็นถมึงทึงน่าสะพรึงเพราะความขุ่นเคือง หลังสั่งพ่อบ้านดูแลจวนให้ดีตนก็ปรี่ไปยังพระราชวัง…
…………………………………………