№ 343 จัดเตรียมของขวัญล้ำค่า
และปัญหานี้ เหมือนจะไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองตระกูลที่ลังเล ผู้นำตระกูลระดับกลางคนหนึ่งในเมืองอวิ๋นเยวี่ยกำลังสนทนากับผู้อาวุโสสองสามคน หลังจากได้ยินเทียบเชิญที่คนเบื้องล่างนำมาให้ก็ขมวดคิ้ว
เขาถือเทียบเชิญนั้นไว้ มองยังชายชราคนหนึ่งด้านล่างฝั่งซ้ายพลางถาม “ผู้อาวุโสสูงสุด เทียบเชิญที่กวนสีหลิ่นส่งมานี้ คิดว่าถึงเวลานั้นพวกเราจะไปหรือไม่ไปดี?”
ชายชราลูบเครา มองเทียบเชิญสีแดงนั้นแวบหนึ่ง และบอกว่า “แม้กวนสีหลิ่นคนนี้จะสร้างตระกูลกวนขึ้นมาคนเดียว แต่ก็เป็นเพียงตระกูลเล็กๆ อำนาจอะไรไม่อาจเทียบกับวงศ์ตระกูลที่มีรากฐานแข็งแกร่งในเมืองอวิ๋นเยวี่ยได้ ด้วยเหตุนี้ต่อให้ไม่ไปก็ไม่มีปัญหา แต่ว่า…”
เสียงเขาชะงักลง ก่อนกล่าวอีกว่า “กวนสีหลิ่นคนนี้เป็นหนุ่มที่มีฝีมือและความกล้าหาญโดยแท้ ดูเผินๆ ธรรมดาแต่มองระยะยาวกลับแตกต่าง ไม่ต้องพูดถึงพละกำลัง ลำพังแค่ความสัมพันธ์กับจวนตระกูลเฟิ่ง ตระกูลเล็กๆ ของเขาก็สามารถยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ท่านผู้นำตระกูลควรส่งคนไปถามแผนตระกูลอื่นเสียหน่อย แล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย”
“อืม ผู้อาวุโสสูงสุดพูดมีเหตุผล” ผู้นำตระกูลคนนั้นพยักหน้าพูดอย่างเห็นด้วย ก่อนจะโบกมือสั่งคนไปถามข้อมูลมา
ส่วนอีกด้าน คนตระกูลกวนที่ได้ยินว่าบ้านใหม่ของกวนสีหลิ่นสร้างเสร็จแล้วและมีกำหนดขึ้นบ้านใหม่ในอีกสามวันให้หลัง สีหน้ากลับไม่น่ามองสักเท่าไหร่ ยามนี้บรรยากาศในคฤหาสน์ตระกูลกวนหนักอึ้งและกดดันอย่างยิ่ง ทำให้คนหายใจลำบากอยู่บ้าง
“ไม่นึกเลยว่าคนหยาบช้านั่นจะก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้ นี่เพิ่งผ่านไปนานแค่ไหนเอง ถึงขั้นสร้างบ้านสร้างคฤหาสน์ได้!” ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ชัดเจนว่าริษยาความสำเร็จในเวลาอันสั้นของกวนสีหลิ่นมาก ขณะเดียวกันลึกๆ ในใจก็มีความอิจฉาอยู่ด้วย
“จวนตระกูลเฟิ่งต้องช่วยเขาแน่ ไม่เช่นนั้นเขาตัวคนเดียวจะทำสำเร็จในเวลาสั้นๆ เพียงนี้ได้อย่างไร” อีกคนหนึ่งพูดขึ้น ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าไม่พอใจยิ่ง
“หึ! เขาถอนตัวจากตระกูลกวนเรา รับเฟิ่งเซียวเป็นพ่อบุญธรรม แล้วจวนตระกูลเฟิ่งจะไม่ช่วยเขาได้รึ?”
ผู้นำตระกูลตรงที่นั่งตำแหน่งอาวุโสมีสีหน้าเคร่งเครียด ฟังคำพูดพวกเขา เนิ่นนานนักถึงจะกล่าวเสียงขรึม “จวนตระกูลเฟิ่งช่วยเขาหรือไม่เราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เขาเองก็มีความสามารถอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ครองอันดับหนึ่งในลำดับรายชื่อตลาดมืด”
นึกถึงว่าตระกูลกวนต้องขายหน้ามากถึงเพียงนั้นเพราะเขา คนคนนี้กลับถอนตัวออกจากตระกูล ขณะที่พวกเขากำลังคิดว่ากวนสีหลิ่นจะไปไม่กลับมาเช่นสุนัขไร้บ้าน กวนสีหลิ่นกลับรับเฟิ่งเซียวเป็นพ่อบุญธรรม ตอนนี้ยังสร้างตระกูลกวนเล็กๆ ขึ้นมาเองอีก
ไม่ว่าตระกูลจะเล็กหรือใหญ่ เขาทำถึงขนาดนี้ได้ด้วยอายุเท่านี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว
“ท่านผู้เฒ่ามาแล้วขอรับ!”
เสียงตะโกนดังลั่นของพ่อบ้านด้านนอกทำให้ทุกคนในห้องโถงสงวนท่าที รีบร้อนลุกขึ้นต้อนรับ
เพียงเห็นผู้เฒ่ากวนค้ำไม้เท้าในมือเดินเข้ามา หลังกวาดมองผู้คนในห้องโถง สายตาคมกริบก็จับจ้องบนร่างผู้นำตระกูลที่เข้ามารับหน้า
ผู้นำตระกูลกวนเข้าไปประคองเขามานั่งตรงที่นั่งอาวุโสพลางถาม “ท่านพ่อ ท่านมาทำไมหรือขอรับ”
“ข้าจะถามเจ้าว่าสีหลิ่นส่งเทียบเชิญมาหรือไม่”
ได้ยินคำพูดผู้เฒ่า ทุกคนมองหน้ากันแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตา
“ไม่ขอรับ” น้ำเสียงผู้นำตระกูลเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง คล้ายไม่นึกว่าบิดาจะสนใจปัญหานี้
เมื่อได้ยินว่าไม่มีเทียบเชิญ ผู้เฒ่ากวนขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งถึงจะกำชับว่า “ต่อให้ไม่มี ถึงเวลาเขาขึ้นบ้านใหม่ เจ้าก็ต้องเตรียมของขวัญล้ำค่าส่งไปด้วย”
………………