№ 364 จ่ายมาด้วยชีวิต!
เรี่ยวแรงที่เดิมเคยหายไปเหมือนจะกลับคืนสู่ร่างชั่วขณะ สองดวงตามีแสงสว่างปะทุออกมาพร้อมกำปั้นแผดเสียงทุ้มต่ำ กลิ่นอายพลังวิญญาณทั่วร่างพุ่งพล่านขึ้นมารวมกันภายในเส้นโลหิตทุกส่วนของร่างกาย
“ย๊าก!”
พอแผดเสียงออกมาร่างกายที่เคว้งอยู่กลางอากาศก็เหยียดออกมา เพียงเห็นพวกเขาบางคนสองมือคว้าดึงดูดกระแสลมกลางเวหาไว้ในฝ่ามือแล้วตบลงไปยังชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่
บางคนก็จับข้อนิ้วยิงกระแสลมออกไปกลายเป็นใบมีดลมเย็นเฉียบแยกเป็นสามจากหนึ่งโจมตีไปทางชายชราร่างผอมคนนั้นด้วยท่วงท่าดุดัน การลงมือที่โหดเหี้ยมทำให้เฟิ่งจิ่วไม่อาจไม่ทอดถอนใจ วรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังช่างแตกต่างดังคาด
สองคนนอกนั้นคนหนึ่งเหวี่ยงหมัดจู่โจม ส่วนอีกคนสะบัดแขนเสื้อใช้อาวุธลับมากมายเข้าโจมตีต่างมุ่งไปทางชายชราผู้ซูบผอมคนนั้น การโจมตีของทั้งสี่ก่อตัวกันเป็นวงล้อมโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาล่าถอย ทว่าชายชรากำลังเหนือกว่าพวกเขาสี่คนอย่างชัดเจน
เพียงเห็นเขาที่เคยหลับตาวาดสัญลักษณ์เปิดดวงตาอันดุร้ายกระหายเลือดขึ้นกะทันหัน ดวงตาคู่นั้นคล้ายมีลำแสงสีเลือดปะทุออกมา กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นอายแห่งความตายพันล้อมรอบกายอย่างหนักหน่วง พอแผดเสียงหลังสองมือวาดสัญลักษณ์สุดท้ายเสร็จเรียบร้อยก็ผลักขึ้นไปทันใด
“อ๊าก!”
กลิ่นอายประกายสีเลือดคละคลุ้งกวัดแกว่งออกมาจากสองมือเขา ท่วงท่ารุนแรงพุ่งไปหาทั้งสี่คนราวกับพายุโหมกระหน่ำซัดพวกเขากระเด็นออกไปเสียดื้อๆ
“อั่ก!”
ทั้งสี่ต่างบาดเจ็บเพราะพลังประกายสีเลือดที่แข็งแกร่งรุนแรง ขณะที่ร่างกายลอยไปปากก็กระอักเลือดออกมา ล้มออกไปไกลสิบกว่าเมตรอย่างหนักหน่วงและร่วงลงตรงริมขอบค่ายกล เลือดที่พรั่งพรูอยู่บนพื้นที่ค่ายกลราวกับมีมือแต่ละคู่กดพวกเขาไว้กับพื้น
แต่โชคยังดีที่กลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างพวกเขาฟื้นคืนกลับมาและร่างกายไม่เมื่อยล้าอ่อนแรงเสียจนไม่อาจลุกยืนเช่นก่อนหน้านี้ ทว่าถึงอย่างไรก็บาดเจ็บจากกลิ่นอายประกายเลือดอันทรงพลังนั่น สักพักพอคิดจะลุกขึ้นจึงกลับทำไม่ได้
และในเวลานี้เอง หลังจากสายตาที่ดุร้ายกระหายเลือดของชายชราร่างผอมมองผ่านทั้งสี่คนในค่ายกลก็จับจ้องบนร่างเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ในค่ายกลไม่ขยับเขยื้อนกาย ไอสังหารในดวงตาแสนสะพรึง หน้าตาโหดเหี้ยมน่าหวาดกลัว ความบ้าคลั่งที่อยากจะเชือดเฟิ่งจิ่วเป็นชิ้นๆ ทำให้ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่เห็นแล้วหวั่นใจโดยฉับพลัน
“หนีไปเร็วเข้า!”
ทั้งสี่ส่งเสียงตะโกนอย่างทนไม่ได้ เวลานี้อดไม่ไหวที่จะพากันเป็นห่วงนางขึ้นมา ไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยเพราะนางกุมชะตาชีวิตพวกเขาไว้ ถึงอย่างไรหากนางตายดวงวิญญาณพวกเขาที่นางเก็บไปก็จะไม่โดนขู่เข็ญอีก
การส่งเสียงเตือนของพวกเขาเป็นเพียงเพราะความโดดเด่นของนาง แค่เพราะพวกเขาไม่อยากเห็นผู้ทรงอำนาจที่มีพลังแห่งราชันและมีความเป็นไปได้มากว่าสักวันหนึ่งจะได้ครอบครองใต้หล้าต้องถูกสังหารลงที่นี่ในยามที่ยังไม่ทันได้เฉิดฉาย
“หนี? ฮ่าๆๆๆๆ! ทำข้าเสียเรื่อง ข้าไม่เพียงต้องการฆ่านาง ยังอยากให้นางตาย อย่าง-ไม่-เหลือ-ซาก!”
น้ำเสียงที่เอ่ยทีละคำนั้นมีความโหดร้ายกระหายเลือด สิ้นสุดเสียงดุร้ายเย็นชาก็เห็นไอสังหารเข้าโจมตีอย่างมืดฟ้ามัวดินถาโถมไปทางเฟิ่งจิ่วราวกับคลื่นทะเลที่ซัดขึ้น เหมือนอยากให้เธอจมอยู่ในไอสังหารนั้น
ขณะเดียวกันชายชราผอมแห้งที่เดิมนั่งขัดสมาธิอยู่ตลอดเวลานี้ผุดลุกขึ้นมา ฝ่ามือจับท่ากรงเล็บและกลิ่นอายแห่งความตายที่มีความโหดเหี้ยมหนาวเหน็บก็จู่โจมมาทางเฟิ่งจิ่ว ความเร็วที่ว่องไวแทบจะทำให้คนมองไม่เห็นร่างเขา เพียงรู้สึกว่ากลิ่นอายแห่งความตายพิฆาตเข้มข้นเสียจนทำให้คนหายใจไม่ออก
“จงจ่ายมาด้วยชีวิตเจ้า!”
…………………….