Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 384

№ 384 อย่าก่อเรื่อง!

“มันเรียกว่าไทเก๊กขอรับ นายท่านสอนให้” เหลิ่งหวายกยิ้มขึ้นพูดอย่างเริงร่า ถึงภายในจวนมีคนมากมายเพียงนี้นายท่านก็สอนเขาแค่คนเดียวเท่านั้น

ไทเก๊ก? ชายวัยกลางคนทั้งแปดมองหน้ากัน ต่างไม่เคยได้ยินวิชาหมัดเช่นนี้ แต่ด้วยวรยุทธ์และสายตาจึงมองออกแน่นอนว่ากระบวนหมัดชุดนั้นอ่อนโยนยิ่งนัก คือการใช้ความอ่อนช้อยเปลี่ยนเป็นความแกร่งด้วยท่วงท่าสี่ตำลึงปาดพันชั่ง

“เหอะๆ เหลิ่งหวา พวกเรามาลองสักสองสามกระบวนท่าเป็นยังไง?” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น อยากจะลองพลังของหมัดนั้นเสียหน่อย

ใครจะรู้ว่าเหลิ่งหวากลับส่ายหน้า “ไม่ได้ขอรับ นายท่านสอนไทเก๊กนอกจากเพื่อร่างกายแข็งแรงก็เพื่อให้ข้ามีความสามารถป้องกันตัว จะใช้แสดงโอ้อวดฝีมือไม่ได้”

ได้ยินคำพูดนี้มุมปากพวกเขาก็กระตุก “ไม่ใช่โอ้อวดฝีมือ เป็นการเรียนรู้กันและกันต่างหาก” ทำไมหนุ่มน้อยคนนี้ถึงซื่อบื้อเพียงนี้? ไหนบอกว่าวันนั้นเขายังสั่งสอนองครักษ์คนหนึ่งอยู่เลยไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงหัวถึงไม่เข้าคำพูดอ้อมค้อมเสียแล้วเล่า?

“เช่นนั้นก็ไม่ได้ขอรับ ข้าจะไม่ลงมือกับพวกเดียวกัน” เขาพูดพลางส่ายหน้า ยืนอย่างเป็นระเบียบและไม่คิดจะสนใจพวกเขาอีก

เห็นเช่นนี้พวกเขาก็ส่ายหน้ายิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ไปหาพี่น้องคู่นี้มาจากไหน แม้กำลังจะไม่แกร่งมากแต่ชนะขาดในความภักดีที่มีมากพอต่อคุณหนูใหญ่

“เสี่ยวจิ่วกลับมาแล้วรึ?” กวนสีหลิ่นก้าวยาวเดินเข้ามาจากด้านนอก หลังจากเห็นชายวัยกลางคนแปดคนในสวนก็พยักหน้าให้

“คุณชาย นายท่านกลับมาแล้ว อยู่ข้างในห้องขอรับ” เหลิ่งหวาเอ่ยปากบอกพร้อมชี้ไปที่ห้อง

กวนสีหลิ่นก้าวยาวเดินเข้าไป บอกว่า “ข้ามีธุระกับนางพอดี” เขามาเคาะประตูหน้าห้องถึงจะเดินเข้าไป เห็นสองคนด้านในกำลังนั่งคุยกันอยู่จึงเดินไปหา

“พ่อบุญธรรม เสี่ยวจิ่ว”

“สีหลิ่นมาแล้ว! นั่งสิ“ เฟิ่งเซียวส่งสัญญาณให้เขามานั่งข้างๆ

“พี่ชาย แผ่นหยกนั้นตรวจสอบได้อะไรมาบ้าง?”

ท่านพ่อบอกเรื่องคืนนั้นกับเธอแล้ว ตามความคิดเธอ คนคนนั้นแค่จับตัวท่านปู่ไปและไม่ทำร้ายคนในเรือนคงจะไม่ทำอะไรเขาหรอก แต่ก็ไม่รู้ว่านี่จะเกี่ยวโยงกับเรื่องอะไรกันแน่? ถึงต้องเข้ามาจับตัวท่านปู่ไป?

ด้วยกำลังท่านปู่ กำลังของคนที่จับตัวเขาไปต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ เธอถึงกับมั่นใจได้ว่าต้องไม่ใช่คนแคว้นแสงสุริยันแน่นอน

“ส่งให้ตลาดมืดตรวจสอบแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไร ถึงอย่างไรกว่าข่าวนี้จะมาถึงยังต้องใช้เวลาสักพัก แต่ผู้ดูแลเหยียนบอกว่าหากมีข่าวคราวจะแจ้งพวกเราทันที”

กวนสีหลิ่นพูดจบก็มองเฟิ่งจิ่ว บอกว่า

“ข้าได้ยินหลัวอวี่บอกว่าการไปครั้งนี้พวกเจ้าเจอปัญหาเข้า ตอนนี้ไม่เป็นอะไรกลับมาก็ดีแล้ว เจ้านี่จริงๆ เลย กับผู้แข็งแกร่งระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดจะไปฝืนสู้ด้วยได้ยังไง? หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นพ่อบุญธรรมจะทำเช่นไร?”

“จริงด้วย! เสี่ยวจิ่ว ทีหลังเจ้าต้องระวังหน่อย จะก่อเรื่องเช่นครั้งนี้อีกไม่ได้ กำลังเจ้าคนเดียวถึงอย่างไรก็มีขีดจำกัด เรื่องไหนๆ ล้วนต้องทำตามกำลังตน ต่อให้ครั้งนี้หลัวอวี่ตายไปเพราะเหตุนี้ก็ไม่มีใครโทษเจ้าหรอก ที่จริงกำลังศัตรูก็แกร่งเกินไป วิธีการต่อสู้ด้วยชีวิตเช่นเจ้านี้พวกเราไม่เห็นด้วย”

เฟิ่งเซียวกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งนัก แค่หวังว่านางจะจดจำอันตรายครั้งนี้ไว้ว่าภายหลังจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกไม่ได้

“เจ้าค่ะ ลูกทราบแล้ว”

เธอยิ้มรับทั้งคิ้วตาโค้งมน ใบหน้ามอมแมมราวกับแมวลายตัวน้อยที่ซุกซนทำให้คนมองต่างผุดรอยยิ้มออกมาโดยฉับพลัน

เฟิ่งเซียวส่ายหน้ายิ้ม

“ดูเจ้าสิเนื้อตัวกระเซอะกระเซิง ไหนเล่าท่าทางของลูกสาวบ้านนี้? รีบกลับไปล้างให้สะอาดก่อนค่อยว่ากัน”

…………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!