Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 391

№ 391 ดักฆ่า!

แถบชานเมืองที่มีผู้คนบางตา หลังเฟิ่งจิ่วชะลอความเร็วลงก็พลิกตัวลงจากม้า อุ้มฉิวฉิวเดินช้าๆ ไปยังริมห้วยที่อยู่ตรงหน้าไม่ไกล ส่วนเหล่าไป๋นอนหมอบอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเกียจคร้าน

เธอล้างหน้าตรงริมห้วย รู้สึกได้ถึงสายลมเย็นฉ่ำกระทบใบหน้า ช่างสดชื่นเย็นสบาย ก่อนจะนั่งลงบนพื้นหญ้า หยิบผลไม้จากในแขนเสื้อออกมากินพลางมองท้องฟ้าและลำห้วยเบื้องหน้า เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง

เวลาประมาณครึ่งก้านธูปผ่านไป สองร่างสีเทาเข้าใกล้มาอย่างเงียบเชียบ ดวงตาดุร้ายของทั้งสองกวาดมองร่างสีแดงแล้ว สายตาก็หยุดลงบนเหล่าไป๋ที่หมอบอยู่บนพื้นหญ้า

สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งของที่ไม่อาจได้มาให้ดีที่สุดต้องทำลายเสีย!

แม้นี่จะเป็นสัตว์วิญญาณที่ระดับไม่ได้ต่ำ แต่ในเมื่อพวกเขาไม่อาจได้มา คนอื่นก็อย่าคิดจะได้ไป! ยิ่งไปกว่านั้นม้าที่ชื่อเหล่าไป๋ตัวนี้ยังเคยถีบพวกเขา ทำพวกเขาเสียเรื่อง ตอนนั้นจึงอยากฆ่ามันนัก

“ฮี้!”

เหล่าไป๋ที่หมอบอยู่บนพื้นหญ้ายืดตัวตรงมองไปยังบริเวณหนึ่ง แล้วส่งเสียงร้องออกมา

เฟิ่งจิ่วที่กินผลไม้อยู่มือหนึ่งเล่นขนฉิวฉิวในอ้อมแขน ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองการเคลื่อนไหวด้านหลัง ทว่าภายในดวงตากลับฉายประกายมีแผนการ

ชายชราในมุมมืดหยิบเกาทัณฑ์แขนเสื้อออกมา เล็งไปที่เหล่าไป๋เตรียมจะยิงสังหาร ตัวเฟิ่งจิ่วผู้ครองแคว้นยังต้องให้นางแต่งงานสานสัมพันธ์กับแคว้นเหินเวหา พวกเขาจึงลงมือไม่ได้ แต่ม้าตัวนี้พวกเขาสังหารได้!

ทว่าในเวลานี้เอง จู่ๆ มีกลิ่นอายอันตรายถาโถมเข้ามา ทำให้พวกเขาหนาวสั่นเสียดื้อๆ ทั้งสองมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง พอมองก็ตกใจโดยพลัน

“พวกเจ้าเป็นใคร!”

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สองชายชรากับอีกสองชายวัยกลางคนปรากฏตัวรอบๆ พวกเขา แรงกดดันที่ทรงพลังของศัตรูทำให้หัวใจคนทั้งสองสั่นไหวขึ้นมา เหงื่อเย็นไหลท่วม ในใจมีความรู้สึกอันตรายอย่างใหญ่หลวงผุดขึ้นเลือนราง

“แน่นอนว่าเป็นคนที่จะฆ่าเจ้า”

เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงกัดผลไม้พลางเดินเข้ามา เหลือบมองชายชราที่สีหน้าขาวซีดอย่างไม่แยแส มุมปากโค้งขึ้นเผยรอยยิ้มประหลาด “ข้าเตร็ดเตร่อยู่สามวัน พวกเจ้าถึงจะติดกับ ไม่ง่ายเลย!”

ได้ยินคำพูดนี้ สีเลือดบนใบหน้าคนทั้งสองจางหายไป มารู้ตัวเอาทีหลัง “เจ้าวางแผนล่อพวกเรา!”

เมื่อคำพูดนี้เปล่งออกมา ในห้วงความคิดพวกเขามีแสงแวบผ่าน “เฟิ่งเซียวไม่ได้หมดสติรึ?” ใช่แล้ว! มีเพียงเฟิ่งเซียวไม่หมดสติถึงจะบอกกล่าวเรื่องทั้งหมด ทำให้พวกเขาระวังตัว และทำให้คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งวางแผนล่อพวกเขามาติดกับ!

แต่สี่คนนี้มาได้อย่างไร? กำลังพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป กลิ่นอายก็ไม่ใช่แค่พลังเร้นลับระดับบรรพชนนักรบ ทว่า ทว่าเป็นพลังวิญญาณ! หนำซ้ำเกรงว่าจะไม่ต่ำกว่าระดับสร้างรากฐานเสียด้วย!

คุณหนูใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในห้องหับเช่นนางไปหาคนพวกนี้มาจากไหน? พวกเขามีพละกำลังเช่นนี้ ทำไมถึงฟังคำสั่งนางอย่างง่ายดาย?

แต่ละคำถามผุดขึ้นในความคิด แต่กลับหาคำตอบไม่ได้ สิ่งที่รู้ได้เพียงอย่างเดียวคือพวกเขาหลงกลนางเข้าแล้ว วันนี้เกรงว่ายากจะพ้นเคราะห์!

พอมีความคิดเช่นนี้ ใจพวกเขาสั่นไหววูบหนึ่ง หมุนตัวจะหนีไปในทันที ทว่ายามพวกเขาขยับตัว ร่างทั้งสี่นั้นก็พุ่งตามไป

“คิดจะหนี? หึ! เช่นนั้นก็หนีไป! รอดจากเงื้อมมือพวกเราได้ก็ถือว่าพวกเจ้ามีฝีมือ!”

หนึ่งในนั้นหัวเราะหยัน ร่างพุ่งออกไป เพียงชั่วอึดใจก็ไล่ตามคนหนึ่งทัน เขาลงมือจากด้านหลัง กลิ่นอายพลังวิญญาณที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าโถมออกไปปกคลุมบนร่างของชายชราคนนั้น ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ขยับเขยื้อนไม่ได้

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version