№ 408 ตะลึงความงามในยามค่ำคืน!
“หือ?”
ฝีเท้าที่เดินไปด้านในชะงักเล็กน้อย เฟิ่งจิ่วหันตัวกลับไปเลิกคิ้วมองยังผู้มาใหม่ ภายในดวงตามีประกายวาววับโลดแล่น ริมฝีปากแดงเผยอออกเบาๆ “กองทหารรักษาพระองค์ล้อมจวนเรา? คิดจะทำอะไรกัน”
“บอกให้พวกเราส่งตัวคนที่ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหาไปขอรับ” เห็นนางสวมเพียงชุดซับใน ฉีคังจึงรีบร้อนก้มหน้าลง
เหลิ่งซวงตอนนี้หยิบเสื้อคลุมจากด้านในออกมาสวมให้แล้ว เฟิ่งจิ่วรับช่วงผูกผ้าคาดเอวต่อเอง ส่วนเหลิ่งซวงใช้ผ้าผูกผมยกเส้นผมสีหมึกขึ้นรวบไว้หลวมๆ ให้ จัดระเบียบอย่างง่ายๆ เรียบร้อยก็ยืนเงียบอยู่ข้างๆ
“ไปเถอะ! ไปดูกันหน่อย” เธอจัดแจงเสื้อผ้าบนตัว เคลื่อนฝีก้าวเดินไปด้านนอก
“ขอรับ” ฉีคังขานรับและเร่งรีบตามไป
ด้านนอกจวนตระกูลเฟิ่งยามนี้ เหล่าทหารรักษาพระองค์ถือคบเพลิงล้อมทั้งจวนไว้ แสงไฟที่แผ่ออกมาจากคบเพลิงนั้นสว่างไสวไปทั่วบริเวณโดยรอบ สว่างราวกลางวัน นอกจากทหารรักษาพระองค์ประมาณสองกองที่ล้อมรอบจวน ยังมีอีกสองกองราวห้าสิบกว่าคนแยกกันยืนอยู่ซ้ายขวาของทางเข้าหลัก แต่ละคนเชิดหน้ายืดอกท่าทางขึงขัง
หัวหน้าคือสองผู้นำกองทหารรักษาพระองค์ สวมชุดเกราะสีเงิน ข้างเอวมีกระบี่ยาวประดับไว้ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายดุดัน หากมองโดยละเอียดยังเห็นความตื่นเต้นและดุร้ายเล็กน้อยจากท่าทีของพวกเขา
สำหรับการทำตามคำสั่งให้มาจับคนที่จวนตระกูลเฟิ่ง พวกเขาตื่นเต้นจากก้นบึ้งหัวใจ ตระกูลเฟิ่งเป็นเช่นไรพวกเขาต่างรู้ดี ทหารอารักขาเหล่านั้นที่ถูกเรียกว่าองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่ง แต่ละคนล้วนถูกยกย่องว่าเป็นทหารและผู้อารักขาที่โดดเด่นที่สุด พวกเขาอยากประลองฝีมือด้วยมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาส ตอนนี้มีโอกาสแล้วย่อมไม่ปล่อยไป
“คุณหนูใหญ่เฟิ่ง! ข้ารับคำสั่งจากผู้ครองแคว้น มาจับตัวคนที่ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหา! ขอคุณหนูใหญ่เฟิ่งโปรดส่งตัวมาด้วย!”
หนึ่งในสองผู้นำทหารเปล่งเสียงหนักแน่นที่แฝงกลิ่นอายพลังเร้นลับออกมา ดังชัดเจนเป็นพิเศษกลางค่ำคืน ครั้นเสียงนี้ดังขึ้น ผู้คนในจวนล้วนได้ยิน และทำให้ชาวบ้านที่ล้อมวงเข้ามาชมตกตะลึงยิ่ง
ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหา? ไม่ใช่กระมัง จริงหรือเท็จกันแน่
“บุก ทุบประตู!”
ผู้นำทหารคนนั้นให้สัญญาณ สั่งทหารสองคนเข้าไปทุบประตู ทว่าพวกเขาเพิ่งเดินหน้า มือที่ง้างขึ้นยังไม่ทันตบลง ก็เห็นประตูใหญ่จวนเปิดออกอย่างช้าๆ คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งในชุดสีแดงปรากฏตัวภายในประตูบานนั้น ใบหน้างามล้ำ กลิ่นอายชั่วร้ายทรงเสน่ห์ ทำให้ทหารสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูมองตาค้างโดยฉับพลัน
เหลิ่งซวงที่ตามอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วเห็นทหารสองคนนั้นจ้องมองนายท่านอย่างใหลหลง แววตาทั้งละโมบและตะลึงในความงาม จึงถีบทั้งสองกระเด็นไปทันที
“ไสหัวไป!”
เสียงเย็นชาที่หนาวเหน็บดั่งน้ำค้างแข็งเปล่งออกมาพร้อมความดุร้าย ทหารรักษาพระองค์ทั้งสองไม่อาจหลบได้เพราะมึนงง จึงรับลูกเตะนั้นไปอย่างจัง ก่อนจะโซเซทรุดนั่งลงบนพื้น
“เจ้า!”
สองคนที่ตั้งสติได้ลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว ชักกระบี่ข้างเอวออกมาจะต่อสู้ แต่ได้ยินคุณหนูใหญ่เฟิ่งผู้งามเลิศทรงเสน่ห์เอ่ยปากจึงนิ่งชะงักลง
“เป็นอะไร คิดจะลงมือหน้าประตูจวนข้ารึ?”
เฟิ่งจิ่วที่สวมชุดแดงทั้งอวดดีและชั่วร้าย ดวงตางดงามหรี่ลงและมองผ่านคนพวกนั้นไป ใบหน้าพริ้มเพรามีความร้ายกาจสามส่วนกับความเกียจคร้านอีกเจ็ดส่วน กลางหว่างคิ้วมีรัศมีมั่นใจและเย็นเยียบกระจายออกมา ทำให้นายทหารสองคนนั้นก้มหน้าลงพลางก้าวถอยไปโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้ามองตรงๆ
เมื่อเห็นร่างสีแดงแพรวพราวนั้น นัยน์ตาของเหล่าคนซึ่งมุงดูอยู่ไม่ไกลต่างเผยความตะลึงและหลงใหลที่ไม่อาจปิดบัง…
………………………….