№ 422 มาส่งสินสอด!
“หนำซ้ำคนที่ถูกใจนางยังเป็นรัชทายาทแคว้นเหินเวหา นั่นเป็นถึงรัชทายาทแคว้นเรืองอำนาจระดับหก พระชายาก็ต้องเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์จากแคว้นเรืองอำนาจเช่นกัน หากคุณหนูใหญ่เฟิ่งแต่งออกไปจริง เกรงว่าคงมีชีวิตดีอยู่แค่ไม่กี่ปี”
“ก็ใช่ ใครบ้างไม่รู้ว่าในตระกูลใหญ่มากอำนาจมีเรื่องหน้าไหว้หลังหลอกมากที่สุด”
ผู้คนต่างเสวนากันพลางตามไปตลอดจนถึงหน้าประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่ง เห็นขบวนเบื้องหน้าหยุดลง เสียงพูดคุยพวกเขาก็เบาลงไปบ้าง กลัวว่าคนข้างหน้าจะได้ยิน
เพราะการเคลื่อนขบวนพลของรัชทายาทไม่ใช่เล็กๆ จึงแทบทำให้ทั่วเมืองอวิ๋นเยวี่ยตื่นตกใจ คนจากตระกูลไม่น้อยพากันเข้าไปดู คิดเพียงว่าช่วงนี้จวนตระกูลเฟิ่งเกิดเรื่องมากมายจริงๆ ปัญหาหนึ่งผ่านไปเรื่องใหม่ก็มาอีก
พวกเขานึกว่าจวนตระกูลเฟิ่งจะล่มสลายในช่วงเวลานี้ แต่กลับยังอยู่ดีตรงนั้นไม่มีใครสั่นคลอนได้ ตามที่ได้ยินมา หลังจากเรื่องเมื่อคืนเหล่าองครักษ์ที่หลบซ่อนในเมืองก็เปิดเผยตัวคอยอารักขารอบๆ จวน หากเห็นเรื่องเช้านี้อีก พวกเขาอยากรู้จริงๆ ว่าจวนตระกูลเฟิ่งจะทำอะไรคนขององค์รัชทายาทแคว้นเหินเวหาหรือไม่?
เมื่อกองทัพรัชทายาทขนสินสอดมาถึงจวนตระกูลเฟิ่ง เพราะความเคลื่อนไหวใหญ่โต ยังไม่ทันเข้าใกล้คนในจวนตระกูลเฟิ่ง คนข้างในก็ได้ยินเสียงรื่นเริงตีฆ้องร้องป่าวแล้ว ด้วยเหตุนี้พ่อบ้านจึงลนลานมายังเรือนของเฟิ่งจิ่ว และพบกับเหลิ่งซวงซึ่งกำลังออกมาที่ลานพอดี
“เหลิ่งซวง คุณหนูใหญ่ตื่นหรือยัง?” เขาขวางนางไว้พลางถามอย่างร้อนรน
“ยังไม่ตื่นเจ้าค่ะ ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเสียงดังเพียงนั้น?” เหลิ่งซวงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา เสียงด้านนอกดังเกินไป แม้แต่ด้านในนี้ยังได้ยิน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะรบกวนการพักผ่อนของคุณหนูใหญ่
“เฮ้อ! ก็รัชทายาทแคว้นเหินเวหาน่ะสิ เขาพาคนขนสินสอดทองหมั้นตีฆ้องร้องป่าวมาที่ตระกูลเฟิ่งเรา ตอนนี้เดาว่าคงใกล้ถึงประตูใหญ่แล้ว พอข้าได้ข่าวก็รีบเข้ามาดูว่าคุณหนูใหญ่ตื่นหรือยัง”
ได้ยินเช่นนี้ เหลิ่งซวงขมวดคิ้วขึ้นมา กำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงเฟิ่งจิ่วดังมาจากในเรือน
“เหลิ่งซวง ไปเรียกหลัวอวี่มาให้ข้า”
เมื่อได้ยินเสียงในเรือนที่แหบแห้งเคร่งครึม เหลิ่งซวงตกใจเล็กน้อยขานรับทันทีว่า “เจ้าค่ะ” สิ้นเสียงก็มุ่งไปด้านนอก
“คุณหนูใหญ่ คนของรัชทายาทแคว้นเหินเวหาขนสินสอดมา เดาว่าคงใกล้ถึงประตูใหญ่แล้วขอรับ” พ่อบ้านรีบร้อนพูดขึ้นหลังจากอึ้งไป ในดวงตามีความกังวล
“เจ้าให้พวกฉีคังลองไปดูด้านหน้าที กำชับองครักษ์อย่าเพิ่งลงมือโดยง่าย ให้รอคำสั่งจากข้า”
ได้ยินเช่นนี้พ่อบ้านก็รีบขานรับ “ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไป”
ยามนี้ภายในห้อง กลิ่นอายในอากาศแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบเพราะอารมณ์ของคนด้านใน อากาศหนาวเหน็บขึ้น บรรยากาศอึมครึมขึ้นบางส่วน กลิ่นอายอันตรายเช่นนั้นท่วมท้นอยู่ในอากาศ ทำให้มีความรู้สึกสั่นเทิ้มหวาดกลัว
เฟิ่งจิ่วที่พลิกตัวขึ้นนั่งบนเตียงสวมชุดซับในเส้นผมสีหมึกยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เหมือนจะโมโหถึงขีดสุด ซ้ำยังมีไฟโกรธลุกโชน สรุปคือความรู้สึกที่ส่งมาจากตัวเธอตอนนี้คือกำลังระงับไฟโทสะ แต่มันยังคงพลุ่งพล่านออกมาอย่างหยุดไม่ได้
“เจ้ารัชทายาทสมควรตาย! สารเลวเนี่ยเถิง! ทำซ้ำๆ อยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน! ในเมื่อมารนหาที่ตายถึงที่ ข้าจะไม่ช่วยเจ้าได้อย่างไร?”
เพราะนอนไม่พอ ตื่นมาจึงหงุดหงิด กลิ่นอายทั่วร่างมืดทะมึนจนน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
หลังลงจากเตียงเธอล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เปิดประตูเดินออกไป ยามนี้จึงเห็นเหลิ่งซวงพาหลัวอวี่เข้ามาพอดี
“นาย นายท่าน?”
………………………