№ 442 เจ้าตำหนักยมราชยิ่งประหม่า
เมื่อฮุยหลางกับอิ่งอีด้านนอกเห็นนายท่านออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย เร็วถึงเพียงนี้เชียว?
“นายท่าน ท่านออกมาแล้ว?”
ทั้งสองเดินเข้าไปใกล้ เห็นใบหูเขายังแดงเล็กน้อย ในใจก็หัวเราะเบาๆ ไม่นึกเลยว่านายท่านจะเขินอายเป็นด้วย เห็นได้ยากจริงๆ! แต่เสร็จเรื่องรวดเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่?
ฮุยหลางพินิจมองเขาจากบนลงล่าง พลางคิดว่าเย็นนี้ต้องสั่งห้องครัวจวนตระกูลเฟิ่งตุ๋นของบำรุงอะไรให้นายท่านหรือไม่?
เจ้าตำหนักยมราชจัดการอารมณ์ ชายตามองสองคนนั้น เห็นพวกเขาจ้องตนด้วยท่าทางแปลกๆ สีหน้าจึงเคร่งขรึมทันที “นิ่งอะไรอยู่ตรงนี้? ไปตามแม่เหลิ่งซวงคนนั้นมา! แล้วให้คนเตรียมน้ำร้อนเข้าไปให้นางอาบด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางฉีกยิ้มกว้าง “ขอรับๆๆ ข้าจะไปเดี๋ยว ไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ!”
ฮ่าๆ ดูท่าทางจะสำเร็จแล้ว ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าเส้นทางการไล่ตามภรรยาของนายท่านจะห่างไกลไร้วันจบสิ้น ไม่นึกเลยว่าไม่ทันไรนายท่านก็จัดการภูตหมอเรียบร้อย อีกทั้งกินนางกลางวันแสกๆ จิ๊ๆ ความเร็วนี้ทำให้พวกเขารั้งท้ายตามอยู่ไกลจริงๆ
เห็นฮุยหลางฉีกยิ้มวิ่งไปหน้าระรื่น เจ้าตำหนักยมราชไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่คิดๆ ดูแล้วที่ผ่านมาฮุยหลางมักจะไม่เอาไหน จึงไม่ไปสนใจ แต่บอกอิ่งอีว่า “หยิบของสองสามอย่างจากในห้วงมิติมา แล้วตามข้าไปพบผู้นำตระกูลเฟิ่ง”
“ขอรับ”
อิ่งอีขานรับด้วยความเคารพ หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ก่อนมาออกจากห้วงมิติ ก่อนถือตามหลังนายท่านไปยังเรือนของเฟิ่งเซียว
ตลอดทาง คนจวนตระกูลเฟิ่งเห็นเจ้าตำหนักยมราชต่างคารวะด้วยความเคารพ พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มชุดดำคนนี้กำจัดตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณได้เพียงดีดนิ้ว หนำซ้ำหากเขาไม่ลงมือ ยามนี้พวกเขาจวนตระกูลเฟิ่งคงประสบปัญหาใหญ่จริงๆ แล้ว
คนเบื้องบนล้วนกำชับว่าเขาเป็นแขกของจวน จะละเลยเขาไม่ได้
ทางด้านนั้นก็มีคนรายงายเฟิ่งเซียวเรื่องเจ้าตำหนักยมราช ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินว่าเขาจะเข้ามาคารวะจึงไม่ผลักไส แต่ให้คนเชิญเขาเข้ามา
ประตูห้องเปิดออก เมื่อชายหนุ่มสวมชุดคลุมดำลวดลายอ่อนจางเดินเข้ามา เฟิ่งเซียวอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่า ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายเจ้าเหนือหัวที่ทั้งเด็ดเดี่ยวและดุดัน บุคลิกสูงส่งนั้นทำให้เขาที่เห็นบุคคลโดดเด่นทุกรูปแบบมาจนชินยังอยากชมเชยอย่างอดไม่ได้
ช่างเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาที่สูงศักดิ์ไร้ใครเทียม!
รูปโฉมเขาสมบูรณ์แบบจนไม่อาจหาที่ตำหนิ เครื่องหน้าทั้งห้าโดดเด่นเข้ากัน ทุกส่วนล้วนราวกับสวรรค์แกะสลักมาอย่างประณีต รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดในใต้หล้ามาประกอบร่าง บุรุษเช่นนี้มีท่วงท่าเยี่ยงชาวสวรรค์ บุคลิกสูงส่ง ทรงอำนาจปานราชัน เป็นดั่งเทพบุตรเหนือสวรรค์ทั้งเก้าชั้น สูงส่งจนคนไม่กล้ามองตรงๆ
เวลานี้อยู่เบื้องหน้าเขา แม้แต่เฟิ่งเซียวยังประหม่าขึ้นมาบ้าง เพราะรัศมีอำนาจนั้นน่าสะพรึงเกินไปจริงๆ
ทว่าเขาไม่รู้ เจ้าตำหนักยมราชประหม่ายิ่งกว่าเขาเสียอีก
เพราะความประหม่าของเขา อำนาจแห่งราชันบนร่างถึงกระจายออกมาโดยไม่อาจปิดบัง เพราะความประหม่านั้น ใบหน้าจึงแข็งทื่อไปบ้าง อยากยกยิ้มและพยายามสงบกลิ่นอายบนร่างแต่กลับทำไม่ได้ เมื่อยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งประหม่า สุดท้ายรูปโฉมหล่อเหลาจึงเย็นชาแข็งกร้าวราวกับใบหน้าเป็นอัมพาตเพราะเหตุนี้…
สวรรค์รู้ดี ยามนี้ฝ่ามือเขามีเหงื่อออกชุ่มเพราะประหม่าเกินไป ต้องรู้ไว้ว่าเฟิ่งเซียวคนนี้เป็นว่าที่พ่อตาของเขา มาพบว่าที่พ่อตาครั้งแรก อารมณ์ที่ตื่นเต้นและกระวนกระวายนี้เป็นสิ่งที่คนนอกไม่อาจเข้าใจได้
…………………….