Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 450

№ 450 กลับมาแล้ว

เป็นดังคาด เมื่อได้ยินคำพูดขัดอารมณ์นี้ รอยยิ้มตรงริมฝีปากเจ้าตำหนักยมราชก็แข็งทื่อ ก่อนจะกวาดมองเฟิ่งจิ่วที่มีสีหน้าท่าทางยียวนด้วยความโกรธเคือง

ผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องระหว่างชายหญิงอยู่ดี

“เจ้าตำหนัก ช่วงนี้เรื่องที่ข้าต้องทำมีเยอะมากจริงๆ ท่านจะพักอยู่บ้านข้ายังไง ช่วงนี้ก็อย่ามารบกวนข้าแล้วกัน” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม เห็นเขาสีหน้าไม่ดีจึงพูดต่อไปว่า “แม้ข้าจะซาบซึ้งมากที่ท่านช่วยตระกูลเฟิ่งเราไว้ครั้งใหญ่ แต่เรื่องที่มีความสามารถพอ ข้าก็หวังว่าจะทำด้วยตนเองได้”

แต่ไหนแต่ไรเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่พึ่งพาผู้ชาย หลายเรื่องล้วนจัดการเองจนเคยชิน หากพึ่งคนอื่นตลอด สุดท้ายก็จะติดนิสัยชอบพึ่งผู้อื่น ผู้หญิงที่พึ่งคนอื่นเป็นนิสัยจะมีชีวิตอยู่โดยยึดติดกับผู้ชาย แต่เธอไม่อนุญาตให้ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงเช่นนั้นแน่นอน

ได้ยินเช่นนี้ เจ้าตำหนักมองลึกที่นาง เห็นใบหน้านางอมยิ้ม แต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความจริงจัง คิดเพียงเล็กน้อยก็รู้ความหมายของนาง ด้วยเหตุนี้จึงละสายตาออก เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดซึ่งเจือความหยิ่งยโสบางส่วน “ข้าก็ไม่ใช่คนที่จะช่วยอะไรใครไปเสียหมด”

“เช่นนี้ก็ดี เหลิ่งซวง พาเจ้าตำหนักยมราชไปพักผ่อนที่เรือนเขาเถอะ!” เธอตะโกนออกไป เห็นเหลิ่งซวงเดินเข้ามาจากด้านนอก และทำท่ามือเชื้อเชิญให้เจ้าตำหนัก

“เชิญตามข้ามาเจ้าค่ะ”

แม้หนังหน้าเขาจะหนา แต่โดนนางผลักไสครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ สีหน้าก็อับอายอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้จึงทำหน้าเคร่งขรึมลุกขึ้นมา หลังจากชายตามองนางก็สาวก้าวเดินออกไป

อิ่งอีชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วที่พิงข้างประตู แล้วตามฝีเท้านายท่านออกจากเขตเรือนนี้ไป ในใจแอบทอดถอนใจว่า ‘นายท่านกับภูตหมอเป็นคนรักกันแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมการไปมาหาสู่ของสองคนถึงพิกลเช่นนี้?’

ยามมองพวกเขาออกไป แววตาเฟิ่งจิ่วยิ่งลึกล้ำ เนิ่นนานถึงจะดึงสายตากลับมาและหมุนตัวเข้าห้อง หลังจากปิดประตูก็เข้าห้วงมิติไปฝึกบำเพ็ญ…

เมื่อค่ำคืนมาเยือน ฮุยหลางที่ทำตามคำสั่งมุ่งหน้าไปพระราชวังเพียงคนเดียว และแอบเข้าตำหนักมู่หรงป๋ออย่างเงียบเชียบ ครั้นเห็นว่าตำหนักมีคนไม่น้อยเฝ้าอยู่โดยรอบก็แอบหัวเราะเยาะ

คนแค่นี้หรือจะคุ้มกันได้? อย่าฝันเฟื่องเกินไปหน่อยเลย ล่วงเกินเขาถือเป็นเรื่องเล็ก แต่หากล่วงเกินภูตหมอนายหญิงในอนาคตของนายท่าน ปัญหานั้นก็ใหญ่หลวงแล้ว

นึกถึงยาขวดนั้นที่ภูตหมอให้มา เขาจึงหยิบออกมาเล่นในมือพลางกลอกตาขบคิด ก่อนเก็บมันกลับเข้าห้วงมิติ จากนั้นโฉบกายลงมาด้านล่าง ส่วนมู่หรงป๋อที่ระวังอยู่ตลอดก็ไม่รู้เลยว่ามีคนแอบเข้าตำหนักมาถึงข้างกายเงียบๆ แล้ว…

เที่ยงคืนผ่านไป ฮุยหลางกลับถึงจวนตระกูลเฟิ่งก็มายังเรือนของเฟิ่งจิ่ว กลับเห็นว่าไฟดับไปแล้ว จึงจำใจกลับไปหานายท่านก่อน ทว่ายังไม่ทันเข้าเขตเรือนก็เห็นอิ่งอีในลานบ้านเหลือบมองมา เอ่ยถามว่า “เจ้าไปไหนมา?”

“ข้าไปช่วยภูตหมอทำธุระ” เขาฉีกยิ้มกว้าง พูดอย่างดีอกดีใจ กำลังจะบอกว่าคืนนี้เขาไปทำเรื่องสนุกอะไรมา ก็ได้ยินเสียงนายท่านลอยดังมาจากในห้อง

“เข้ามา”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเคร่งเครียด แววตาฮุยหลางพลันเปลี่ยน ถามว่า “อารมณ์นายท่านเป็นอย่างไร?” หลังจากรับคำสั่งภูตหมอก็ออกจากจวนไปศึกษาเส้นทางให้คุ้นเคย ด้วยเหตุนี้ภายในจวนเกิดอะไรขึ้นบ้างจึงไม่รู้เรื่องเลยสักนิด

“เจ้าเข้าไปก็รู้เอง” อิ่งอีให้สัญญาณเขาเข้าไปโดยไม่พูดอะไรมาก

ได้ยินเช่นนี้ ฮุยหลางเลยจำต้องฝืนใจเดินเข้าห้องไป เห็นนายท่านนั่งอยู่ข้างโต๊ะจึงเข้าไปคารวะ “นายท่าน ข้าน้อยกลับมาแล้วขอรับ”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!