№ 454 คิดจะทิ้งข้า?
ได้ยินเช่นนี้อิ่งอีก็มองไปในเรือนแวบหนึ่ง กดเสียงพูดว่า “เดาว่าคงรอภูตหมอเสร็จธุระแล้วนึกถึงเขาเมื่อไหร่ค่อยออกมากระมัง!” นายท่านอารมณ์ไม่ดี พวกเขาที่เป็นข้ารับใช้จึงต้องให้กำลังใจเสียหน่อย
สองวันนี้ฮุยหลางกล้ากระโดดโลดเต้นเสียเริงร่า แต่เขายังไม่กล้าแม้แต่จะยิ้มสักที
“รอภูตหมอคิดถึงเขา?”
ฮุยหลางสีทำหน้าประหลาด บอกว่า “เทียบกับเรื่องนี้ ข้าคิดว่านายท่านไปป้วนเปี้ยนแถวเรือนภูตหมอ เดินไปเดินมาต่อหน้านางเอง ถึงจะพอเข้าเค้าหน่อย”
รอภูตหมอคิดถึงนายท่าน? เหอะ! กล่าวเช่นนี้ไม่น่าฟังเท่าไหร่ เดาว่านายท่านรอไปเรื่อยๆ ภูตหมอก็ลืมเขาแล้ว
อิ่งอีมองเขาแวบหนึ่ง แนะนำว่า “ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ลองเข้าไปแนะนำนายท่านสิ?”
“ข้าอีกแล้ว?”
ฮุยหลางถลึงตาขึ้นมา “เจ้าอย่าใจดำเกินนักเลย ทำไมถึงแนะนำข้าไปทำแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น? เจ้ากล้าก็ไปเองสิ ข้าไม่ไปหรอก”
“ไม่ไปหานายท่าน เจ้าไปหาภูตหมอก็ได้!” อิ่งอีเอ่ยต่อไป “สองวันนี้เจ้าวิ่งแจ้นไปหาภูตหมอบ่อยๆ ไม่ใช่หรือ? ลองพูดดีๆ ถึงนายท่านต่อหน้านาง บอกเตือนเสียหน่อย นางอาจจะเข้ามา”
ได้ยินเช่นนี้ ฮุยหลางถึงบอกว่า “แม้สองสามวันนี้ข้าวนเวียนอยู่ใกล้ภูตหมอบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยเจอตัวนางเท่าไหร่ นางคล้ายกำลังยุ่งกับธุระมากมาย หนำซ้ำยังสั่งงานบางอย่างกับองครักษ์พวกนั้น ก่อนจะฝึกบำเพ็ญอยู่ในห้องไม่ออกมา และไม่ให้ใครรบกวน ถึงข้าอยากพูดดีๆ ถึงนายท่านก็ไม่มีโอกาสเลย!”
พูดจบก็เหมือนนึกอะไรได้ เอ่ยถามอีกว่า “นายท่านกับผู้นำตระกูลเฟิ่งคุยกันสนิทสนมดีไม่ใช่หรือ? สองวันนี้ทำไมถึงไม่ไป?” การผูกมิตรกับว่าที่พ่อตาเป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นานๆ ทีพวกเขาจะมาอยู่จวนตระกูลเฟิ่ง โอกาสเช่นนี้จะพลาดไปไม่ได้
“สองวันนี้ผู้นำตระกูลเฟิ่งเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ นายท่านย่อมไม่ไปรบกวนอยู่แล้ว” อิ่งอีบอกไป
“โอ้ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” ฮุยหลางพยักหน้า คิดๆ แล้วก็บอกว่า “เช่นนั้นข้าจะลองไปดูทางด้านภูตหมอแล้วกัน! เจ้าก็ชี้แนะนายท่านให้มากหน่อย อย่าฝึกบำเพ็ญอยู่ในห้องบ่อยนัก อาศัยที่ตอนนี้พวกเราพักอยู่จวนตระกูลเฟิ่ง จะต้องคว้าโอกาสไว้ให้มั่น”
เขาพูดพลางเดินไปด้านนอก จะไปดูสถานการณ์ทางด้านเฟิ่งจิ่วเสียหน่อย
ส่วนภายในเรือน เจ้าตำหนักยมราชไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ และได้ยินเสียงสองคนคุยกันด้านนอกกับหู เขาคิดไปคิดมาตนเองเดินทางไกลพันลี้มาที่นี่ หรือยังอายที่จะไปอยู่ใกล้ๆ นางอีก?
ผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจเรื่องความรู้สึกเช่นนั้น เขาก็รู้ตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือ? แล้วจะต่อปากต่อคำกับนางทำไม? ไม่แน่ยิ่งเขาต่อล้อต่อเถียง ยิ่งไม่ไปหา นางจะยิ่งเริงร่าอย่างสงบสุข
นึกถึงตรงนี้แล้วแววตาเขายิ่งลึกล้ำ แค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “หึ! คิดจะทิ้งข้ารึ? เจ้าไม่มีโอกาสหรอก” พอตัดสินใจแน่วแน่ก็ลุกขึ้นเดินออกจากประตูห้องไป
อิ่งอีด้านนอกเห็นเขาออกมา จึงเข้าไปคารวะทันที “นายท่าน”
“อืม” เจ้าตำหนักขานรับ ฝีเท้าเดินไปด้านนอกไม่หยุด เมื่อไปถึงเรือนของเฟิ่งจิ่วกลับพบฮุยหลางกำลังเดินกลับมาพอดี
“นายท่าน คุณหนูใหญ่ไม่อยู่ในเรือน ได้ยินว่าไปภูเขาด้านหลังขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาดำของเขาก็ฉายประกายจางๆ วาบผ่าน แปลกใจอยู่บ้าง “ภูเขาด้านหลัง? ช่วงนี้องครักษ์พวกนั้นก็ถอยไปตรงนั้นไม่ใช่หรือ นางไปทำอะไรที่นั่น?”
“เรื่องนี้ข้าน้อยไม่รู้ชัด แต่สองวันนี้เห็นนางสั่งงานบางอย่างกับองครักษ์ หนำซ้ำยังแอบระดมพลกลุ่มอำนาจส่วนหนึ่งในเมืองอวิ๋นเยวี่ย เหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นขอรับ”
…………………..